23 ต.ค. 2019 เวลา 16:45 • ธุรกิจ
ทำไมนักการจึงควรพิจารณา Tiktok เป็นหนึ่งในเครื่องมือทำการตลาดที่ทรงพลัง
Tiktok
ก่อนหน้านี้ Tiktok เป็นแอพพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมที่มีชื่อว่า Misical.ly โดยเป็นแอพที่ผู้ใช้สามารถที่จะโพสคลิปที่ตัวเองลิปซิงคกับบทเพลงชื่อดังต่างๆได้ ต้องขอบอกว่า Tkitok ไม่ใช่แพลทฟอร์มที่ใหม่ แต่เป้นคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามอง ถ้าพูดกันตามตรงต้องยอมรับว่านักการตลาดส่วนใหญ่ยังไม่ได้จริงจังทำการทำการตลาดบนแพลทฟอร์มนี้มากนัก เพราะจะว่าไปแอ็พพลิเคชั่นนี้ก็เพิ่งจะเริ่มมาดังเป็นพลุแตกในช่วงหลังๆ
ข้อมูลล่าสุดสำหรับสำหรับ Tiktok 2019 พบว่ามีผู้ใช้งานกว่า 500 ล้านคน ในกว่า 154 ประเทศ แถมยังเป็นแอพที่ติดอันดับท็อป 10 การดาวน์โหลดใน App Store อีกด้วยนอกจากนี้ยังพบว่า 66% เป็นผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี และก็เป็นวัยรุ่นมหาวิทยาลัยเสียเป็นส่วนใหญ่
แล้ว Tiktok เป็นมิตรกับนักการตลาดยังไง
#1 ในแง่ของประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
Tiktok ประกอบด้วยการแสดง feed สองแบบ คือ “Following” และ “For You” (ตามภาพ) ซึ่งในส่วนของ For You นั้น จะแสดงวิดีโอแบบไปเรื่อยๆ ซึ่งคุณสามารถที่จะกดเข้าไปชมวิดีโอแล้วจะกดฟอลโลวเจ้าของช่องนั้นก็ได้ ส่วนด้านซ้าย Following จะแสดงคอนเทนท์วิดีโอของคนที่คุณได้กดติดเอาไว้แล้วนั่นเอง
#2 รูปแบบของวิดีโอบน Tiktok
ทุกวิดีโอบน Tiktok จะแสดงผลเป็นแนวตั้งและกินพื้นที่ทั้งหน้าจอโทรศัพท์มือถือ โดยคอนเทนท์ส่วนใหญ่จะมีความยาวประมาณ 15 วินาที หรือ น้อยกว่านั้น แต่ถึงกระนั้นเวอร์ชั่นล่าสุดของ Tiktok ก็ได้รับการขยับขยายเป็น 60 วินาที และแสดงผลเป็นลูปวนไปหากครบเวลา
มีข้อสังเกตว่า Tiktok มีลักษณะคล้ายกับ Vine แพลทฟอร์มวิดีโอของ Twitter ซึ่งช่วงหนึ่งเคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ได้ปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
#การยืนยันบัญชีผู้ใช้
คล้ายๆกับแพลทฟอร์มโวเชียลมีเดียอื่นๆ Tiktok มี Verified Status เป็นของตัวเอง หลักการคือเมื่อผู้ใช้มีผู้ติดตามมากและเป็นที่นิยมอย่างเห็นได้ชัดก็จะได้สามารถขอเวอร์ริฟาย ความเป็น Authentic Account ได้ และจะสังเกตได้ว่าจุดนี้ Tiktok ทำได้ดีมากๆในการซัพพอร์ตครีเอเตอร์ผู้ซึ่งทำให้แพลทฟอร์มนี้เติบโต
#การไลฟ์สดและการทำเงินจาก Tiktok
ข่าวดีตอนนี้ทาง Tiktok ได้เปิดฟีเจอร์ให้มีการไลฟ์สตรีมมิ่งแล้ว ข่าวร้ายเฉพาะคนที่มียอดติดตามตั้ง  1,000 ฟอลโลวเวอร์ขึ้นไป สังเกตได้ว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมใช้ฟีเจอร์นี้เนื่องจากว่าอาจจะยากไปที่จะต้องทำให้มีผู้มาติดตามแอคเคาน์เราขั้นต่ำ 1,000 แอคเคาน์ก่อนถึงจะไลฟ์สดได้ ซึ่งก็ยากกว่าเมื่อเทียบกับโซเชียลมีเดียอื่นๆ
ส่วนหลักการทำเงินก็ไม่ยาก(แต่อาจจะยากในช่วงแรก) คล้ายๆกับ Youtube Live Streaming โดยคนที่เข้ามาดูเราสามารถที่จะซื้อ “ของขวัญ” เสมือนจริง โดยใช้สกุลเงินในแอพซื้อ ซึ่งที่เหมือนกันกับ Youtube คือ เหรียญ ซึ่งจะมีให้เลือกแบบ 100,500,2000,5000 และ 10,000 เหรียญ
ซึ่งทั้งของขวัญและเหรียญที่คนดูให้กับครีเอเตอร์นั้น ครีเอเตอร์สามารถที่จะเอาไปแลกเป็นเงินจริงๆ หลักการก็คือว่ายิ่งคุณดึงให้คนเข้ามาดูไลฟ์ของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้รับเงินหรือของขวัญมากขึ้นเท่านั้น
#แคปชั่นและแฮชแท็ก
ใน Tiktok นั้นคุณสามารถพิมพ์แฮชแท็กได้เพียง 140 ตัวอักษรต่อหนึ่งวิดีโอเท่านั้น...
#การเพิ่มประวัติและลิงก์ใน Tiktok
ถึงแม้ว่า Tiktok จะยังไม่ซัพพอร์ทการคลิกลิ้งที่ใส่ไว้ในวิดีโอออกไปยังเว็บเพจข้างนอก แต่ผู้ใช้สามารถที่จะใส่ลิ้งก์ไว้ใน Bio แทนได้ แต่จำนวนตัวอักษรก็จะถูกจำกัดอยู่แค่ 140 ตัวอักษรเช่นเดียวกับแฮชแท็ก แถมยังคลิกไดเรคออกไปไม่ได้อีกด้วย
#Tiktok Analytic
ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า Tiktok นั้นยังมีความไม่สมบูรณ์มากนัก เนื่องจากครีเอเตอร์จะดูได้แค่จำนวนผู้รับชมวิดีโอของเรา และใครบ้างที่กดดูโปรไฟล์ของเรา
Tiktok นั้นไม่ได้แสดงข้อมูลเชิงลึกประเภท เพศ อายุ การศึกษา ฯลฯ ของฟอลโล่วเวอร์ หรือว่าระบุว่าใครที่เข้ามาเอนเกจกับวิดีโอของเราซึ่งก็นับว่ายังเป็นจุดอ่อนของแพลทฟอร์มนี้
แล้วอะไรล่ะที่ทำให้นัการตลาดต้องรู้เกี่ยวกับ Tiktok
#คนจะกดปิดทันที่ที่คุณเอาแต่ขาย ขาย และขายของเพียงอย่างเดียว
แน่นอนว่าวิดีโอประเภทพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ หรือขายของเยอะจนเกินไปผู้ชมย่อมไม่ชื่นชอบและอาจส่งผลต่อยอดเอนเกจเมนได้ ดังนั้นบรรดาครีเอเตอร์ต้องคอยศึกษาให้ดีว่าตอนนี้เทรนด์อะไรกำลังมา หรือ ศึกษาแนวทางว่าประชาชนชาว Tiktok นั้นชอบคอนเทนท์วิดีโอประเภทไหน
#ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวระบบการลงโฆษณาของ Tiktok
จากการที่เริ่มมีผู้คนสร้างชื่อเสียงจาก Tiktok เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทาง Tiktok เองเริ่มศึกษาแนวทางการสร้างรายได้จากการโฆษณามาลงในแพลทฟอร์ม โดยตอนนี้ทาง Tiktok ได้เริ่มมีการทดลองรันโฆษณาบ้างแล้ว
ในอนาคตที่ระบบโฆษณาของ Tiktok นั้นเสร็จสมบูรณ์ นักการตลาดก็น่าที่จะลองใช้ Tiktok เป็นหนึ่งในทางเลือกในการโฆษณา นอกเหนือไปจาก  Facebook Instagram Twitterโดยต้องวิเคราะห์ลูกค้าให้ดีว่าส่วนใหญ่นั้นใช้ Tiktok หรือไม่ เพราะไม่แน่ว่าโฆษณาของคุณอาจจะปังจนทำให้สินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่าก็ว่าได้
โฆษณา