20 ต.ค. 2019 เวลา 15:05 • ธุรกิจ
ใครเคยมีปัญหาหรือสงสัยเรื่อง VAT(ภาษีมูลค่าเพิ่ม)กันบ้าง ขอให้ยกมือขึ้น
น้อง Aizie สงสัยครับ
มาๆน้อง Eazie จะมาเล่าให้ฟังนะคะ ก่อนอื่นต้องมารู้จักก่อนว่า
ภาษีมูลค่าเพิ่ม( VAT=Value Added Tax) หมายถึง ภาษีที่ถูกจัดเก็บจากการซื้อขาย สินค้าหรือบริการในประเทศไทยและยังรวมถึงการซื้อสินค้าจากต่างประเทศด่วยนะคะ ซึ่งตอนนี้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มคือ 7% จากยอดซื้อขาย สินค้าหรือบริการ(ภาษีมูลค่าเพิ่ม 6.30%+ภาษีท้องถิ่น 0.70%)
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเราต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มหรือเปล่า
ต้องบอกก่อนว่ามีบางธุรกิจที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยน้าา เราอยู่ในธุรกิจพวกนี้ไหมเอ่ย
ธุรกิจที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มมีดังนี้
1.ธุรกิจที่มีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 1.80 ล้านบาท
2.ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าพืชผลทางการเกษตร
3.สัตว์ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต
4.ปุ๋ย
5.ปลาป่นอาหารสัตว์
6.ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์
7.หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน
8.การให้บริการการศึกษาของสถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วย สถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
9.การให้บริการที่เป็นงานทางศิลปะและวัฒนธรรม
10.การสอบบัญชี การว่าความ หรือการประกอบวิชาชีพอิสระ
11.การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
12.การให้บริการวิจัย หรือการให้บริการทางวิชาการ
13.การให้บริการห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์
14.การให้บริการตามสัญญาจ้างแรงงาน
15.การให้บริการจัดแข่งขันกีฬาสมัครเล่น
16.การให้บริการของนักแสดง
17.การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร
18.การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งมิใช่เป็นการขนส่งโดยอากาศยาน หรือเรือเดินทะเล
19.การให้บริการเช่าอสังหาริมทรัพย์
20.การให้บริการของราชการส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบริการที่เป็นการพาณิชย์ของราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นการหารายได้หรือผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็น กิจการสาธารณูปโภคหรือไม่ก็ตาม
21.การขายสินค้าหรือการให้บริการของกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งส่งรายรับทั้งสิ้นให้แก่รัฐโดยไม่หักรายจ่าย
22.การขายสินค้าหรือการให้บริการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนา หรือการสาธารณกุศลภายในประเทศ ซึ่งไม่นำผลกำไรไปจ่ายในทางอื่น
ถ้าเช็ครายการธุรกิจด้านบนแล้วเราไม่ได้เป็นธุรกิจที่ได้รับยกเว้น ดังนั้นเราจึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มนะคะเพื่อนๆ
ใครบ้างหล่ะที่มีหน้าที่ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม
1.บุคคลธรรมดา(เจ้าของธุรกิจคนเดียว, ห้างหุ้นส่วนสามัญ)
2.นิติบุคคล(บริษัทมหาชนจำกัด, บริษัทจำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด)
แล้วหน้าที่ของเราคือต้องทำยังไงบ้างหล่ะ
1.แจ้งจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต่อกรมสรรพากร เมื่อรู้ว่ารายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ เกิน 1.80 ล้านบาทต่อปี ภายใน 30 วัน
2.ออกใบกำกับภาษี
3.ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มทุกๆเดือน โดยนำภาษีขาย 7% จากสินค้าหรือบริการ หักออกด้วย ภาษีซื้อ7% จากการซื้อสินค้าหรือบริการ คงเหลือเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ต้องนำส่งภายใน 15 วันของเดือนถัดไป
ยกตัวอย่างดีกว่าทุกคนจะได้เข้าใจมากขึ้นเนอะ
น้อง Aizie ออกใบส่งของ/ใบกำกับสินค้าเพื่อขายสินค้าให้น้องEazieวันที่ 19 ก.ย 62 จำนวนเงิน 107 บาท (ราคาขายก่อนVat=100 บาท,Vat 7%=7 บาท)และน้อง Aizie ก็มีซื้อวัตถุดิบมาผลิตสินค้า 35 บาท(ราคาซื้อวัตถุดิบก่อนVat=32.71 บาท,Vat 7%=2.29 บาท)ในวันที่ 1 ก.ย 62
ดังนั้นเดือน ก.ย มีภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องเสียภาษีภายในวันที่ 15 ต.ค 62 = 7(ภาษีขาย)-2.29(ภาษีซื้อ) = 4.71 บาท
1
***สิ่งที่ควรรู้อีกเรื่องที่นักธุรกิจควรรู้้เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มคือ
1.ภาษีขายต้องยื่นให้ตรงเดือน แต่ภาษีซื้อมีอายุ 6 เดือนที่สามารถเอาไปหักจากภาษีขายได้นะรู้ยัง เช่น ภาษีซื้อที่น้องAizie จ่ายซื้อวัตถุดิบ 2.29 บาท ในวันที่ 1 ก.ย 62 สามารถเอาไปหักภาษีขายเดือนใดเดือนหนึ่งก็ได้ในช่วงเดือน ก.ย 62 - ก.พ 63
2.ไม่ว่าเดือนนั้นจะไม่มียอดภาษีขาย หรือภาษีซื้อ ก็ต้องยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มนะ โดยยื่นแบบยอด 0 บาท
3.ยอดขายสินค้าและบริการไม่ถึง 1.80 ล้านบาทต่อปีก็สามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้น้าา
ข้อดีของการจดภาษีมูลค่าเพิ่มก็มีเหมือนกันนะ เช่น
1.ทำให้เราได้ลูกค้ารายใหม่ๆหรือรายใหญ่ๆ ที่เค้าจด Vat เพราะเค้าก็ต้องการ Vat จากเราเหมือนกัน
2.เป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
1
แค่นี้ก็กล้วยๆแล้วเนอะสำหรับเรื่อง VAT
โฆษณา