24 ต.ค. 2019 เวลา 06:21 • ปรัชญา
บทที่14.เมื่อภรรยาผม...เธอเปลี่ยนไป
แต่งงานกันมาหลายปี ภรรยาแสนดีก็ไม่เคยจะลุกมาแต่งหน้าทำผม แต่มาวันนึงเธอมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนที่ทำงานจากงานออฟฟิตไปเป็นผู้ช่วยหมอที่คลีนิคความงามแห่งหนึ่ง..ที่คลีนิคแห่งนี้มีกฏอยู่ข้อนึงเรื่องการแต่งหน้า คือต้องแต่งหน้าไปทำงาน หากไม่แต่งหน้าให้ดูดีไปจะถูกปรับเงินวันละ 20 บาท
ตอนแรกเธอมีความกังวลกับระบียบข้อนี้มาก ตอนแรกถึงขนาดจะลาออกเลยทีเดียว แต่ด้วยความมีน้ำใจของเธอที้อยากจะได้ทำงานแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวเธอจึงเริ่มฝึกแต่งหน้า..
ช่วงสัปดาห์แรกของการทำงาน เธอแต่งหน้าบางๆ ทาแป้งรองพื้นบางๆ ทาลิปสติกสีอ่อนๆ เหตุผลคือเพื่อที่จะได้ไม่ถูกปรับ
ช่วงสัปดาห์ที่ 2 พัฒนาการเริ่มมีมากขึ้น ด้วยการรองพื้นหนาขึ้น ปัดแก้มสีเข้มขึ้น ทาลิปสติกสีเข้มขึ้น
และหันมาบอกผมว่าที่ทำงานเขาทำกันแบบนี้
สัปดาห์ที่ 3 เธอให้ผมพาไปร้านเครื่องสำอางค์เพื่อหาซื้อเครื่องสำอางค์ชุดใหม่ ก็ยังดีที่เธอเลือกของที่ราคาไม่แพง
สัปดาห์ที่ 4 เธอก็เริ่มแต่งหน้าเต็มรูปแบบมากขึ้น ใช้มีดโกนแต่งคิ้ว เขียนคิ้ว เขียนตาด้วยพู่กันหรืออะไรสักอย่างที่ผมก็เรียกไม่ถูก.
ทุกวันนี้เธอก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คือไม่เพียงแต่แต่งหน้าไปทำงานเท่านั้น แต่เธอยังแต่งหน้าก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง แม้กระทั่งเดินออกไปซื้อของหน้าปากซอย
สำหรับผมแล้วเหมือนกับได้ภรรยาคนใหม่ ที่สดใสตลอดเวลา นอกจากแต่งหน้าแล้ว บางเดือนเธอก็มีทรงผมใหม่ สีผมใหม่ มาให้แปลกตาไปอีก
ประสบการณ์เรื่องเล็กๆจากภรรยานี้ก็สอนให้ผมรู้ว่า
ทุกๆสิ่งแวดล้อมหรือสังคมจะกำหนดการกระทำของคน ทุกๆการกระทำซ้ำๆจะเกิดเป็นทักษะและความชำนาญทุกๆความชำนาญและการลงมือทำบ่อยๆจะเกิดเป็นนิสัยติดตัว
ถ้าเราอยากเป็นคนดีก็ให้พาตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมและสังคมดีๆ
ถ้าเราอยากจะเก่งและชำนาญเรื่องอะไรให้เราฝึกฝนทำสิ่งนั้นซ้ำๆ
ถ้าเราอยากมีนิสัยแบบไหนติดตัวให้ทำสิ่งนั้นเป็นประจำอย่าหยุด
"ใครว่าคนเราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ผมว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้" แต่ที่สำคัญที่สุดคือ "เราอยากเปลี่ยนมันมากพอที่จะลงมือทำมั๊ย "
โชคดีของผม ที่ภรรยาลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง นอกเหนือจากการแต่งหน้าทำผมแล้ว เธอยังดูแลสุขภาพ ดูแลหุ่น รู้จักวิธีทานอาหาร และออกกำลังกาย เธออายุจะ 38 ปีแล้ว แต่เธอยังดูสดใสเหมือนวัยรุ่นอยู่เลย ...โพสต์นี้ผมคงต้องให้เครดิตเธอ..

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา