23 ต.ค. 2019 เวลา 00:41 • ปรัชญา
บทที่12. สิ่งดีๆที่หน้าห้อง..ไอซียู
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เหตุการณ์ไม่คาดคิดของครอบครัวผมเกิดขึ้น เมื่อลูกชายของผมป่วยหนักด้วยอาการปอดติดเชื้อรุนแรง ถึงขั้นใส่ท่อช่วยหายใจและต้องนอนในห้องไอซียู ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม เป็นเวลา 6วัน6คืน
ความรู้สึกของผมและภรรยาเลวร้ายสุดๆแบบที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ในขณะที่ลูกอยู่ในห้อง ICU หมอ บอกให้พวกผมกลับไปนอนที่บ้านมีอะไรจะโทรไปบอก พวกผมมีแต่ความกังวลเต็มไปหมด กังวลว่าหมอจะรักษาได้มั๊ย กังวลว่าพยาบาลจะดูแลลูกเรายังไง ถ้าเรากลับบ้านหากมีเรื่องฉุกเฉินจะทำอย่างไร .. สุดท้ายผมกับภรรยาตัดสินใจ นอนรอที่หน้าห้องไอซียู
ช่วงแรกของการใช้ชีวิตหน้าห้องไอซียู มีอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับทั้งคืน เครียดสุดๆ มีเจ้าหน้าที่เข็นเปลไปมาตลอดทั้งคืน ส่วนตอนกลางดึกจะมีคุณหมอมาตรวจและอนุญาติให้เราเข้าเยี่ยมและสอบถามอาการลูกได้ ซึ่งเราก็ได้แต่ตั้งตารอเวลานั้น ..
วันที่หนึ่ง ช่วงที่รอหมออยู่หน้าห้องไอซียูก็มีพี่ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาถามถึงอาการของลูกเรา..หลังจากทราบอาการเขาก็บอกว่าให้ลองไปไหว้พระที่หลังตึกโรงพยาบาลดูสิ ท่านศักดิ์สิทธิ์ เขาเคยไหว้ขอพรให้ภรรยาคลอดลูกอย่างปลอดภัยและได้ผล หลังจากนั้นผมกับภรรยาก็ไปไหว้พระขอพรตามที่พี่เขาแนะนำ ทำให้เราเริ่มสบายใจขึ้น หลังจากนั้นพี่คนนี้ก็ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากพวกปมและภรรยาทุกเช้าที่หน้าห้องไอซียู..
1
วันที่สอง ผมพบว่ามีเด็กป่วยหนักมาเพิ่มอีกคน แม่ของเด็กก็มานอนหน้าห้องไอซียูเหมือนพวกเรา ผมได้พูดคุยกับแม่ของเด็กและรู้ว่าลูกเขาป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือด รักษามาสองปีแล้ว ด้วยความหวังว่าลูกจะต้องหายดี แต่นี่ก็เป็นครั้งที่สามในรอบปีแล้วที่ลูกเข้าห้องไอซียู แม่ของเด็กพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายพร้อมกับยิ้มให้เรา และถามอาการของลูกเราบ้าง ฟังแล้วความรู้สึกท้อแท้ของพวกผมก็เบาบางไปเพราะมีตัวอย่างของแม่ที่เต็มไปด้วยความหวังให้เห็น..
2
วันที่สามมีเพื่อนๆ ญาติๆทั้งของภรรยาและของผมมาเยี่ยมและให้กำลังใจมากมาย ส่วนแม่และพี่สาวผมเดินทางมาจากเพชรบูรณ์ หลานสาวของภรรยาผมเดินทางมาจากนนทบุรีเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเป็นกำลังใจและนอนด้วยกันที่หน้าห้อง ไอซียู..
วันที่สี่มีเจ้าหน้าที่เข็นเด็กออกมาจากห้อง ICU พร้อมกับแม่ของเด็กซึ่งมานอนหน้าห้องก่อนเราหนึ่งคืน เธอหันมามองพวกผมและยิ้มพร้อมกับบอกว่า เดี๋ยวลูกผมก็จะดีขึ้นเหมือนลูกของเธอ..พวกเราก็แสดงความยินดีกับเธอด้วยเช่นกัน คืนนั้นเราได้รับข่าวดี ลูกชายเราเริ่มหายใจเองได้ดีขึ้น แม้จะยังไม่ถอดท่อช่วยหายใจออกแต่คุณหมอก็กำลังลดการทำงานของเครื่องช่วยหายใจลงแล้ว...
4
วันที่ห้า พี่ชายและพี่สะใภ้เดินทางจากอยุธยามาเยี่ยมแต่ไม่ได้นอนค้างกับพวกเราเพราะต้องกลับไปทำงาน
ส่วนพวกผมเริ่มใช้ชีวิตปกติ ความเครียดหายไป ความหวังมีมากขึ้น กินได้ นอนหลับ และพูดคุยกันปกติที่หน้าห้อง ICU..
วันที่หกลูกชายผมดีขึ้นและได้ออกจากห้อง ICU เพื่อไปพักฟื้นต่อที่ห้องผู้ป่วยเด็ก และหลังจากนั้นอีกสองวันลูกผมก็กลับมาอยู่บ้าน และพักฟื้นอีกร่วมเดือน กว่าจะกลับมาเป็นปกติ..
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้ทุกคนรับรู้ว่าเวลาเราทุกข์ ท้อแท้ หมดหวัง เราสามารถมองหากำลังใจได้จากคนรอบข้าง ทั้งจากเป็นพ่อแม่ จากพี่น้อง จากญาติ จากเพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งคนไม่รู้จัก และพระพุทธรูป ก็ยังสร้างพลังใจไห้เราได้เลย ดังนั้น..
"หากใจเราไม่ปิดกั้นกำลังใจ กำลังใจก็ไม่มีวันหมดไป"
ส่วนผมและภรรยาขอขอบคุณทุกกำลังใจในวันนั้นเป็นที่สุด รวมถึงคุณหมอส้มที่ช่วยรักษาลูกผมจนหายเป็นปกติ.....ขอบคุณครับ...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา