16 ต.ค. 2019 เวลา 01:48 • ปรัชญา
โพสนี้มีที่เป็น Spoiler หนัง interstellar นะครับ
ใครที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ผมขอแนะนำให้ไปดูนะครับ
หนังดีมากๆ ทำผมน้ำตาร่วงไปหลายฉากเลย
ถ้าใครดูมาแล้วก็อ่านโพสต่อได้เลยครับผม
โพสนี้จะเป็นรีวิวหนังนะครับ อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องหุ้น
ถือซะว่าเป็นการอ่านเพลินๆนะครับ แบ่งปันประสบการณ์ดีๆกันครับ
"มนุษย์เกิดมาบนโลกนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องพบจุดจบบนโลกใบนี้"
ประโยคเด็ดของหนังที่มีความหมายลึกซึ้ง
มากกว่าความหมายปกติของประโยคนี้
หลายๆครั้งที่การดูหนังหรือไปสัมพัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ
มักจะช่วยขยายมุมมองที่เรามีในสิ่งที่เราสนใจให้กับตัวเรา
และการดูหนังเรื่อง Interstellar
ก็ช่วยขยายมุมมองให้กับตัวผมเช่นกันครับ
ผมเองสนใจเกี่ยวกับเรื่องของการสำรวจอวกาศอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
จึงไม่แปลกที่หนังเรื่องนี้จะติดอยู่ในรายชื่อหนังต้องดูของผมทันที
แต่พอดูจบแล้วผมกับพบว่าหนังไม่ได้มีเพียงแค่เนื้อหาของการสำรวจอวกาศเท่านั้น
อันที่จริงต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสำรวจอวกาศ
ที่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การสำรวจอวกาศแต่อย่างใด
แต่กลับเป็นหนังที่เน้นการสำรวจจิตใจของเรามากกว่า
หนังใส่ใจกับมุมมองเชิงจิตวิทยา มากกว่า มุมมองเชิงดาราศาสตร์ หรือ ทางฟิสิกส์ ซะอีก
จึงไม่แปลกที่หนังเรื่องนี้จะโดนติงเรื่องความไม่สมเหตุ สมผล ของหลายๆ ฉากในหนัง
แต่สำหรับผม ผมกลับคิดว่าถ้ามองถึงในแง่มุมเชิงจิตวิทยาหนังถือว่าทำออกมาได้สมเหตุผลมากๆที่เดียว
เราเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบ และ ทางออกของปัญหาจนสุดขอบจักรวาล เพียงเพื่อที่จะได้รู้ว่า แท้จริงแล้วคำตอบของทุกๆปัญหา กับอยู่ที่ตัวของเราเอง
มนุษย์ คือ สิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงตรงที่
เราไม่เกรงกลัวที่จะไปยังที่ๆอาจจะทำให้เราต้องตายได้ภายในชั่วพริบตา
แล้วเรายังกล้าที่จะคิดอีกว่า ที่ดังกล่าวคือ ที่ๆจะแก้ปัญหาของเราได้
ผมคิดว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดบนโลกที่จะคิดว่าทางออกของปัญหาของตัวเองจะอยู่นอกโลกเหมือนมนุษย์อย่างแน่นอนครับ
เป็นทักษะที่มีเฉพาะในมนุษย์เท่านั้นจริงๆ
จากการที่มนุษย์ชอบคิดแบบนี้ ทำให้เราได้พบเห็นอารยธรรมในสถานที่ๆไม่น่าจะมีมนุษย์ดำรงอยู่ได้
อารยธรรมบนยอดเขาสูง มีไหม? มีที่ มาชูปิกชู, ทิเบต, ภูฐาน
อารยธรรมที่อยู่ข้างๆภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่ มีไหม? เยอะแยะเลย ฮาวาย ก็หนึ่งในนั้น ปอมเปอี ก็ด้วย
อารยธรรมที่อยู่ท่ามกลางความเย็นสุดขั้ว มีไหม? มี ชาวเอสคิโม เป็นต้น
เย็นสุดๆ เราก็ไป, ร้อนสุดๆ เราก็อยู่
อันตรายสุดๆ เราก็ไม่หวั่นแม้วันมามาก
ในหนังถ้าไม่นับเรื่องการเดินทางผ่านรูหนอน และ หลุมดำ
ผมว่าดาวน้ำทะเล กับ ดาวน้ำแข็ง ก็คงจิบๆ สำหรับมนุษย์เราแล้วครับ
สิ่งที่ผลักดันมนุษย์ไปยังที่เหล่านั้นไม่ใช่ความต้องการทางร่างกายของเรา
แต่เป็นความต้องการทางจิตใจที่แปลกเหนือธรรมชาติของเราต่างหาก
ถ้าสมมุติว่าแมวหรือสุนัข สามารถสื่อสารภาษาคนกับเราได้
ผมมั่นใจว่าคงไม่มีสุนัข หรือ แมว ตัวไหน บอกว่าอยากไปดวงจันทร์ครับ
ถึงแม้ว่าเราจะเคยส่งพวกมันขึ้นไป
แต่ไม่มีตัวไหนกลับมาหน้าตาแฮปปี้
มากกกว่าที่เราพามันไปเดินทางสวนสาธารณะใกล้ๆบ้านครับผม
มนุษย์เลยดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีความภาคภูมิใจ
อันเกิดจากการทำเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
ให้สามารถเป็นไปได้
"ในท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ก็จะเจอทางแก้ มนุษย์เป็นแบบนั้นเสมอ"
นี่ก็เป็นอีกประโยคในหนังที่สะท้อนถึงความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคของมนุษย์
ในหนังแม้จะกล่าวถึงว่ามนุษย์สามารถสร้างสมองกลอัจฉริยะ
ที่สามารถควบคุมยานอวกาศ, วิเคราะห์อารมณ์,
คำนวณค่าสมการวงโคจรของดวงดาวอย่างแม่นยำ
แม้กระทั่ง เล่นมุขตลก และ โกหกได้
แต่เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีมนุษย์เป็นผู้ควบคุมการสำรวจอวกาศ
เพราะท้ายที่สุดเราก็ไม่สามารถที่จะสร้าง
"ความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตรอด" ให้กับเครื่องจักรได้
และเมื่อถึงตอนช่วงท้ายของหนัง
สิ่งที่หนังแสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่
ที่เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตนี้
และทำให้พวกเรา ยังเป็นเรากันอยู่อย่างที่เป็นในทุกๆวันนี้
นั่นคือ ความสามารถของมนุษย์
ในการถ่ายทอดความรู้ของตนเองให้กับผู้อื่น
หนังแสดงให้เห็นว่า มนุษย์ นี่แหล่ะ
คือผู้ที่จะสามารถช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกันได้
ด้วยการถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองรู้
จากรุ่น สู่รุ่น
จากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่ง
จากโลกหนึ่ง ไปยังอีกโลกหนึ่ง
จากมิติหนึ่ง ไปยังอีกมิติหนึ่ง
จากเวลาหนึ่ง ไปยังอีกเวลาหนึ่ง
ข้ามผ่านทุกอุปสรรค แม้กระทั่งเวลา!
หนังได้แสดงให้เราเห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในตัวเราทุกคน
พลังงานที่ผลักดันมนุษย์ให้สามารถทำสิ่งที่เหนือจินตนาการได้
พลังเหล่านั้นไม่ใช่พลังงานที่เหนือธรรมชาติ
แต่ถือพลังแห่งความมุ่งมั่น, ความกล้าหาญ, ความรู้, ความไม่เกรงกลัว, ความมีสติ, ความเชื่อใจ, ความช่างสงสัย, ความอดทน
และที่สำคัญที่สุด ความรัก และ ความเสียสละ
สิ่งเหล่านี้ต่างหากคือพลังที่ขับเคลื่อนมนุษย์
ให้สามารถไปได้ถึงขอบจักรวาล
เดินทางผ่านมิติ, ข้ามกาลเวลา
และก้าวข้ามอุปสรรคที่ไม่น่าจะสามารถแก้ไขได้
หนังเรื่องนี้เน้นสอนให้เห็นถึงคุณค่าของมนุษย์
มากกว่าการนำเสนอทฤษฎีทางฟิสิกส์อวกาศอันซับซ้อน
แต่ฉากเดินทางเข้าสู่หลุมดำก็เป็นภาพที่น่าตรึงตาตรึงใจยิ่งนัก
จริงๆผมยอมเสียตังค์เพื่อเข้าไปดูแค่ฉากนั้นฉากเดียวก็คุ้มแล้ว
นี่ยิ่งมีฉากอื่นๆร่วมเข้าไปอีก เพราะงั้นถือว่าคุ้มมากๆ
ใครยังไม่ได้ไปดูสมควรไปนะครับ และ ผมคิดว่าเรื่องนี้เหมาะมากๆสำหรับพ่อแม่ที่ชอบพาลูกไปดูหนังครับ
หนังแสดงความผูกพันของครอบครัวได้ดีมากๆเลย
ร้องไห้ไปหลายฉากเลยผม T-T
ผมได้จัดให้หนังเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในรายชื่อ
"หนังดีเก็บไว้ให้ลูกดู" อีกเรื่องแล้วครับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา