25 ต.ค. 2019 เวลา 09:30 • สุขภาพ
รู้หรือไม่?...”ปลาดิบ”ทำคนไทยเป็น”มะเร็งท่อน้ำดี”มากที่สุดในโลก!
ปลาอะไรทำคนไทยเสียชีวิตได้ถึงปีล่ะหลักหมื่นคน? สำหรับใครที่กลัวปลาฉลาม ปลาปิรันย่า หมอต้องบอกว่าเลิกกลัวพวกมันไปได้เลย เพราะปลาตัวเล็กๆใกล้ตัวพวกเรานี่ล่ะ ที่อันตรายยิ่งกว่า โดยปลาพวกนี้ไม่ได้กินพวกเราจากภายนอก แต่ค่อยๆกัดกินพวกเราอย่างช้าๆจากภายในร่างกาย!
สำหรับคนที่เป็นซูชิเลิฟเวอร์อย่าเพิ่งตกใจกับชื่อบทความนี้นะครับ เพราะปลาดิบที่หมอพูดถึงนี้ไม่ได้หมายถึงปลาทะเลดิบ แต่หมอหมายถึงปลา”น้ำจืด”ดิบ และคำถามก็คือ...
“ปลาดิบเหล่านี้เข้าไปทำอะไรในร่างกายของพวกเรา ถึงทำให้เกิดโรคมะเร็ง?"
จริงแล้วเนื้อปลาดิบเหล่านี้ไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่ส่วนที่อันตรายคือ”พยาธิ"ที่แฝงตัวอยู่ในเนื้อปลาต่างหาก และพยาธิที่ว่านั้นก็คือ”พยาธิใบไม้ในตับ”นั่นเอง
พยาธิใบไม้ในตับ เป็นพยาธิที่มีรูปร่างแบนคล้ายใบไม้ขนาด 1x7 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พบมากอยู่ในปลาน้ำจืดชนิดมีเกล็ด เช่น ปลาตะเพียน ปลาขาว ปลาสร้อย ปลากะสูบ ปลาแม่สะแด้ง ปลาซิว ปลาแก้มช้ำ ปลาขาวนา เป็นต้น มีการประมาณกันว่า มีคนไทยถึง 10% หรือ 6 ล้านคนที่ติดเชื้อ”พยาธิใบไม้ในตับ”นี้ และนี่ก็ถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดในโลก เมื่อพูดถึงอัตราการติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ!
3
ในแต่ละปีก็มีมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดีกว่าหมื่นคน โดยกว่าครึ่งของผู้ป่วยเหล่านี้ส่งตรงมาจากแดน”อีสาน” เพราะเมนูที่นำปลาดิบๆมาทำเป็นอาหารอย่าง”ก้อยปลาดิบ ลาบปลาดิบ ปลาส้ม”นั้นถือเป็นเมนูพื้นบ้านคู่บ้านคู่เมืองของชาวอีสานเลย
1
หมอต้องบอกว่าคงจะเป็นการดูถูกพยาธิเกินไป ถ้าจะบอกว่าพวกมันเพียงแต่ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อท้องเสีย เพราะว่าพวกมันสามารถทำได้มากกว่านั้น เอาล่ะครับ มาดูกันดีกว่า ว่าพยาธิใบไม้ในตับทำให้เกิดก้อนมะเร็งได้อย่างไร!
วงจรชีวิตของพยาธิใบไม้ในตับ เริ่มต้นจาก”หอยน้ำจืด”ซึ่งพบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำและทุ่งนา พวกมันได้กินไข่พยาธิที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมเข้าไป พยาธิเหล่านี้จึงฟักตัวภายในตัวหอยและเติบโตจนสามารถชอนไชออกจากตัวหอยมาว่ายน้ำอิสระในบ่อน้ำหรือแม่น้ำได้
แต่อย่างไรก็ตาม พยาธิเหล่านี้ก็ว่ายน้ำเล่นอยู่ได้ไม่นาน เพราะว่ามันก็จะถูกปลาน้ำจืดตามล่าและกินเป็นอาหาร ซึ่งพยาธิส่วนหนึ่งก็อาจถูกกินจริง แต่อีกส่วนหนึ่งก็จะชอนไชทะลุลำไส้ของปลาแล้วไปสิงสถิตอยู่ตามเนื้อปลาส่วนต่างๆ และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ภายในเนื้อปลาเหล่านั้นตลอดไป
ดังนั้น เมื่อพวกเรากินปลาน้ำจืดแบบสุกๆดิบๆเข้าไป จึงทำให้พวกเราได้กินตัวพยาธิที่"ยังมีชีวิตอยู่”เข้าไปด้วย!
หลังจากที่พยาธินอนหลับอย่างสงบภายในเนื้อปลามาเป็นเวลานาน เมื่อเนื้อปลาถูกลำไส้ย่อยไปจนหมด พยาธิเหล่านี้จึงถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง และได้พบกับที่อยู่แหล่งใหม่ที่ยอดเยี่ยมกว่าที่ผ่านๆมา เนื่องพวกมันพบว่าในลำไส้ของพวกเรานั้น แทบจะมีอาหารให้พวกมันกินอยู่ตลอดเวลา ทั้งเนื้อสเต็ก ชาบูปิ้งย่าง และชานมไข่มุก พวกมันจึงเริ่มต้นสร้างอาณานิคม ผสมพันธ์ุจนมีลูกหลานออกมามากมาย และความพิเศษอย่างหนึ่งของพยาธิชนิดนี้ก็คือ พวกมันชอบชอนไชเข้าไปใน”ท่อน้ำดี”!
“ท่อน้ำดี”... ท่อนี้คือท่อๆเดียวที่เชื่อม”ตับ”และ”ลำไส้” เข้าไว้ด้วยกัน น้ำดีที่ตับสร้างนั้น จะไหลลงมาผ่านทางท่อน้ำดีและเปิดสู่ลำไส้เล็ก เพื่อช่วยในการย่อยอาหารประเภทไขมัน โดยท่อๆนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงประมาณ 5 มิลลิเมตรเท่านั้น หรือก็ประมาณหลอดน้ำทั่วไปนั่นล่ะ
โดยพยาธิใบไม้ในตับนั้น ก็จะชอนไชเข้าสู่ทางเปิดของท่อและเข้าไปอยู่ในท่อน้ำดี หลังจากนี้พยาธิตัวหนึ่งๆก็จะสามารถอยู่ในท่อน้ำดีนี้ได้เป็นเวลาถึง 20 ปี อายุยืนยิ่งกว่าหมาแมวเสียอีก! ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกินปลาดิบตลอด 20 ปีเพื่อติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ 20 ปี เพราะการบังเอิญกินปลาดิบที่มีพยาธิเข้าไปเพียงครั้งเดียว พวกมันก็จะเข้าไปขยายพันธุ์ และสามารถทำให้คุณติดเชื้อถึง 20 ปีได้แล้ว!
สำหรับอาการนั้น ผู้ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหาร ท้องเดิน รู้สึกแน่นท้อง อึดอัดบริเวณใต้ชายโครงขวา ตับโต และเจ็บเป็นบางครั้ง แต่ถ้าหากพวกมันมีเพียง 100-200 ตัวนั้น ผู้ป่วยก็จะไม่มีอาการใดๆ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่ากำลังติดเชื้ออยู่และต้องได้รับการรักษา
แต่อย่างไรก็ตาม พยาธิเหล่านี้ก็ดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในท่อน้ำดีแคบๆ จนทำให้ผนังของท่อน้ำดีมีรอยถลอกและอักเสบอยู่ตลอดเวลา แม้การถลอกเพียงครั้งสองครั้งจะไม่ถือว่าอันตรายอะไร แต่ถ้ามันเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่ามาตลอดเวลา 20 ปีหรือมากกว่านั้นล่ะ?
สิ่งนี้จะทำให้เซลล์ของผนังท่อน้ำดีหันเข้าสู่ด้านมืดครับ เพราะว่ามันต้องคอยเเบ่งตัวเพื่อทดแทนส่วนที่เสียหายไปอยู่ตลอดเวลา จนทำให้มันเริ่มแบ่งตัว”มั่ว” มั่วจนทำให้เกิดการกลายพันธุ์ไปเป็นเซลล์ที่แบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว รวดเร็วถึงขนาดทำให้เกิดก้อนๆหนึ่งขึ้นมา และนั่นก็คือ”ก้อนมะเร็ง”นั่นเอง
ดังนั้นคนไทยหลักหลายล้านคนที่กำลังติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับอยู่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งท่อนำดี โดยเฉพาะคนอีสานนั้นจะเสี่ยงมากเป็นพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย หมอหลายๆคนอาจแทบไม่เคยเจอโรคมะเร็งท่อน้ำดีเลย แต่พอได้ไปทำงานที่ภาคอีสานเพียงวันสองวัน ก็พบมากมายจนรู้สึกประหลาดใจ
“โรคอะไรก็ตามที่เกิดจากพยาธิ ก็มักเป็นโรคประจำถิ่นของภาคอีสานเสมอ!”
เอาล่ะครับ แต่อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งท่อน้ำดีนี้ก็เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ อย่างที่บอกไปว่าโรคติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับส่วนใหญ่นั้นไม่มีอาการ ดังนั้นถ้าคุณจะรอให้มีอาการ ก้อนมะเร็งก็คงโตจนไม่สามารถรักษาให้หายได้เเล้ว
ดังนั้นสำหรับภาคอีสาน จึงได้มีการรณรงค์การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งท่อน้ำดี โดยการ"อัลตราซาวด์”ท้องเพื่อดูลักษณะท่อน้ำดีโดยตรง ทำให้หมอสามารถเห็นก้อนมะเร็งได้ตั้งแต่ที่มันยังตัวเล็กๆและผ่าออกง่ายๆ โดยประชาชนวัยตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปที่ปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ต้องไปตรวจคัดกรอง...
1. เคยติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ
2. เคยกินยาถ่ายพยาธิใบไม้ในตับ
3. เคยกินปลาน้ำจืดสุกๆดิบๆ
4. เคยมีญาติหรือพี่น้องเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี
ใครที่”เคย”แม้แต่ข้อเดียวใน 4 ข้อนี้ ควรไปตรวจคัดกรองกันด้วย หรือใครที่ไม่แน่ใจว่าเคยไหม ก็อย่าประมาทเลยครับ คิดว่าเคยไว้ก่อน แล้วไปตรวจร่างกายกันดีกว่า
และนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่บอกคุณว่า”พยาธิทำได้มากกว่าแค่ท้องเสีย!" เพราะว่ามันทำให้คนไทยเป็นมะเร็งท่อน้ำดีมากที่สุดในโลกมาแล้ว ซึ่งหมอก็เคยเล่าเรื่องพยาธิกับอันตรายถึงชีวิตไว้เรื่องหนึ่งเหมือนกัน เข้าไปอ่านตามนี้ได้เลยครับ ->
สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่เคยกิน”ก้อยปลาดิบ ลาบปลาดิบ ปลาส้ม” หรือเมนูอื่นๆที่มีปลาดิบแล้วล่ะก็ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยนะครับ ว่ากำลังมี”พยาธิใบไม้ในตับ”ดิ้นไปดิ้นมา... อยู่ในท่อน้ำดีแล้วล่ะครับ!
▶️Healthstory - เรื่องสุขภาพ ง่ายนิดเดียว
อย่าลืมกดLike&Shareด้วยนะครับ^^
▶️ติดตามเรื่องราวสุขภาพดีๆจากปากหมออีกได้ที่
โฆษณา