16 ต.ค. 2019 เวลา 02:47 • ความคิดเห็น
#รีวิวหนังสือ#โลกนี้มันช่างยุสต์#ฉบับเต็ม
“หากคุณเคยหมดศรัทธาในความดีงามและความทุ่มเท หนังสือเล่มนี้อาจทำให้คุณหวนย้อนกลับไปเพื่อเพรียกหาความศรัทธาที่มีต่อสิ่งเหล่านี้อันซุกซ่อนอยู่ในซอกหลืบของหัวใจของคุณก็เป็นได้”
โลกนี้มันช่างยุสต์ โดย แทนไท ประเสริฐกุล
ก็เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งของคุณแทนไทที่สามารถกุมอารมณ์ความรู้สึกของผู้อ่านไว้ได้อย่างอยู่มัด อีกทั้งยังคงรักษามาตรฐานฝีมือการบอกเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ชีวิตของเขาผ่านไดอารี่เฉกเช่นเดียวกับที่เขาเคยทำไว้ในเล่ม “โลกนี้มันช่างยีสต์”
นับได้ว่านี้คือผลงานตามแบบสไตล์ของคุณแทนไทที่ไม่ดรอปคุณภาพลงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่นำมาเล่าอาจไม่เยอะเท่าเล่มแรก แต่ถึงอย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ก็ยังคงรักษารสชาดของมันไว้ได้อย่างกลมกล่อม มีทุกรส ทุกอารมณ์ตั้งแต่ตลกโปกฮา เศร้าซึ้ง ตลอดจนถึงข้อคิดต่างๆที่สามารถเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้จริง ซึ่งนี้ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์งานเขียนของคุณแทนไทที่แท้ทรู
“เทศกาลภาพพะยูน” ถือเป็นบทหนึ่งที่ผมรู้สึกชื่นชอบและประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเรื่องราวในบทนี้จะเล่าถึงเมื่อครั้งที่คุณแทนไทยังเป็นอาจารย์พิเศษพาร์ทไทม์ในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง สิ่งที่ผมสัมผัสได้อย่างเต็มที่ทุกชั่วขณะที่ผมไล่กวาดสายตาอ่านไดอารี่ของเขาอยู่ก็คือ “ความทุ่มเท” จากใจและแรงกายที่เขาอุทิศให้แก่ลูกศิษย์อันเป็นที่รักของเขา
โดยจุดเริ่มต้นที่ผมได้แลเห็นถึงความสำคัญในบทนี้ซึ่งผมจะขอเน้นเล่าไปในช่วงที่คุณแทนไทพยายามที่จะเสาะหาภาพยนตร์เรื่องหนึ่งมาเปิดให้ลูกศิษย์ของเขาได้ชมกัน โดยเหตุผลที่เขาต้องการนำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมาฉายให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ทอดสายตากันนั้น ก็เพราะว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสอดคล้องต่อเนื้อหาในวิชาชีววิทยา เรื่อง ระบบประสาท
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า นับเป็นการดีอย่างยิ่งที่คุณแทนไทได้นำภาพยนตร์มาใช้เป็นสื่อประกอบการสอน เนื่องจากเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเรียนวิชาชีววิทยาโดยท่องจำอย่างเทือกๆเป็นตัวหนังสือ หากไร้ซึ่งภาพปรากฏย่อมจะทำให้ยากแก่การเข้าใจในเรื่องราวของสิ่งที่ยากต่อการจับต้องซึ่งแฝงสถิตอยู่ภายในร่างกายของเรา
ประเด็นสำคัญที่ผมเล็งเห็นคือ “กระบวนการอันสุด ‘ยีสตตตต์’ ที่กว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะได้ถูกนำมาฉายจนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของลูกศิษย์ของเขา” มันช่างยากเย็นแสนลำเค็ญนักที่จำต้องเอาทั้งแรงกายและแรงใจเข้าแลก ทำให้ผมรู้ได้เลยว่า ถ้าคุณแทนไทไม่รักลูกศิษย์ของเขาจริง เขาคงไม่ทุ่มเทลงไม้ลงมือกระทำการใหญ่ถึงเพียงนี้
การใหญ่ที่ว่านั้นคือ “‘การทำคำบรรยายไทย’เองกับมือ” ซึ่งแน่นอนว่านี้เป็นการกระทำที่ต้องใช้ทั้งกำลังความคิด เวลา ตลอดจนถึงแรงกายที่ต้องอึดต้องทนแลกกับเวลานอนพักผ่อนในแต่ละคืนที่เขาต้องเสียไป
ผมสัมผัสได้ถึง ‘ความทุ่มเท’ และ ‘ความรักที่จะมอบความรู้’ ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนเกิด ‘ความเข้าใจสูงสุด’ ต่อตัวเนื้อหา อย่างน้อยภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็ทำให้นักเรียนของเขาได้เห็นภาพปรากฏอย่างชัดเจนว่า อณูของสารสื่อประสาทที่ลอยเท่งเต้งและถูกส่งผ่านไปมาระหว่างเซลล์ประสาทนั้นมีผลต่อการแสดงออกของท่าทางกายในลักษณะใด
รูปธรรมดังกล่าวถือเป็นภาพใหญ่ของกิจกรรมที่เกิดจากโมเลกุลขนาดเล็กอย่างสารสื่อประสาทที่เรามิอาจคาดเดาหรือจินตนาการได้เลยว่ามันจะส่งผลต่อภาพรวมของร่างกายมนุษย์เราถึงเพียงนี้
ผมขอชื่นชมใน “ความทุ่มเท” ของคุณแทนไทที่คุณได้มอบแก่ลูกศิษย์ของคุณ นอกเหนือจากภาพยนตร์ที่คุณได้ลงมือทำ subtitle เองกับมือแล้ว ผมยังได้เห็นถึงความพยายามของคุณในการทำชีทเรียนประกอบการสอนวิชาชีวะ ที่สามารถดึงดูดให้เด็กๆที่เดิมที่แล้วอาจจะไม่ได้ชื่นชอบวิชานี้ แต่ก็กลับทำให้พวกเขาสามารถหยิบชีทเหล่านั้นขึ้นมาพลิกอ่านอย่างเพลิดเพลินใจราวกับว่าชีทนั้นเป็นดั่งหนังสือแนว pop-science เล่มหนึ่งที่ทำให้บุคคลทั่วๆไปหันมารักและสนใจในวิทยาศาสตร์ หากผมได้มีโอกาสได้อ่านชีทประกอบการสอนของคุณแทนไท ผมอาจได้ฟินเหมือนกับทุกครั้งที่ผมได้เคยอ่านหนังสือของคุณทั้งสามเล่มที่จบไปก็เป็นได้
อย่างที่ผมได้เกริ่นนำไปในตอนต้น หนังสือเล่มนี้ได้ทำให้ผมหวนย้อนกลับไปหาศรัทธาที่ผมเคยเชื่อใน “ความดีงาม” และ “ความทุ่มเท” ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในซอกหลืบของหัวใจของผมอีกครั้ง ผมคาดหวังว่าศรัทธาที่มีต่อสิ่งเหล่านี้จะหวนคืนกลับมาเพื่อปรากฏอีกครั้งในใจของผมได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง
ผมขอขอบคุณ คุณแทนไท ประเสริฐกุล ที่ได้ตีแผ่ประสบการณ์อันอบอุ่นหัวใจเหล่านี้ลงบนไดอารี่ดีๆเล่มนี้ครับ
โลกนี้มันช่างยุสต์
โลกนี้มันช่างยุสต์
เขียน: แทนไทย ประเสริฐกุล
สำนักพิมพ์ระหว่างบรรทัด
โฆษณา