17 ต.ค. 2019 เวลา 08:44 • บันเทิง
OMG: In the Tall Grass
เมื่อออกไปดูหนังไม่ได้ Netflix จึงเป็นเพื่อนแท้ของ OMG ในช่วงนี้ ไม่ใช่ว่าstreaming อื่นๆไม่ดีนะครับ แต่เราต้องการดูหนังที่เป็นหนัง แล้วก็เป็นคอนเทนท์ใหม่ Netflix ก็ดีตรงที่เค้าจะมี Original Film ของเค้าเองที่ไปดูที่อื่นไม่ได้ออกมาบริการเรื่อยๆ หนังดีๆ อย่าง Roma, Annihilation, Icarus ยิ่งเป็นซีรี่ย์ยิ่งมีที่ดีๆมากมาย อย่าง House of cards, Stranger things, Mindhunter, Ozark, Kingdom, Black mirror ไล่ไม่หมด
วันนี้ OMG จะมาเล่าถึงหนัง Original Film ของ Netflix ที่ชื่อว่า In the tall grass หนังที่สร้างจากเรื่องสั้นที่สตีเฟ่นคิงและลูกชายโจฮิลล์ ร่วมกันเขียนไว้ โดยมีเนื้อหาเสียดสีศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ ผ่านเรื่องราวสยองขวัญชวนขนลุก
เรื่องเริ่มต้นเมื่อหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ช้ำรัก เบคกี้ (Laysla De Oliveira) และ คาล (Avery Whitted) พี่ชายของเธอ กำลังขับรถข้ามอเมริกาไปซานดิเอโก เพื่อพบกับครอบครัวที่จะรับเลี้ยงลูกที่อยู่ในท้องของเธอ จนมาหยุดบนถนนหน้าโบสถ์แห่งหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามเป็นทุ่งหญ้ารกร้างที่หญ้าขึ้นสูงกว่าหัวคนปกติ จากสนามหญ้านั้นเองที่เธอได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเด็กชายคนหนึ่ง เมื่อทั้งคู่เข้าไปก็ได้พบว่าทุ่งหญ้านี้ไม่ใช่ทุ่งหญ้าธรรมดาเสียแล้ว มีทั้งความสับสน ความสยดสยอง และมีคำตอบอะไรบางอย่างสำหรับคำถามที่เขาและเธอไม่เคยกล้าถาม
จุดเด่นที่ OMG ชอบในเรื่องนี้คือประเด็นหลักของเรื่องครับ หนังกล่าวถึงการไถ่บาปซึ่งถือเป็นหลักคิดสำคัญในศาสนาคริสต์ หากแต่นำการไถ่บาปนี้มาบิดให้กระทำการน่ากลัวเพื่อผลที่แตกต่างไป โบสถ์ที่เห็นในหนังแทนที่จะเป็นบ้านของพระผู้เป็นเจ้า กลับเป็นสถานที่ที่บูชา black rock หินสีดำกลางทุ่งหญ้าที่ในหนังนำให้คิดว่าหินก้อนนี้อยู่มานานแสนนาน และเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ใครได้มาสัมผัสก็จะมีอำนาจหยั่งรู้ฟ้าดิน มีพลังเคลื่อนย้ายสิ่งใดก็ได้ที่มีชีวิต ไม่ต้องกินก็มีกำลังแข็งแกร่ง แต่ใครที่ได้พลังนี้ ก็จะหลงไหลมันจนไม่สามารถอยู่ห่างจากหินนี้ได้ หญ้าสูงเต็มทุ่งสุดลูกหูลูกตาก็เหมือนความชั่วร้ายที่แผ่ขยายออกไปคอยล่อหลอกให้มนุษย์หลงผิดเมื่อเข้าไปแล้วก็ต้องอยู่ในวังวนหาทางออกไม่ได้
แต่ที่ OMG ไม่เข้าใจ คือเจตนาของหนังที่ไม่เด่นชัดว่าต้องการโชว์ด้านมืดที่น่ากลัวของฝั่งตรงข้ามศาสนา หรือต้องการวิภากษ์เสียดสีศาสนากันแน่ เพราะตัวหินก็มีจารึก แถมยังมีสถานที่ประกอบพิธีกรรม มีพิธีกรรม และมีเป้าหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้มันล้อไปกับศาสนาทั้งสิ้น แล้วอันที่คิดหนักมาก คือคนที่มาถวายชีวิตให้กับก้อนหินสีดำนี้เมื่อตายไปแล้วก็มาอยู่ใต้ก้อนหินนี้แต่แทนที่จะมีความสุข กลับโหยหิววิญญาณบริสุทธิ์ ลองคิดดูสิครับ.. คนเรามีบาป ต้องได้รับการไถ่บาป เมื่อตายไปแล้วจะได้ไปอยู่กับโลกสัญลักษณ์ในที่นึง.. ฟังดูคุ้นๆไหมครับ บางทีหนังอาจจะกำลังสื่อถึงเหรียญอีกด้านของศาสนาก็เป็นได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ OMG ขอออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนา เป็นเพียงข้อสังเกตจากการดูหนังจากผู้เข้าใจศาสนาอย่างผิวเผินถ้าวิจารณ์อะไรที่กระทบความเชื่อผู้อ่าน ขออภัยในความตื้นเขินของ OMG มา ณ ที่นี้
ถึงแม้จะมีประเด็นหลักที่ดี มีสถานการณ์ที่น่าสนใจ แต่บทหนังกลับเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกให้คะแนนหนังเรื่องนี้ในระดับที่เรียกว่าสอบตกเลย การจับประเด็นคลุมเคลือ การตัดสลับสถานที่ สลับเวลา ที่ไม่ถูกที่ถูกทาง ทำให้หนังน่าเบื่อและเดาได้ งานภาพมีความคิดสร้างสรรค์และใช้เทคนิคสมัยใหม่มากมายมาสร้างให้ทุ่งหญ้านี้ดูมีชีวิตได้อย่าน่าขนลุก แต่สุดท้ายก็เอาตัวอสูรกายอะไรไม่รู้ออกมาทำลายความน่าพิศวงของทุ่งหญ้าไปหมด การถ่ายทำ มีหลายช่วงที่ ดคิดไม่ได้ว่าถ้าเอาเทคนิคคลาสสิคๆ มาใช้บ้างคงน่าสนใจดี แต่ก็นั่นแหละครับ ไม่มี เลยไม่ค่อยน่าสนใจ
การแสดงของนักแสดงหลักถือว่าเอาตัวรอดไปได้ จะผิดหวังก็คือตัวละครรอส ที่ได้ Patrick Wilson ราชาหนังสยองขวัญจากจักรวาล Conjuring มาเล่นเป็นพูดง่ายๆคือตัวร้ายของเรื่องน่ะนะ บทนี้เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนและมีเส้นทางเดินที่ขัดแย้งกับความเชื่อ แต่บทก็แค่ให้เขาเป็นแค่อสูรกายตัวหนึ่งที่คอยไล่ล่าตัวละครอื่นๆ นักแสดงระดับเทพ บทเยอะ แต่มาเจอบททื่อๆ ก็ร่วงได้เหมือนกัน
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ดีที่ยกประเด็นที่น่าคิด ชวนขนหัวลุกแบบหลอนๆว่าถ้าทุกวันนี้เราถูกนำไปผิดทางมาตลอดเราจะรู้ได้ไง แต่เนื้อเรื่องจำเจ เดาง่าย น่าเบื่อ จนถึงจุดพีคที่ควรจะสะเทือนใจมากๆ กลับกลายเป็นเรื่องงงๆเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น ถึงจะดูไปได้เพลินๆ ไม่ถึงกับเสียเวลา แต่ก็ไม่ได้น่าประทับใจแต่อย่างใด เรื่องนี้ OMG ขอบอกว่า ดีนะที่ดูที่บ้าน ถ้าดูแล้วง่วงก็หลับไปเลยครับ
OMG (ยืนงงในดงหญ้า)
โฆษณา