มหาตมา คานธี (Mahatma Gandhi) ตัวแทนของสันติภาพและอิสรภาพ
ผมมีโอกาสได้ไปเยือนคานธีอาศรม (Sabahmati Ashram) ณ.กรุงอาห์มาดาบัด ซึ่งเคยเป็นศูนย์บัญชาการของคานธีในระหว่างปี 1915 ถึง 1930 ได้เดินเที่ยวชมบริเวณอาศรมภายใต้ร่มเงาไม้เพื่อดูที่พักอาศัยและวัดที่สร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย ลองจินตนาการถึงช่วงเวลาที่คานธีใช้ชีวิตอยู่ที่นี่และวางแผนการต่อสู้แบบอหิงสาเพื่ออิสรภาพของอินเดีย
เพื่อพยายามระงับความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมกับชาวฮินดู หลังจาก ที่เขาได้นำคนอินเดียต่อสู้กับเจ้าอาณานิคมอังกฤษมาอย่างยาวนานโดยวิธีอหิงสาจึงได้รับเอกราชจากอังกฤษในที่สุด ต่อมาความขัดแย้งทางศาสนาที่ควบคุมมานานระหว่างชาวฮินดูกับอิสลาม ได้ก่อให้เกิดการแตกแยกประเทศไปตั้งเป็นสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน และเกิดการต่อสู้แข่งขันระหว่างสองฝ่ายมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก
ห้องทำงานของท่านไม่เพียงโต๊ะตัวเล็กๆ เสื้อผ้าสีขาว แว่นตา นาฬิกา ไม้เท้า รองเท้าไม้และตุ๊กตาไม้รูปลิง 3 ตัวทำท่าปริศนาธรรม -- มือปิดหู ปิดตา ปิดปาก สมบัติของผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก บุรุษร่างเล็กผู้ชนะใจคนนับพันล้านทั่วโลกมีเพียงแค่นี้จริงๆ
เย็นวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๔๙๑ คานธีในวัย ๗๘ ปีเดินออกมาปฏิบัติกิจวัตรโดยมีหลานสาวสองคนพยุงแขนสองข้าง ขณะเดินไปได้สักพัก ชายคนหนึ่งก็ฝ่าฝูงชนมาหาท่าน หลานสาวคิดว่าชายผู้นั้นจะมาก้มลงแตะเท้าของคานธีเป็นการแสดงความเคารพ หลานสาวคนหนึ่งบอกคานธีว่า "บาปู (สรรพนามเรียก ญาติฝ่ายพ่อ) สายมากแล้ว" และเธอพยายามกันชายผู้นั้นออกไปทันใดนั้นเขาก็ผลักเธอพร้อมเงยหน้าและหยิบปืนสั้นบาเร็ตต้า .๓๘ มมยิงเข้าที่หน้าอกและท้องอันเปลือยเปล่าของคานธี ๓ นัดซ้อน คานธีได้กล่าวคำพูดสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิตว่า "Hey Ram" (โอ้พระเจ้า)
ตลอดชีวิตการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียจากการตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ คานธีถูกลอบสังหารเกือบเอาชีวิตไม่รอด ๔ ครั้ง สองวันก่อนเสียชีวิตคานธีเขียนว่า "หากผมจะตายจากกระสุนปืนของคนบ้า ผมก็ยังมีรอยยิ้มไม่มีความอาฆาตโกรธแค้นภายในตัวผม พระเจ้าจะอยู่ในหัวใจและคำพูดของผม"
ภายหลังข่าวการเสียชีวิตของคานธีแพร่กระจายไปทั่วประเทศ คนอินเดียทางมุสลิมได้ยินดูต่างเศร้าสลด การเข่นฆ่ากันระหว่างคนต่างศาสนาส่วนใหญ่ยุติลง มีแต่เสียงร่ำไห้ของบุคคลตามท้องถนน ประชาชนกว่า ๒ ล้านคนมุ่งหน้าไปกรุงเดลีเพื่อแสดงความอาลัยท่านเป็นครั้งสุดท้าย ฟูงชนต่อแถวยาวเหยียดเกือบ ๑๐ กิโลเมตรเพื่อร่วมไว้อาลัยบริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุแห่งนี้
นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย นายยะวาหะราล เนห์รู กล่าวกับคนต่างชาติทางวิทยุภายหลังเหตุการณ์นั้น มีใจความส่วนหนึ่งว่า "เพื่อนและสหายแสงสว่างได้หายไปจากชีวิตของพวกเราแล้ว มีแต่ความมืดมิดทุกหนแห่ง และข้าพเจ้าก็ไม่อาจบอกพวกท่านได้ว่าจะอยู่กันอย่างไรต่อไป ผู้นำอันเป็นที่รักยิ่งของเรา บาปูหรือที่เราเรียกว่าพ่อของชาติ ได้จากไปแล้ว เราไม่สามารถเห็นท่านได้อีกต่อไป แม้ว่าเราจะได้พบท่านมาเป็นเวลานานแล้ว เราจะไม่สามารถวิ่งไปขอคำปรึกษาหรือคำปลอบประโลมจากท่านได้อีก มันเป็นความทุกข์มหันต์ ไม่เฉพาะสำหรับข้าพเจ้า แต่สำหรับผู้คนหลายล้านคนในประเทศนี้"
คานธีเสียชีวิตในวันศุกร์ วันเดียวกับพระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเมื่อ ๑,๙๑๕ ปีก่อน การเสียชีวิตของคานธีอาจถือเสมือนการถูกตรึงกางเขนเป็นคนที่ ๒ ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ นับแต่พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนเพื่อไถ่บาปแก่มวลมนุษย์ เช่นเดียวกับการเสียชีวิตของคานธี อันเป็นการยุติสงครามกลางเมืองระหว่างคนต่างศาสนา ในโลกยุคปัจจุบันที่ผู้คนเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความขัดแย้งจะมีใครยอมเสียสละถูกตรึงกางเขนเป็นคนที่ ๓ หรือไม่คงต้องดูกันไปนานๆและให้เวลาพิสูจน์ว่าใครเป็นตัวจริงตัวปลอมกันต่อไป
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
