28 ต.ค. 2019 เวลา 07:00 • ธุรกิจ
มาสด้า “e-TPV” ... อีวี ที่ให้มากกว่าความประหยัด
มาสด้า ประกาศชัดเจนในงาน “Global Tech Forum 2019” ที่กรุงออสโล นอร์เวย์ ว่ามาสด้าพร้อมเข้าสู่พลังงานไฟฟ้าเต็มตัว โดยมีแผนที่จะผลิตทั้งรถพลังงานไฟฟ้า 100% หรือ อีวี, Range Extender, ไฮบริด และปลั๊ก-อิน ไฮบริด แต่จะเริ่มต้นกับ อีวี ก่อน
สำหรับเหตุผลหนึ่งที่มาสด้าเลือกจัดงานนี้ ที่นอร์เวย์ เพราะว่าประเทศนี้เป็นเหมือนเมืองหลวงของอีวี ปัจจุบันยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในนอร์เวย์นั้นมากกว่า 50% เป็นอีวี เหตุผลก็มาจากการที่ภาครัฐส่งเสริมอย่างจริงจัง ทั้งการลดภาษีต่างๆ ทำให้ราคาไม่ได้สูงจนเกินไป รวมถึงยังมีแรงจูงใจในการใช้งาน เช่น สิทธิพิเศษต่างๆ ที่เจ้าของรถจะได้รับมากกว่า รวมถึงความพร้อมในการสนับสนุนการใช้งาน อย่างเช่น จุดชาร์จ ที่เราหาได้ทั่วไป ทั้งตั้งตามอาคารต่างๆ ลานจอดรถ สแตนด์อะโลน รวมถึงในปั๊มน้ำมัน และไม่ใช่มีห้วสองหัวในแต่ละจุดเท่านั้น มีมากพอ ขนาดในปั๊มน้ำมันก็มีนับสิบหัว
และนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากการเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กลับคิดภาษีน้ำมันเบนซินค่อนข้างสูงทีเดียว เพื่อสร้างแรงจูงใจในการใช้งานอีวี
แต่ว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะเอามาเปรียบเทียบกับบ้านเราไม่ได้เพราะเงื่อนไขมันต่างกัน รวมถึงโครงสร้างทางอุตสาหกรรมด้วย เพราะนอร์เวย์ ไม่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ การเป็นผู้ซื้ออย่างเดียวก็ง่ายที่จะกำหนดชนิดของตลาดได้
ดังนั้นเชื่อว่าในอนาคต สัดส่วนอีวีในนอร์เวย์ ก็คงจะเพิ่มมากกว่านี้ขึ้นไปเรื่อยๆ
ส่วนอีวีในประเทศอื่นๆ นั้น ยังไม่ขยายตัวมากนัก แม้แต่ประเทศที่มีผู้ผลิตอีวีมากมาย และราคาไม่สูงนัก รวมถึงรัฐก็ส่งเสริมอย่างจีนปัจจุบันมีสัดส่วนอีวีแค่ 5% เท่านั้น ส่วนประเทศใหญ่ในยุโรปและต้องการผลักดันอีวีอย่าง เยอรมนีหรือฝรั่งเศส ก็มีสัดส่วนแค่ 3-4% เท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นว่ากันว่าประมาณ 2%
อย่างไรก็ตาม แม้อีวีจะเป็นตลาดเล็กๆ แต่เชื่อว่าทุกคนจะต้องพยายามมุ่งไปยังจุดนั้นให้ได้ เพราะรัฐบาลแต่ละประเทศก็กำหนดเงื่อนไข หรือว่าเป้าหมายกันอย่างจริงจัง เช่น ยุโรป ที่กำหนดว่าปีหน้า รถจะต้องปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 95 กรัม/กม. หรือญี่ปุ่นที่มีเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 90% ภายในปี 2593 เป็นต้น
สำหรับ อีวี รุ่นแรกของมาสด้านั้น รายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไร อดใจรอปลายเดือนนี้ ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ ที่มาสด้าจะเผยโฉม อีวี อย่างเป็นทางการ
แต่ว่าในเวที Global Tech Forum 2019 ที่ออสโล มาสด้า นำรถโปรโตไทป์ e-TPV มาให้สื่อและแขกรับเชิญจำนวนหนึ่งได้ทดลองกัน ไม่มากนัก เฉลี่ยวันละประมาณ 6 คน เท่านั้น สำหรับ 2 รอบ เช้า-บ่าย
ในอาเซียนได้โควต้า 2 คน และทั้ง 2 คน ไปจากไทย เพราะมาสด้าบอกว่าบ้านเราเป็นตลาดที่สำคัญ และแน่นอนว่ามีแผนที่จะทำตลาดอีวีในอนาคตเช่นกัน
e-TPV ที่มาทดสอบต้องบอกว่าโครงสร้างหลัก อย่างเช่น แพลทฟอร์ม หรือว่าหัวใจหลักทั้งแบตเตอรี มอเตอร์ ระบบช่วงล่าง คือ อีวี ตัวจริงของมาสด้า แต่รูปโฉมภายนอก คือ ตัวถังนั้นไม่ใช่ เป็นการยืมเอาตัวถังของ ซีเอ็กซ์-30 มาใช้
มาสด้าไม่ได้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด เพราะรองาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ แต่ก็เปิดเผยข้อมูลที่เป็นหัวใจหลักก็คือ แบตเตอรี ลิเธียม ไอออน ความจุ 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 141 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร
มาสด้าเลือกพื้นที่ย่านชานเมือง ออสโล เป็นสถานที่ทดสอบ ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งภูเขา ทะเลสาบ กับอากาศที่เย็นสบาย และต้นไม้ที่ร่มรื่น แม้แต่ช่วงที่ออกสู่ไฮเวย์ ก็ยังเต็มไปด้วยต้นไม้เช่นกัน
ระยะทางการขับขี่ไม่มากนัก เอาแค่พอรู้ พอหอมปากหอมคอประมาณ 40 กม. เพราะนี่ยังเป็นแค่รถโปรโตไทป์เท่านั้น แต่ก็เลือกเส้นทางได้หลากหลาย ทั้งไฮเวย์ และเส้นทางลัดเลาะไปตามป่าเขา ซึ่งมีทั้งทางโค้ง ทางขึ้น-ลง เนิน ซึ่งเป็นเส้นทางเล็กๆ 2 เลนสวนทาง และบางช่วงก็เล็กกว่านั้นจนไม่มีเส้นแบ่งช่องจราจร จะสวนกันก็ต้องคำนวณจุดกึ่งกลางถนนเอาเอง
แต่ข้อจำกัดของนอร์เวย์ ซึ่งทั้งประเทศมีคนแค่ 5.4 ล้านคน และใช้รถกันมีระเบียบเรียบร้อย ใช้จักรยานก็มาก ใช้บริการรถสาธารณะก็เยอะ ดังนั้นการจราจรทั่วไปไม่หนาแน่น โดยเฉพาะเส้นทางนอกเมืองอย่างนี้ยิ่งโล่งเข้าไปใหญ่ ดังนั้นกฎหมายของที่นี่จึงกำหนดความเร็วไม่สูงนัก อย่างเช่นไฮเวย์ช่วงที่ทดสอบก็อยู่ที่ 90 กม./ชม. ส่วนในทางรองทางเล็กก็มีตั้งแต่ 20, 30 ไปจนถึง 70
ไฮเวย์อาจจะดูขัดใจ แต่ว่าทางรองยังพอไหว ความเร็วระดับ 70 กับเส้นทางบางช่วง เช่น ทางคดโค้ง ก็ถือว่าช่วยตอบคำถามให้รถยนต์ได้ และช่วยให้คนขับสนุกได้เช่นกัน
และอีกอย่างก็คล้ายๆ บ้านเรา เกินนิดเกินหน่อยไม่ให้น่าเกลียด ไฮเวย์สัก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทางรองสัก 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็พอไหว
สิ่งที่เด่นจนน่าทึ่งก็คือการควบคุมรถครับ รถที่่น่าจะมีน้ำหนักมากกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในกลับสามารถควบคุมได้ง่าย เข้า-ออก โค้งได้คม ช่วงล่างยึดเกาะถนนดี พวงมาลัยแม่นยำ ไม่มีอาการอันเดอร์สเตียร์หรือโอเวอร์สเตียร์ รวมถึงการโยนตัวของรถก็แทบจะไม่มี ทำให้การเดินทางลื่นไหลมาก
แม้รายละเอียดทั้งหมด ยังไม่เปิดเผยออกมา แต่ผคิดว่า จุดศูนย์ถ่วงของรถคันนี้ต่ำกว่ารถใช้น้ำมันแน่ ส่วนการกระจายน้ำหนักลงเพลา วิศวกรตอบว่า หน้า/หลัง 55/45 ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้มีผลมากที่ทำให้รถเกาะถนนได้ดี และมีความคล่องตัวสูง
มาสด้า 3 ที่คุ้นเคย ว่าเกาะถนนดีแล้ว e-TPV ทำได้ดีกว่าแน่นอน
มาสด้ายังปรับตั้งระบบต่างๆมาได้ดี ถ้าหากให้ใครที่ไม่รู้มาก่อนว่าเป็น อีวี จับขึ้นขับเลยว่าบางทีก็ยังจะไม่รู้ว่ามันคือ อีวี เพราะอารมณ์ไม่แตกต่างจากรถปกติทั่วไป มีอะไรบ้าง
เริ่มจากเสียงที่ให้ห้องโดยสารมีเสียงสังเคราะห์เครื่องยนต์แทรกเข้ามาแผ่วๆ ผันแปรตามการกดคันเร่ง
การถอนคันเร่ง รถไม่ออกอาการลดความเร็วแบบกระตุก ชนิดหน้ายุบ หรือหัวคนขับพุ่งไปข้างหน้า แต่รถไหลไปเหมือนกับรถที่ใช้เครื่องยนต์
เมื่อลงเนินโดยปล่อยคันเร่ง รถมีการหน่วงความเร็วเหมือนกับใช้เอนจิ้นเบรกในระดับที่พอดี ไม่กระตุกหรือทำให้คนในรถมีอาการหัวทิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีทั้งด้านความปลอดภัย และการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบต
ส่วนจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้า ก็แน่นอน มันออกตัวได้รวดเร็ว อัตราเร่งดี กดคันเร่งชั่วครู่เข็มไมล์ก็แตะที่ 100 แล้ว แต่หลังจากนั้นไม่สามารถไปต่อไป เพราะแค่นี้ก็เกินที่กฎหมายกำหนดแล้ว
สรุปสั้นๆ สำหรับเจ้า e-TPV ทำออกมาได้ดี ให้อารมณ์การขับขี่ที่สปอร์ต ช่วงล่างที่ดี การควบคุมทำได้ดี และการตอบสนองที่ดี และมันยังให้อารมณ์กลมกลืนกับรถในปัจจุบัน เรียกว่าไม่เสียอรรถรสในการขับรถที่ใช้เครื่องยนต์กันเลยที่เดียว และหวังว่า"ในประเทศไทยเราจะมีโอกาศได้ขับรถยนต์ไฟฟ้าดีๆๆ"อย่างเมื่องนอกเค้านะคับ
เครดิต: กรุงเทพธุรกิจ
โฆษณา