25 ต.ค. 2019 เวลา 13:30
มาต่อที่ค้างเอาไว้
Photo by the verge
เริ่มกันที่ Apple AirPods 2nd Generation
Airpods Gen.2 Photo by Apple.com
น้ำหนัก : 4 กรัม
ขนาดของเคส : 0.65x0.71x1.59 นิ้ว
แบตเตอรี่ : อยู่ได้นานถึง 5 ชั่วโมง(ฟังเพลงอย่างเดียว)
ราคา : 159 USD (ประมาณ 4,817 บาท)
ข้อดีของ AirPods 2Gen นั้นก็คือมันสามารถที่จะคอนเนคกับ iPhone ได้ไวมากๆ ทั้งนี้เพราะชิพ Apple H1 และ W1 ทำที่ให้การคอนเนคนั้นรวดเร็วและไร้รอยต่อ แบตอึดขึ้น ชาร์ตก็ง่ายชาร์ตเพียง 15 นาทีก็ใช้ได้ต่อเนื่องนานถึง 3 ชั่วโมง และยังซัพพอร์ตระบบชาร์ตกับแผ่นรองชาร์ต(รุ่นนี้ราคา 199 USD) พร้อมทั้งระบบเสียงที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย
Photo by The Verge
ส่วนที่นักวิจารณ์ยังคงเบลมอยู่ก็คือ ลักษณะทางกายภาพอาจจะไม่ได้เหมาะกับสรีระหูของทุกคน ระบบ Noise cancellation(ตัดเสียงรบกวน) ยังไม่ค่อยเวิร์คมาก ทั้งยังไม่รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันกับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์เล่นเสียง 2 เครื่อง รวมถึงระบบสั่งการ “Siri” ยังถือว่าช้าที่สำคัญทำงานกับระบบปฏิบัติการ iOS และ MacOS เท่านั้น (iPhone 8 or later and iPod touch (7th generation) with the latest version of iOS; and 12.9-inch iPad Pro (2nd generation or later), 11-inch iPad Pro, 10.5-inch iPad Pro, iPad (5th generation or later), iPad Air (3rd generation), and iPad mini (5th generation) with the latest version of iPadOS.)
มาถึงพระเอกของเรา Google Pixel Bud2
น้ำหนัก : ยังไม่เปิดเผย
ขนาดของเคส : ยังไม่เปิดเผย
แบตเตอรี่ : 5 ชั่วโมงต่อเนื่อง
ราคา : 179 USD
ครั้งหนึ่ง Hiroshi Lockheimer Google Senior Vice President และหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง Google Android team ได้ทวิตว่า หูฟังไร้สายที่เพอร์เฟ็คสำหรับเขาจะต้องมีคุณบัติดังนี้
Hiroshi's Tweet
1.เสียงดี
2.อยู่ได้นาน 10 ชั่วโมงขึ้นไปโดยไม่ต้องชาร์ต
3.เคสใส่หูฟังต้องไม่ใหญ่จนเกินไปและพอดีสำหรับที่จะใส่กระเป๋ากางเกง และต้องมี USB ไทป์ C
4.กันเหงื่อ กรณีที่ไปออกกำลังกาย
5.มีปุ่มแบบ “สัมผัส”
6.สามาถปิดเสียงเพลงได้ในขณะที่มีคนอื่นกำลังพูดคุยกับเรา
ต้องบอกว่าถ้าทำได้จริงยอดขายคงจะถล่มทลายเพราะมันดูเป็นหูฟังไร้สายที่เพอร์เฟ็คจริงๆ ทีนี้กลับมาดูเจ้า Google Pixel Bud Ver.2 กันหน่อยดีกว่าว่าสามารถทำได้กี่ข้อตามที่คุณ Hiroshi แนะนำ
Google ได้นิยาม Pixel Bud 2 ว่าเป็น ประสบการณ์ที่เข้ามาหาผู้ใช้ พูดง่ายๆว่าผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไร แต่ทาง Google ได้เซ็ทระบบที่ตอบสนองต่อการสั่งการด้วยเสียงเอาไว้หมดแล้วนันเอง ทีนี้ถามว่ามันสั่งการด้วยเสียงอย่างไร ง่ายๆว่าเราแค่พูดว่า “Hey Google” ระบบ Google Assistant จะทำงานทันทีโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเปิดมือถือมากดๆ ด้วยซ้ำ(แต่จริงๆก็คล้ายๆกับที่ Apple มี Siri เหมือนกัน)
Google เคลมว่า Pixel Bud 2 นั้นสามารถใช้งานได้จากระยะไกลแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้โทรศัพท์มือถือก็ตาม(เปรียบให้เห็นคือไกลขนาดห่างจากมือถือประมาณ 3 ห้องยังเชื่อมต่อได้และไกลสุดเท่ากับนอกด้านนอกสนามฟุตบอลก็ยังฟังเพลงได้) ส่วนระบบการเชื่อมต่อแน่นอนหลักก็จะทำงานได้ดีกับ Google Pixel รวมไปถึงอุปกรณ์ Android เวอร์ 6.0 ขึ้นไป แลปท็อป แท็บเลต Android 4.0+ และ iOS ค่ายคู่แข่ง
ด้านดีไซน์ ทาง Google บอกว่าใช้วิธีการพับเก็บสายแบบ “โอริกามิซับซ้อน” (โอริกามิ คือ ศิลปะการพับแบบญี่ปุ่น) จึงทำให้ทุกอย่างที่อยู่ใน Pixel Bud 2 นั่นฟิตพอดีกับรูปทรง แล้วยิ่งเมื่อเทียบกับ Pixel Bud 1 ซึ่งมีสาย Pixel Bud 2 จึงให้นิยามคำว่า หูฟังไร้สายอย่างแท้จริง แถมยังดูกลมกลืนกับใบหูอย่างเห็นได้ชัด
ด้านความอึดของแบตเตอรี่
Pixel Bud 2 นั้นถ้าชาร์ต 1 ครั้งจะอยู่ได้ต่อเนื่องประมาณ 5 ชั่วโมง และถ้าใส่ไว้ในเคสจะใช้ได้นานสุดถึง 24 ชั่วโมง
ด้านคุณภาพเสียง
Google ได้แก้ปัญหาเรื่องเสียงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มขอบยางซีลปิดบริเวณหูเพื่อให้คุณได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงคู่สนทนาแบบชัดๆ Pixel Bud 2 นั้นมีช่องเล็กอยู่บริเวณด้านท้ายหูฟังทั้งนี้เพื่อดูดซับเสียงจากสภาวะแวดล้อมในขณะที่เปิดใช้งาน เพื่อให้หูฟังสามารถที่จะเพิ่มหรือลดความดังของเสียงตามสภาพแวดล้อมในขณะนั้นได้ พร้อมกันนี้ตอนที่คุณกำลังโทรศัพท์ ไมโครโฟน 2 ตัวที่ถูกติดตั้งมาใน Pixel Bud 2 ทั้งสองข้างจะโฟกัสไปที่เสียงของคุณ เช่นตอนที่คุณกำลังอยู่ท่ามกลางลมแรง คอนเสิร์ต หรือแม้กระทั่งตอนที่คุณกำลังออกกำลังกายอยู่ ตัวหูฟังเองยังสามารถที่จะกันเหงื่อและน้ำได้อีกด้วย
สรุปได้ว่าแทบจะเป็นไปตามคุณสมบัติหูฟังไร้สายแบบ “เพอร์เฟ็ค” อย่างที่คุณ Hiroshi กล่าวเอาไว้ก็ไม่น่าจะผิดนักแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมาดูกันอีกทีตอนที่หูฟังออกมาจริงๆในปีหน้า(2020) โดย Google Pixel Bud 2 จะออกมาให้ยลโฉมกัน 4 สี ได้แก่ สีขาว สีส้ม สีมิ้นท์ และสีดำ
โฆษณา