23 ต.ค. 2019 เวลา 10:55 • การศึกษา
⭕ การผูกขาด หรือ Monopoly ⭕
คำที่ใครหลายคนคงเคยได้ยินผ่านหูผ่านตา ตามข่าวสารหรือสื่อต่างๆ มาไม่มากก็น้อย
เมื่อวันก่อนผมพึ่งได้ลงบทความเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำและกลุ่มทุนผูกขาดใน ไทยแลนด์แดนกะลา ของเราให้ทุกๆคนได้อ่านไป
วันนี้ผมจึงจะขอมาขยายความและอธิบายคำว่า "ผูกขาด" ให้ทุกๆคนได้อ่านกันครับ
monopoly หรือ การผูกขาด หมายถึง ลักษณะหนึ่งของตลาดผลผลิตที่มีการแข่งขันไม่สมบูรณ์ มีลักษณะโครงสร้างที่สำคัญคือ มีผู้ขายรายเดียว การเข้าสู่ตลาดทำได้ยาก ทำให้ผู้ผูกขาดมีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าหรือบริการของตน
🔺การผูกขาดอาจเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
คือ ในกรณีที่ไม่มีการกีดกันการเข้าสู่ตลาด แต่ไม่มีผู้ค้ารายอื่นเข้ามาแข่งขัน อาจเนื่องจาก อุตสาหกรรมนั้นใช้ทุนสูง ขนาดการผลิตใหญ่ ใช้เทคโนโลยีก้าวหน้า
🔺การผูกขาดที่เกิดขึ้นโดยการกีดกันการเข้าสู่ตลาด
คือกรณีที่ผู้ผูกขาดกีดกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาแข่งขัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกีดกัน เช่น สิทธิบัตร หรือการได้รับสัมปทาน ซึ่งก็จะทำให้ผู้ผลิตรายนั้นมี อำนาจการผูกขาด
1
🔺อำนาจการผูกขาด (monopoly power)
หมายถึง ความสามารถในการควบคุมตลาดของผู้ผูกขาด หรืออิทธิพลของผู้ผูกขาดในการกำหนดราคาสินค้าหรือบริการในตลาด เนื่องมาจากสาเหตุต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้ว
◾แล้วทำไมผู้ผลิตจึงพยายามให้ตนมีอำนาจการผูกขาด
คำตอบง่าย ๆ ก็คือ นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อผู้ผลิตมีอำนาจการผูกขาดแล้ว จะทำให้เขาได้รับกำไรจากการผูกขาด (monopoly profit)
ซึ่งหมายถึง กำไรที่ผู้ผูกขาดได้รับซึ่งโดยทั่วไปจะได้รับมากกว่าปกติ เนื่องจากผู้ผลิตมีอำนาจผูกขาดในการผลิตหรือการขายสินค้าหรือบริการ อย่างไรก็ตามความสามารถในการหากำไรของผู้ผูกขาดจะขึ้นอยู่กับลักษณะของอุปสงค์ที่มีต่อสินค้าหรือบริการ และลักษณะของต้นทุนการผลิตของผู้ผูกขาด
🔴 กฎหมายฉบับหนึ่งที่มีความสำคัญมากในระบอบประชาธิปไตยก็คือ กฎหมายป้องกันการผูกขาด (Anti-Trust Law) หรือ กฎหมายการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม (Competition Law)
เนื่องจากกฎหมายเรื่องนี้มีกำหนดรูปแบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ป้องกันมิให้กลุ่มทุนใดสะสมความมั่งคั่งมากเกินจนผูกขาดตลาดเบียดขับผู้ประกอบการอื่นออกไป และมีอำนาจบิดเบือนตลาด มีอำนาจต่อรองเหนือผู้บริโภคมากเกินไป
🔴 กฎหมายนี้มุ่งใช้อำนาจรัฐตามกฎหมายในการกำกับควบคุมตลาดทางเศรษฐกิจในกิจการต่างๆ มิให้ผู้ประกอบการกระทำการกีดกัน เอาเปรียบ หรือสกัดกั้นผู้ประกอบการรายอื่นให้ล้มละลายด้วยวิธีการที่ไม่เป็นธรรม โดยพฤติกรรมการผูกขาดที่กฎหมายมุ่งขจัดมีทั้ง การผูกขาดในแนวราบ (Horizontal Monopoly) และ การผูกขาดในแนวดิ่ง (Vertical Monopoly)
🔺การผูกขาดในแนวราบ
คือ การทำให้ผู้ประกอบการตลาดสินค้าหรือบริการเดียวกันออกไปจากตลาดอย่างไม่เป็นธรรม หรือตนเองมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากเกินไป
เช่น ในตลาดเคเบิลทีวี มีผู้ประกอบการ A ยอมขายบริการของตนเองในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน จนทำให้ผู้ประกอบการ B ซึ่งมีทุนน้อยกว่าไม่สามารถขายในราคาขาดทุนสู้กับ A ได้ จนไม่มีคนซื้อบริการเคเบิลจาก B แล้วก็ต้องเจ๊ง เลิกผลิตไป หลังจากนั้น A ก็ขึ้นราคาได้ตามใจชอบ เพราะผู้บริโภคไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก
🔺การผูกขาดในแนวดิ่ง
คือ การทำให้ผู้ประกอบการที่มีกิจกรรม เชื่อมโยงกันในสายผลิตสินค้าหรือบริการเดียวกันไม่มีทางเลือกต้องตกอยู่ใต้อำนาจของตนเอง ไปมีสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ได้
เช่น ในตลาดสินค้าอาหาร บริษัท A มีมาตรการห้ามนำสินค้ายี่ห้ออื่นมาวางขายในร้านในเครือหากผู้ผลิตอาหารเหล่านั้นไม่ยอมผลิตภายใต้ยี่ห้อ เงื่อนไข มาตรฐาน และราคาที่กำหนด ทำให้ผู้ผลิตทั้งหลายต้องเข้ามาเป็นลูกไล่ในเครือของ A ทำให้ไม่มีคนไปส่งวัตถุดิบไปให้บริษัท B จนทำให้เลิกกิจการ ทำให้ประชาชนต้องกินอาหารจาก A ในราคาขายที่ A กำหนด และผู้ผลิตวัตถุดิบก็ถูกกดราคาโดย A เพราะไม่มีบริษัทอื่นให้ปฏิสัมพันธ์ด้วย
1
ในหลายประเทศรวมถึงไทยด้วย กลุ่มคนหรือตระกูลดังที่รวยมหาศาล ได้ขยายฐานอำนาจของตัวเองเข้าไปสู่พื้นที่อื่นๆ เช่น ใช้ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจไปสร้างฐานอำนาจให้แก่พรรคการเมือง โดยบางกลุ่มทุนเป็นผู้สนับสนุนพรรคการเมืองทุกพรรค หรือแม้กระทั่งสนับสนุนกิจกรรมของผู้มีอำนาจนอกระบบการเมืองตามกฎหมาย จนทำให้ตัวเองมีอำนาจทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
2
และนี่คือเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้นจริงในหลายๆประเทศรวมถึง ไทยแลนด์แดนกะลา ของเราด้วยครับ
ขอเสริมอีกนิดครับ ในอดีต Bill Gates และ John D Rockkefeller ก็เคยโดนรัฐบาลสหรัฐฟ้องเรื่องผูกขาดมาละนะครับ ถ้าในอนาคตมีโอกาสจะนำลงมาให้ได้อ่านกัน
◾◾Reference◾◾
🔻กดไลค์และกดติดตามเพจด้วยครับ🔻
👤 A MAN ....... By_สมถุย
โฆษณา