Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก
•
ติดตาม
4 พ.ย. 2019 เวลา 16:58 • ไลฟ์สไตล์
ความทรงจำในวันวาน ตอนที่1
แม้ว่าวันวานคืออดีตที่ผ่านเลยไปแล้ว
และเราทุกคนรู้ดีว่ามันจะไม่มีวันหวนคืนมาอีก
แต่ทุกครั้งที่เราคิดถึงเรื่องราวในอดีตอดีต
ทุกครั้งที่ “ความทรงจำ” ผุดขึ้นมา ความสุข
ความอิ่มเอมใจ หรือแม้แต่ความเจ็บปวด
รวดร้าวในวันเก่าๆ หลากหลายความรู้สึก
ก็ย้อนกลับมาสู่เราอีกครั้ง
ความทรงจำในวันวานของฉันเรื่องนี้
ถึงแม้มันจะไม่ขึ้นแจ้งวันนี้ในอดีตใน facebook
แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันจะจำมันได้ไปตลอดชีวิต เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
20.36น.
ในขณะที่ฉันกำลังจัดการกับราดหน้าเจ้าประจำที่เป็นอาหารมื้อเย็นอยู่ในห้อง หลังจากที่เพิ่งเลิกเรียนวิชาสุดท้ายของวันไปเมื่อตอน 2 ทุ่ม ซึ่งก็แทบจะเป็นเวลาปกติของคณะฉันเลยก็ได้ คณะที่ตารางเรียนแน่นเอี้ยด และเรียนชดเชยเป็นเลิศ ไม่เว้นแม้แต่วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันไหนที่เป็นวันว่างหรือเวลาไหนว่างนิสิตคณะเราจะรับรู้ได้ทันทีว่านั่นน่ะเตรียมไว้เรียนชดเชยเลย หาเวลากลับบ้านได้ยากมาก กลับบ้านปีนึงนับวันได้เลย เรียนมาจนอยู่ปี4แล้วฉันก็ชินแล้วล่ะ
ครืด ครืด ครืด......
โทรศัพท์ของฉันก็สั่นโชว์ชื่อเจ้าของเบอร์ที่โทรเข้ามา อยู่ๆใจของฉันเต้นรัวเหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพราะปกติพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่ค่อยได้เป็นฝ่ายโทรหาฉันหรอก ฉันจะเป็นฝ่ายโทรไปเสียมากกว่า
เมื่อได้สติฉันจึงหยิบโทรศัพท์ออกไปรับสายอยู่ที่ระเบียงด้านนอกเพราะเกรงใจรูมเมท ตอนนี้ฉันมีรูมเมทอยู่ถึง 3 คนแหนะ
Cr. Manoot_Si
ทันทีที่กดรับสายก้าวก็เท้ามาหยุดอยู่ที่ระเบียงพอดี สิ่งที่ทำให้ฉันหนาวสะท้านไปทั้งร่างไม่ใช่สายลมหนาวที่พัดมากระทบกับผิวกาย แต่กลับเป็นเสียงของผู้หญิงที่ฉันรู้จักดี "แม่"
แม่ที่พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและแผ่วเบา คำพูดที่เอื้อนเอ่ยบอกกับฉันนั้นเต็มไปด้วยความกังวล ตกใจและความรู้สึกหลากหลายที่ฉันสัมผัสได้ ที่แน่ๆคือแม่กำลังร้องไห้
ทำให้ฉันต้องใช้เวลาจับใจความ เมื่อฉันจับใจความคำพูดของแม่ได้ ร่างกายของฉันอ่อนแรงทรุดนั่งที่ม้านั่งโดยอัตโนมัติอย่างพยุงตัวเองไม่อยู่ น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาไหลลงมาตามแรงโน้วถ่วง ฉันรู้สึกตัวว่าตัวเองร้องไห้ก็เมื่อสัมผัสได้ถึงความเค็มของน้ำตานั่นแหละ ฉันจำได้ว่าฉันร้องไห้ครั้งล่าสุดก็ผ่านมา 2 ปีได้แล้วมั้ง
ประโยคที่ฉันได้ยินคือ
น้อยลูก ยายก็ช็อค หมดสติ...หัวใจหยุดเต้น
กว่าฉันจะตั้งสติหาเสียงตัวเองเจอเวลาก็ผ่านไปเกือบนาที ถึงได้เอ่ยถามแม่ออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งก็ได้ความว่า
ในขณะที่กำลังกินข้าวเย็นอยู่นั้นจู่ๆยายก็ล้มลงไปนอนกับพื้นหมดสติ จึงรีบพายายส่งโรงพยาบาลที่อยู่ในตัวอำเภอห่างจากบ้านของฉัน20กิโลได้
พอถึงโรงพยาบาลหัวใจของยายก็หยุดเต้น
แต่หมอก็สามารถปั๊มหัวใจกลับมาได้ แต่อาการก็ยังน่าเป็นห่วงทางโรงพยาบาลจึงทำเรื่องส่งตัวยายไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดเพราะที่นั่นมีเครื่องมือและแพทย์ที่พร้อมกว่า ซึ่งโรงพยาบาลอยู่ห่างจากตัวอำเภอเกือบ70กิโล
แต่เพื่อยื้อเวลาให้ยายได้อยู่กับลูกหลานต่อนี่เป็นทางเลือกเดียวที่เรามี ป้าของฉันเป็นคนไปกับยายด้วย แต่แม่และลูกพี่ลูกน้องของฉันกลับบ้าน แม้จะห่วงยายแต่เพราะแม่ก็ยังห่วงลูกที่แม้ว่าลูกจะอายุ 14 ปี ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็ห่วงลูกเหมือนกันหลานฉันเพิ่งจะ 5 ขวบเอง
ฉันยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่ายายของฉันท่านมีโรคประจำตัวที่เป็นมานานแล้วตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดนั่นคือ โรคหัวใจ แต่ในวันนี้มีโรคอื่นแทรกซ้อนเพิ่มเข้ามาอีก ไต ความดัน เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ทันเลยทำให้หัวใจหยุดเต้น
หลังจากที่คุยกับแม่แล้ว ฉันจึงโทรหาน้องชายที่อยู่บ้านเพียงลำพัง เพราะตอนนี้พ่อของฉันไปกรีดยางอยู่ที่บ้านย่าซึ่งอยู่คนละตำบล
เมื่อน้องของฉันรับสายเขาก็บอกฉันทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจึงบอกไปว่ารู้เรื่องแล้วเพิ่งคุยกับแม่เสร็จ อยู่คนเดียวก็ปิดประตูหน้าต่างให้ดี แต่ฟังจากเสียงที่ได้ยินก็ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกอยู่กันหลายคนเลยทีเดียว ลุงของฉันและยังมีเพื่อนบ้านละแวกนั้นที่ได้ยินเสียงไซเรนจากรถฉุกเฉินเลยออกมาดูและพวกเขาก็ยังอยู่เป็นเพื่อนน้องชายฉัน
หลังจากที่วางสายจากน้องไปแล้ว ดูเหมือนความเข้มแข็งในตอนที่คุยกับน้องมันหายไป ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่ฉันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม เรื่องราวความทรงจำของฉันเกี่ยวกับยายไหลวนมาเป็นฉากๆ
สำหรับฉันยายท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่แม่ของแม่แต่ท่านคือแม่อีกคนของฉัน ท่านดูแลเลี้ยงดูฉันเหมือนลูกแท้ๆ ทำหน้าที่เหมือนแม่ทั้งในตอนที่แม่อยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้าน ความรักความผูกพันช่างมากมายเหลือเกินในความรู้สึก
และความทรงจำในตอนเด็กที่ท่านพาฉันเข้าวัดทำบุญ ตักบาตรหน้าบ้านทุกเช้า และทำวัตรสวดมนต์ก็ฉายชัดขึ้นมา บทสวดปลงสังขารต่างๆที่ฉันยังจำได้ ฉันพยายามคิดว่า ชีวิตเราไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนเมื่อถึงคราหมดอายุไขก็ต้องจากโลกใบนี้ไป แต่ก็นั่นล่ะฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ยังมีความยึดติดกับคนที่รักของที่รักฉันจึงไม่อยากสูญเสียไป
กว่าที่ฉันจะพาร่างกายที่สติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเข้าห้อง เหลือบมองดูราดหน้าขึ้นอืดแล้วจัดการเก็บเทใส่ในถุงขยะ ไปล้างถ้วยล้างชาม
ไปอาบน้ำเผื่อจะช่วยให้ใจหายร้อนรุ่มได้บ้าง
ช่วยให้ลืมหรือเลิกคิดถึงเรื่องยายหน่อย สักพักก็ยังดี
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก เพราะฉันยังมานอนน้ำตาไหลไร้เสียงสะอื้นอยู่บนเตียงอยู่ดี ฉันไม่ได้บอกเพื่อนหรือรูมเมทเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันแย่มากเลยนะ
จิตใจกระวนกระวายคิดไปต่างๆ นานา
กลัว กลัวเหลือเกินที่จะต้องสูญเสียบุคคล
ที่รักไป ฉันรู้ดีว่าฉันยังไม่พร้อม
อยากจะกลับไปหายายเสียเดี๋ยวนี้เลย
แต่พรุ่งนี้ฉันมีเรียน มีพรีเซนต์งาน
มีภาระหน้าที่ในตรงนี้อยู่ พรุ่งนี้ถ้าอาการ
ของยายไม่ดีขึ้นฉันทิ้งทุกอย่างไปแน่
ขอให้พรที่ฉันขอเป็นจริงด้วยเถิด
ฉันได้แต่นอนภาวนาอยู่ในใจและหลับไปด้วยความอ่อนเพลียโดยที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา น้ำตาของฉันที่ไหลออกมาวันนี้อาจจะมากกว่า2ปีที่ผ่านมาเลยก็ได้
หึ ช่างเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำเสียจริง
ร้องไห้ข้ามคืนต้อนรับวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
เช้าวันใหม่
Cr.Manoot_Si
ดูเหมือนคำขอของฉันจะได้ผลถึงแม้อาการของยายจะไม่ดีขึ้นมากแต่ก็ไม่ได้แย่ท่านก็รู้สึกตัวแล้ว
ฉันจึงตัดสินใจหอบร่างกายกับใจช้ำๆไปเรียน
เอาจริงๆในวันเกิดทุกปีของฉัน ฉันรู้สึกอยากกลับบ้านตลอดแหละ แต่มันทำไม่ได้ไง เฮ้อออออ
รู้ไหม วันนั้นทั้งวันฉันแทบไม่ยิ้มไม่หัวเราะเลยถ้ายิ้มคงจะเป็นยิ้มที่ฝืนสุดๆแล้วล่ะมั้ง เพื่อนฝูง คนที่ฉันรู้จักก็เข้ามาอวยพรวันเกิดให้ฉันทั้งใน facebook และอวยพรต่อหน้า ฉันก็ได้แต่ขอบคุณและฝืนยิ้มรับ รูมเมทฉันทักมาถามว่าฉันจะกลับห้องไหม คงเพราะพวกเธอเห็นโพสต์ที่ลูกพี่ลูกน้องของฉันแท็กหาแน่ๆเพราะฉันไม่ได้บอกอะไรกับพวกเธอเลย ในคืนวันเกิดที่ฉันอยากจะหายคัวกลับบ้านพวกเธอถือเค้กมาเซอร์ไพรส์วันเกิดและอวยพรให้ฉันและขอให้ยายฉันหายป่วยไวๆ
3 วันต่อมาอาการของยายก็ดีขึ้นมากแต่ยังไม่ดีพอที่จะกลับบ้านได้เลยย้ายมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอแทน
สิ่งที่ฉันทำได้ตอนที่ยายรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลก็โทรถามอาการกับแม่หรือญาติๆที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเฝ้า มีวีดีโอคอลหาเท่าที่ทุกอย่างจะอำนวย หลังจากรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลประจำอำเภอได้ 2 วัน ยายก็กลับบ้านได้
แต่ ตราบใดที่เวลายังคงทำหน้าที่ของมัน
ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถแปรผันไปได้เสมอ
to be continued...........
ปล.
🌟" ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่เล็กที่สุด
แต่สำคัญที่สุด คนในครอบครัวคือคนที่อยู่ใกล้
เรามากที่สุดและเป็นคนที่เราต้องรัก ดูแล ใส่ใจ
ให้มากที่สุด ในขณะที่ยังมีโอกาสได้ทำ"🌟
คิดถึงBDมาก
ช่วงนี้เบลอๆ สมองทำงานหนักไปหน่อย
แต่อีกเดี๋ยวก็งานน้อยลงคงดีขึ้นล่ะมั้งคะ 😁
~มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก~
2 บันทึก
64
65
6
2
64
65
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย