16 ต.ค. 2019 เวลา 03:40 • ท่องเที่ยว
เวนิส (Venice) @ อิตาลี 🇮🇹
วันนี้ผมขอเป็นไกด์ทัวร์มือสมัครเล่น พาเพื่อนๆ ทุกคนมาเยือนต่างแดนต่อจากเมื่อวานที่ไปเยือนสวิตเซอร์แลนด์กันมาแล้ว วันนี้จะพาไปเยือนอิตาลี อีกดินแดนซึ่งมีพรมแดนติดกันกับสวิตเซอร์แลนด์นั่นเองครับ
จริงๆ แล้ว ควรจะพามาทัวร์อิตาลีก่อนเนื่องจากเป็นประเทศแรกที่เดินทางมาถึง เราเดินทางด้วยสายการบินเอมิเรตส์ ซึ่งอาหารบนเครื่องไม่น่าพิสมัยสักเท่าไร ระยะเวลาการเดินทางจาก กรุงเทพไปเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ และนั่งต่อไปยังเวนิส ช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนาน นั่งกันก้นด้านไปเลยทีเดียว อาศัยหลับๆ ตื่นๆ เอา เดี๋ยวก็ถึง 555
มาถึงเวนิส (Venice) เราก็พร้อมล่องเรือจากท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) ผ่านบ้านเรือนชาวเวนิสสีสันสวยงาม แม้อากาศวันนี้จะร้อนไปนิดเราก็ไม่หวั่น พร้อมมุ่งหน้าสู่เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก เพื่อขอใช้เวลาเดินเที่ยวภายในเกาะอย่างเบิกบานสำราญใจให้สมที่รอคอย
ที่นี่ได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” (Queen of the Adriatic) “เมืองแห่งสายน้ำ” (City of Water) “เมืองแห่งสะพาน” (City of Bridge) รวมถึงเมืองแห่งแสงสว่าง (City of Light) และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโก อือหือ ไม่ธรรมดา
เวนิสได้รับการขนานนามว่าเป็นดินแดนที่ใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีเกาะน้อยใหญ่และสะพานมากมาย ที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเวนิสก็คงไม่พ้นการนั่งเรือ “กอนโดล่า” (Gondola) ชมคลอง ซึ่งปัจจุบันเรือนี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของเวนิสไปเรียบร้อย ที่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนต้องลองสัมผัสสักครั้ง
เอ่ยถึงเรือกอนโดล่าแล้ว ก็ขอเล่าที่มาของมันสักหน่อยจากข้อมูลที่ได้ไปค้นคว้ามา เล่ากันว่าสมัยโบราณผู้คนอพยพมาตั้งถิ่นฐานกันที่นี่เพราะลี้ภัยสงครามและความวุ่นวายจากโรมัน ต่อมาคนบนเกาะมีมากขึ้น ต้องการทรัพยากรมากขึ้นจึงต้องเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่เพื่อนำของกลับมาค้าขายบนเกาะแห่งนี้
เมื่อมาถึงเกาะเวนิส เรือสินค้าขนาดใหญ่ก็ไม่สามารถเข้ามาได้ การใช้รถเข็นสินค้าไปยังจุดต่างๆ บนเกาะก็ยากเพราะบางจุดถูกตัดขาดไม่มีสะพานเชื่อมต่อ นั่นจึงเป็นที่มาของการใช้เรือแจวลำเล็กคือเจ้ากอนโดล่าทยอยลำเลียงสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ภายในเกาะ ซึ่งต่อมาก็ได้เปลี่ยนจากการลำเลียงสินค้า มาเป็นลำเลียงผู้คน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเวนิสไปในที่สุดดังเช่นที่เราเห็นในปัจจุบัน
มาถึงที่นี่ ไกด์บอกพลาดไม่ได้กับเมนูอาหารพื้นเมือง “สปาเกตตีซอสหมึกดำ” หน้าตาอาจไม่น่ากิน แต่รสชาติละมุนเมื่อได้ทานคู่กับเบียร์เย็นๆ เข้ากั๊น เขากัน
สีสันแห่งวัฒนธรรม: หน้ากากแห่งเวนิส
มาถึงที่เวนิสแล้วก็อย่าลืมช็อปของที่ระลึก หน้ากากแห่งเวนิส ติดไม้ติดมือกันมานะครับ ขอบคุณนายแบบหน้ากากของเราไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ
เมื่อเดินเที่ยว ล่องเรือชมคลองกันพอสมควร เราก็ออกมาถ่ายรูปชิวๆ ที่จัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่กษัตริย์นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่าเป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป ส่วนใครไม่ชื่นชอบการถ่ายรูป ก็เชิญ ชิม ช็อป อาหารและของที่ระลึกกันให้หนำใจไปเลยครับ
วันนี้พาเพื่อนไปเที่ยวเวนิสกันจนอิ่มใจแล้ว ได้เวลานั่งเรือกลับไปยังดินแดนใหญ่....ไว้เจอกันใหม่ถ้ามีโอกาส เวนิสที่รัก...ขอบคุณแหล่งข้อมูลดีๆ ทุกแหล่งที่นำมาใช้ประกอบการเขียนของผมมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ถ้าชื่นชอบ ฝากกดไลค์เพจ ติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ แล้วจะมาเล่าแบ่งปันประสบการณ์เดินทางทั้งในและต่างประเทศให้เพื่อนๆ อ่านกันอีกแน่นอนครับผม ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ # Happy Life Admin
แล้วพบกันใหม่ครับ
โฆษณา