29 ต.ค. 2019 เวลา 11:40 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา LEXUS รถหรูญี่ปุ่นที่แข่งกับรถยุโรปได้อย่างสูสี
“พวกเราจะสามารถสร้างรถหรูที่ดีที่สุด ได้หรือไม่?”
ประโยคดังกล่าวพูดโดยคุณ Eiji Toyoda
ประธานบริษัท Toyota คนที่ 5
จากแนวคิดดังกล่าวทำให้บริษัท Toyota สามารถผลิตรถหรูได้สำเร็จภายใต้แบรนด์ LEXUS
เรื่องราวของ LEXUS เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983 หรือเมื่อ 36 ปีก่อน..
หลังจากโตโยต้าดำเนินธุรกิจในอเมริกามาเกือบ 30 ปี บริษัทต้องการปรับโครงสร้างเพื่อให้ธุรกิจทำกำไรได้มากขึ้น
Eiji Toyoda จึงคิดต่อยอด สร้างแบรนด์รถหรูขึ้นมาอีกหนึ่งแบรนด์ นอกเหนือจาก Toyota ที่เป็นแบรนด์หลักอยู่ก่อน
Cr. Lexus Enthusiast
แต่การจะทำรถหรูขึ้นมาแข่งขันกับเจ้าตลาดฝั่งยุโรปในตอนนั้น ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย..
1
เพราะเดิมญี่ปุ่นไม่ได้มีภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์รถหรูมาก่อน
ฉะนั้นหากบอกว่าญี่ปุ่นจะมาทำรถหรูให้ฝรั่งใช้ คงไม่มีใครเชื่อว่าจะสำเร็จ
แต่ LEXUS ทำได้
1
ถ้าดูจากส่วนแบ่งการตลาดรถหรูปีล่าสุดในสหรัฐอเมริกา LEXUS อยู่ในระดับที่สูสีกับแบรนด์หรูฝั่งยุโรป ทั้งที่เริ่มต้นทีหลัง
Mercedes-Benz 15.8%
BMW 15.6%
LEXUS 14.9%
Audi 11.2%
Tesla 9.1%
 
แล้ว LEXUS ทำได้อย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เรื่องแรก LEXUS เลือกตลาดได้ถูก โดยเลือกทำตลาดในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก เพราะนอกจากอเมริกาจะเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของรถหรูแล้ว ยังมีโอกาสตีตลาดได้มากกว่าประเทศในโซนยุโรป ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแบรนด์รถหรูจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกตลาดที่มีขนาดใหญ่ นั่นก็หมายความว่า ผู้เล่นรายใหญ่ เช่น Mercedes Benz, BMW และ Cadillac ก็ให้ความสำคัญกับตลาดนี้เช่นกัน
แทนที่เรื่องนี้จะเป็นอุปสรรค กลับเป็นโอกาสของ LEXUS ที่จะเข้ามาตีตลาด
เพราะในช่วงปี 1980s ตลาดรถหรูในอเมริกาที่ผูกขาดโดยแบรนด์ใหญ่นั้น ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวและขาดการใส่ใจลูกค้า แต่ละแบรนด์ใช้วิธีปรับโมเดลรถเพียงเล็กน้อยแล้วขึ้นราคาทุกปี ทำให้ตลาดในตอนนั้นอยู่ในช่วงที่คนรู้สึกผิดหวังกับแบรนด์ และไม่คุ้มค่าเงิน
1
แต่การที่ LEXUS จะเข้ามาเป็นตัวเลือกใหม่ก็ไม่ง่าย...
Eiji Toyoda รู้ดีว่าหากรถไม่ดีพอ ก็คงไม่สามารถเรียกเงินจากเศรษฐีอเมริกันได้
เลกซัสจึงทุ่มงบมหาศาล และกำลังคนระดับหัวกะทิ ประกอบไปด้วย
พนักงานออกแบบ 60 คน
วิศวกร 1,400 คน
นักเทคนิค 2,300 คน
และหน่วยสนับสนุนอีกประมาณ 220 คน
1
คิดเป็นมูลค่าการลงทุนและวิจัยประมาณ 3,000 ล้านบาท ทำรถต้นแบบกว่า 450 คัน
กว่าจะออกมาเป็น LEXUS LS 400 ในปี 1989
Cr. Lexus
ในตอนนั้น LEXUS เปิดตัว LS 400 ด้วยคุณภาพระดับเดียวกับ S Class ของ Mercedes Benz และ 7 Series ของ BMW ในราคาที่จับต้องได้ เพื่อจูงใจให้คนอเมริกันรู้สึกว่าคุ้มค่า และลองเปิดใจให้กับ LEXUS
นอกจากนี้ จุดเด่นอีกอย่างที่ทำให้รถ LEXUS ต่างจากแบรนด์อื่นในตลาดตอนนั้นคือ วิธีคิด
บริษัทยุโรปและสหรัฐอเมริกา จะผลิตรถยนต์ออกมาก่อน แล้วทำให้ลูกค้าสนใจทีหลัง..
แต่ LEXUS จะเริ่มคิดจากความต้องการของคนเป็นอันดับแรก
โดยมีการศึกษาลูกค้าในตลาดอย่างจริงจัง
ให้ทีมวิศวกรเชิญผู้ใช้งานรถยนต์หรูจากทุกแบรนด์หลายร้อยคนมาสัมภาษณ์..
เพื่อดูว่าอะไรที่ลูกค้ารถหรูชอบ อะไรที่ไม่ชอบและควรแก้ไข
แล้วนำข้อมูลกลับมาพัฒนารถยนต์ของตัวเองให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้มากที่สุด
ซึ่งถือเป็นความละเอียดอ่อน และวิธีคิดในแบบของคนญี่ปุ่นที่ฝรั่งไม่มี
LEXUS เลยเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมา ด้วยความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง
เรื่องนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ LEXUS กลายมาเป็นแบรนด์ที่คนอเมริกันชื่นชอบ
เมื่อทำรถที่ดีได้แล้ว ตีตลาดได้แล้ว ทำอย่างไรให้คนอยู่กับแบรนด์ในระยะยาว
LEXUS ยืนระยะด้วยการสั่งสมความน่าเชื่อถือ
ซึ่ง LEXUS มีจุดแข็งเรื่องความไว้ใจได้ ใช้งานระยะยาวได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่คนซื้อรถระดับนี้จะพิจารณา
เพราะต่อให้ทำรถออกมาหรูแค่ไหน ถ้าไม่สามารถทำให้คนมั่นใจได้ว่าจะเป็นรถที่ดี ใช้งานระยะยาวได้ ก็จะไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากแบรนด์อื่นได้
จุดเปลี่ยนสำคัญอีกข้อ ที่ทำให้ยอดขายของ LEXUS กระโดดขึ้นมาตีคู่กับแบรนด์ยุโรปได้ภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี คือบริษัทสามารถพัฒนารถยนต์ประเภท SUVs โดยนำมาผสมผสานกับความหรูหราออกมาเป็น LEXUS RX ในปี 1998
เรื่องนี้หลายคนอาจไม่เคยคิดมาก่อน เพราะรถหรูหลายคนจะนึกถึงแต่รถ Sedan
แต่การแนะนำ LEXUS RX ณ ตอนนั้น โดนใจคนอเมริกัน ที่ต้องการรถใหญ่ เอนกประสงค์ แต่ยังหรูหราและนั่งสบายในเวลาเดียวกัน จนสามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลาย
นี่เป็นอีกหนึ่งกรณี ที่เห็นว่าวิธีคิดแบบญี่ปุ่นของ LEXUS ที่เริ่มคิดจากความต้องการของผู้ใช้นั้น
มีผลทำให้แบรนด์ LEXUS ก้าวมาอยู่แถวหน้าของตลาด
และจากตัวเลข กลายเป็นว่า LEXUS มีจุดเด่นอยู่ที่รถยนต์ SUVs
ปัจจุบัน โครงสร้างรายได้ของ LEXUS แบ่งออกเป็นกลุ่มธุรกิจ
รถยนต์ SUVs 68.4%
รถยนต์ Sedan 25.8%
และ อื่นๆ 5.8%
Cr. Lexus
แล้วปัจจุบัน LEXUS ขายดีขนาดไหน?
รายได้ LEXUS ภายใต้บริษัท Toyota Motor Corporation
 
ปี 2017 รายได้ 458,000 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 466,000 ล้านบาท
รายได้ของ LEXUS สามารถเติบโตได้ประมาณ 2.4% ในขณะที่ตลาดรถหรูทั่วโลกชะลอตัวลงกว่า 4.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน
และถ้าดูรายได้ตามภูมิภาคในตอนนี้ สัดส่วนหลักกว่า 84% ของ LEXUS มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา..
จากเดิมที่ไม่มีใครเชื่อถือ หากญี่ปุ่นจะมาทำรถหรูให้คนอเมริกันใช้
30 ปีผ่านไป แบรนด์ LEXUS กลายเป็นรถยนต์ที่คนอเมริกันบอกว่าน่าเชื่อถือ
เรื่องนี้น่าสนใจว่า LEXUS เป็นแบรนด์จากเอเชียเพียงแบรนด์เดียวที่สามารถแข่งขันกับรถหรูจากยุโรปได้อย่างสูสี เทียบเท่า Mercedes-Benz และ BMW
โดยปัจจุบัน LEXUS ยังขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์ที่นำมอเตอร์ไฟฟ้ามาทำหน้าที่เสริมการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เครื่องยนต์ Hybrid
เรื่องนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความตั้งใจของ LEXUS
ถ้าเราตั้งใจทำ คอยพัฒนาสินค้าอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง
ที่สำคัญคือ เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างถ่องแท้
สินค้าของเราก็จะสามารถเข้ามาอยู่ในใจของลูกค้าได้อย่างแน่นอน
เหมือนวันนี้ของ LEXUS จากแบรนด์ญี่ปุ่นนอกสายตาคู่แข่ง กลายเป็นรถหรูเพียงแบรนด์เดียวของเอเชีย ที่สามารถแข่งกับรถยุโรปได้อย่างสูสี..
โฆษณา