26 ต.ค. 2019 เวลา 00:09 • การเมือง
⭕ ต้นทุนของความจนนั้นแพง ⭕
🔺 It's Expensive to be poor 🔺
แม้กระทั่งความจนยังมีราคาที่ต้องจ่าย แถมยังแพงซะด้วย
คุณเคยรู้มั้ยครับ ว่าคนจนนั้นใช้ชีวิตอยู่ในสังคมโดยที่ต้องจ่ายเงินสำหรับสิ่งต่างๆ แพงกว่าคนรวยครับ
🔴 คนจนต้องจ่ายเงินสำหรับการซื้อของใช้ในครัวเรือนแพงกว่าคนรวย
คนจนมีอำนาจในการซื้อน้อยครับ ทำให้การซื้อของแต่ละครั้งนั้นซื้อได้ในปริมาณน้อยชิ้น แต่ต้องซื้ออยู่บ่อยครั้งกว่า เนื่องจากมีรายได้น้อย
ต่างจากคนรวยที่มีอำนาจในการซื้อมาก ทำให้การซื้อของแต่ละครั้ง ซื้อได้ในปริมาณมากๆ และหลากหลายกว่า
และยังมีศักยภาพในการเก็บรักษาของเหล่านั้นด้วย
เฉลี่ยแล้วการซื้อของในปริมาณทีละเยอะๆย่อมถูกกว่า เช่น
ซื้อกระดาษชำระทีละแพ็คใหญ่ๆ ย่อมราคาถูกกว่าซื้อทีละม้วน
หรือก็คือ เทียบเป็นต่อหนึ่งหน่วยสินค้าคนจนจ่ายแพงกว่า นั่นเอง
ที่สำคัญ คือ ยิ่งซื้อเยอะ ก็ยิ่งได้ส่วนลดและสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากทางห้างหรือร้านค้า
หรือในกรณีที่ใช้บัตรเครดิตก็ได้สิทธิพิเศษจากบัตรนั้นๆ อยู่แล้ว
ซึ่งคนจนไม่มีโอกาสได้สิทธิพิเศษเหล่านี้อยู่แล้วครับ
🔴 คนจนจ่ายภาษีแพงกว่าคนคนรวย
ทุกครั้งที่เราทุกคนซื้อของ เราจะโดนภาษีหัก ณ ที่จ่ายครับ คือ VAT 7% ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจน คุณก็ต้องจ่าย 7% เท่ากันหมด
คนจนหาเงินได้เดือนละ 10,000 บาท คนจนก็เสีย VAT 7%
คนรวยหาเงินได้เดือนละ 10,000,000 บาท คนรวยก็เสีย VAT 7%
คนจนและคนรวยเสีย VAT 7% เท่ากัน
ไม่ว่าคุณจะรายได้เท่าไหร่
แต่ถ้ามาเทียบกับเงินที่หาได้ต่อเดือนแล้วจะเท่ากับว่าคนจนจ่ายภาษีตรงนี้แพงกว่าครับ เนื่องจาก รายได้น้อยกว่าแต่เสียภาษีเท่ากัน
7% ที่คนจนต้องเสียเมื่อเทียบกับเงินเดือนเพียงน้อยนิดนี่ผมว่าเยอะนะครับ ต่างจากคนรวยที่เสีย 7% นี่มันจิ้บจ้อยมากๆสำหรับคนเหล่านั้น
⚠️ การเสียภาษี คือ สิ่งที่พลเมืองทุกคนพึงปฏิบัติ ผมไม่ได้ต่อต้านนะ ผมแค่มองว่าจำนวนที่เสียมันไม่เป็นธรรม เฉยๆครับ ⚠️
1
🔴 คนจนมีค่าความเสี่ยงมากกว่าคนรวย
◾ถ้าคุณเป็นคนจนแล้วสามารถทำงานจนมีเก็บเงินได้ก้อนนึง แล้วอยากนำเงินก้อนนี้มาลงทุนทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะได้ยกระดับฐานะของตัวเองขึ้นมา
คุณอาจจะอยากเปิดกิจการเล็กๆ หรือ นำไปลงทุนในหุ้น หรือ กองทุนต่่างๆ เพื่อจะได้มีรายได้หรือผลตอบแทนเพิ่มขึ้น แต่ขาดความรู้และความชำนาญ มันจึงมีค่าเสี่ยงอยู่ครับ
1
ผมสมมติให้เงินจำนวนนั้นมี 100,000 บาท
ถ้าคุณแบ่งไปลงทุน จำนวน 10,000 บาท
นั่นจะคิดเป็น 10% ของ เงินทุนทั้งหมด และคุณจะเหลือเงินอยู่ 90,000 บาท
ถ้าคุณลงทุนไปแล้วเกิดพลาด‼️
คุณจะเหลือเงินอยู่ 90,000 บาท เพื่อลงทุนต่อได้อีกเพียงแค่ 9 ครั้ง ครั้งละ 10,000
◾แต่ถ้าคุณเป็นคนรวยคุณจะมีความรู้และความชำนาญด้านบริหารและการเงินอยู่แล้ว เพราะนั่นคือแหล่งที่มาของรายได้ของคุณ
ผมจะสมมติให้มีเงินลงทุน 10,000,000 บาท ให้สมฐานะความรวย
คุณแบ่งเงินไปลงทุน จำนวน 10,000 บาท
จะเท่ากับคุณแบ่งเงินไปเพียงแค่ 0.1%ของเงินทุนทั้งหมด
ถ้าคุณลงทุนแล้วเกิดพลาด
คุณยังสามารถแก้ตัวได้อีก 999 ครั้ง 😎
เพราะยังมีเงินทุนเหลืออยู่ถึง 9,990,000 บาท เชรดดดดเข้〰️〰️〰️
1
ต่างกับคนจนราวฟ้ากับเหว
🔴 คนจนกู้เงินดอกเบี้ยแพงกว่าคนรวย
◾ ถ้าคุณเป็นคนจนการที่คุณจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือเงินกู้จากทาง ภาครัฐหรือธนาคารนั้น
อาจทำได้ยากเนื่องจาก เงื่อนไขต่างๆ นั้นมีค่อนข้างเยอะเลยครับ ไหนจะเรื่องหลักทรัพย์หรือคนค้ำประกันอีก
ทำให้คนจนนั้นมีโอกาสกู้เงินหรือหาเงินทุนจากตรงจุดนี้ได้ค่อนข้างยากเลย ถ้าได้ก็อาจจะได้ดอกเบี้ยที่แพงเลยครับ
ธนาคารจะประเมินศักยภาพของคนจนไว้ค่อนข้างต่ำ หรือก็คือ มีความเสี่ยงสูงในการผิดนัดชำระ นั่นเอง จึงทำให้ดอกเบี้ยสูงตามไปด้วย ธนาคารต้องรับความเสี่ยงสูง เลยบวกดอกเบี้ยเยอะๆไว้ก่อน
1
ไหนจะโดนบังคับทำประกันอีก ไหนจะค่าธรรมเนียม ล้วนเอามาหักจากเงินกู้ทั้งนั้น
พอเงินกู้ออก จึงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
1
ในกรณีที่กู้ธนาคารไม่ผ่าน คนจนก็จำเป็นต้องไปพึ่งบรรดาเงินกู้นอกระบบ อัตราดอกเบี้ยไม่ต้องพูดถึงครับ โคตรจะโหด บางรายเก็บดอกเบี้ยเป็นรายวันเลยครับ
◾ ถ้าคุณเป็นคนรวย การกู้เงินจะเป็นเรื่องง่ายมากๆ ธนาคารจะอ้าแขนอ้าขารับคุณเลยล่ะครับ
อย่าคิดว่าคนรวยไม่กู้เงินนะครับ คนพวกนี้จะไม่เอาเงินสดของตัวเองไปลงในธุรกิจแน่นอนครับ
แต่จะใช้เงินกู้ในการหมุนเวียนธุรกิจ แล้วนำกำไรมาจ่ายดอกเบี้ย ส่วนเงินสดของตัวเองอาจจะไปแปรสภาพ ที่ดิน ทองคำ หรือนำไปลงทุน หุ้นหรือกองทุนเพื่อเงินปันผล
ธนาคารอยากให้คนรวยกู้เงินและฝากเงินกับธนาคารของตนมากๆครับ
เนื่องจาก ความเสี่ยงต่ำ โอกาสที่จะNPLนั้นน้อยครับ ธนาคารเล็งเห็นโอกาสในการทำกำไรจากคนรวยตรงจุดนี้แหละครับ
ธนาคารจึงจะเสนออัตราดอกเบี้ยสุดพิเศษ ( under prime ) ให้กับคนรวย พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆของธนาคารนั้นๆ
1
หรือถ้าคุณเปิดบริษัทที่ใหญ่โตมากๆ หรือเป็นบริษัทข้ามชาติ คุณอาจจะสามารถกู้เงินจากธนาคารต่างประเทศได้เลยครับ ดอกเบี้ยถูกกว่าธนาคารไทยเยอะเลยครับ
ธนาคารจะหาผลประโยชน์จากคนกลุ่มใหญ่ในประเทศครับ ซึ่งก็คือ คนจน ไปจนถึง ชนชั้นกลางครับ ซึ่งมีมากกว่า 90%
ในประเทศ ธนาคารถึงกำไรมหาศาลไงครับ
🔴 คนจนจะมีต้นทุนด้านเวลาแพงกว่าคนรวย
คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกคนครับ
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน เวลาคือสิ่งที่มีค่าที่สุด มีค่ามากกว่าเงินด้วยซ้ำครับ
◾ถ้าคุณเป็นคนจนการเดินทางไปทำงาน
ของคุณอาจจะเสียเวลา ไปกับการรอรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือ ระบบขนส่งมวลชนทั่วไป นานวันละเป็นชั่วโมง
ถ้าที่ทำงานไกล ก็อาจจะมากกว่านั้น คุณจะต้องแหกขี้หูขี้ตาตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะต้องรีบบริหารเวลาจัดการตัวคุณเอง จะได้รีบไปทำงานให้ทัน บางคนอาจจะต้องต่อรถหลายสายเลย เพื่อไปทำงาน
คุณจะต้องเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้ ทุกวัน ทั้งไปและกลับ นี่คือต้นทุนด้านเวลาของคุณครับ
◾ถ้าคุณเป็นคนรวยคุณก็มีต้นทุนด้านเวลาเช่นกัน แต่น้อยกว่าแน่นอน เพราะคุณจะมีรถส่วนตัวใช้ครับ หรืออาจจะเป็นรถประจำตำแหน่ง คุณจะไม่ต้องรีบตื่นไปให้ทันเที่ยวรถ ไม่ต้องไปเสียเวลาเดินทางหลายๆต่อ
โดยรวมแล้วคุณสามารถบริหารจัดการเรื่องเวลาได้ง่ายกว่าคนจนแน่นอนครับ
ทั้งสองกรณี ผมขอเปรียบเทียบเป็นการเดินทางบนท้องถนน ด้วยรถยนต์ นะครับ และ ทั้งสองกรณีนี้ ต้องเจอปัญหารถติดแน่นอน
แต่ส่วนตัวผมก็ยังมองว่า ยังไงคนรวยก็ยังสบายกว่าอยู่ดี และต้นทุนเรื่องเวลาก็เสียน้อยกว่าครับ แถมยังไม่ต้องไปดมควันรถให้เสียสุขภาพด้วย เปิดแอร์ขับรถฟังเพลงไปชิวๆ หรืออาจจะมีคนขับให้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือราคาที่คนจนต้องจ่ายครับ และยังต้องจ่ายแพงกว่าคนรวยด้วย
จริงๆความเหลื่อมล้ำและเอารัดเอาเปรียบในสังคมนี้ มันยังมีอีกเยอะครับ โลกความจริงมันฟอนเฟะและเห็นแก่ตัว ผมแค่ยังเขียนออกมาไม่หมด และผมจะเขียนแน่ๆ
แต่ผมขอยกยอดไปเขียนเป็นบทความต่อไปละกันนะครับ เพราะเกรงว่ามันจะยาวไป
มันมีอะไรที่ผมอยากจะแซะอีกเยอะครับความโสมม ของคนบางกลุ่ม
1
◾◾ Reference ◾◾
🔻ฝากกดไลค์และกดติดตามด้วยครับ🔻
👤 A MAN ....... By _ สมถุย
โฆษณา