28 ต.ค. 2019 เวลา 12:35 • ไลฟ์สไตล์
เราดูแลคนอื่นมากกว่าคนใกล้ตัวเสียอีก
https://www.vgh.go.th/album/9817/icu-1300
กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากที่หายไปนาน โพสท์นี้กิ๊ฟจะมาเล่าประสบการณ์ แต่เป็นของพี่ที่ทำงานด้วย กิ๊ฟคิดว่ามันมีประโยชน์และอยากแชณให้ทุกคนได้อ่านกัน
.. หน้าที่ของกิ๊ฟและพยาบาลทุกคนคือการดูแลผู้ป่วย ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาหาย กลับบ้านไปใช้ชีวิตปกติได้ หรือถ้าไม่หายจากโรคก็สามารถประคับประคองดูแลตัวเองได้
แน่นอนเรื่องของความเป็นความตาย มันไม่สามารถกำหนดตายตัว ว่าเราจะทำงานกี่โมง เลิกกี่โมง ที่บอกว่า 1 เวร 8 ชม. เอาจริงๆ ถ้างานยังไม่เสรจ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ เราก็ไม่สามารถลงเวรได้ ถึงจะมีพยาบาลเวรต่อไปมารับช่วงต่อแล้วก็ตาม เราก็ต้องอยู่ช่วยกัน จนกว่าสถ่านการณ์จะพ้นช่วงวิกฤต
เราไม่มีวันหยุดตายตัว ตารางเวรสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ หากในอนาคตมีพยาบาลคนไหนไม่สามารถขึ้นเสรได้ เช่นป่วยกะทันหัน หรือมีะูระเร่งด่วน หลายครั้งที่กิ๊ฟ ต้องเลื่อนวันหยุดออกไป ลดจำนวนวันหยุดลง เพราะต้องกลับมาขึ้นเวรแทน
แน่นอน อัตรากำลังพยาบาลมีผลต่อประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วย มันไม่เหมือนงานบริษัทที่จะลาเมื่อไรก้ได้ เคลียร์งานให้ทันพอ
เราดูแลคนอื่น ครอบครัวพ่อแม่คนอื่น ถึงจะด้วยความเต็มใจ หรือเพราะหน้าที่ก็ตาม แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ชีวิตเขาอยู่ในมือเรา ก็ต้องทำให้เต็มที่
.. 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ กิ๊ฟขึ้นเวรหนักมาก หนักว่าเดิม (ที่ว่าหนักอยู่แล้ว) ซึ่งมันเป็นเวรที่กิ๊ฟต้องขึ้นแทนพี่พยาบาลคนหนึ่ง ที่เขามีธุระเร่งด่วน นั่นคือ การไปเฝ้าพ่อที่นอนป่วยอยู่ในห้อง ICU
แต่ถึงจะเหนื่อยแค้่ไหน มันเป็นความเต็มใจที่เราอยากช่วย เพราะเราเข้าใจ ในฐานะพยาบาลที่ดูแลคนอื่นมาตลอด เมื่อถึงเวลาที่คนในครอบครัวเจ็บป่วยอาการหนักอยู่ ICU เราไม่สามารถทำใจมาดูแลครอบครัวคนอื่นได้หรอก
เกือบครึ่งเดือนที่คนในตึก พี่ๆน้องๆพยาบาลช่วยกันแลกเวร เพื่อให้พี่เขาได้ไปดูแลพ่อ ต่างคนต่างช่วยกันขึ้นเวรแทนพี่เขา บอกว่าไม่ต้่องห่วงทางนี้ ไปดูแลพ่อให้เต็มที่
กิ๊ฟไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยม เพราะบอกเลยแค่เวรตัวเองก็เยิน และต้องขึ้นเวรแทนพี่เขาอีก ก็ได้แต่ส่งกำลังใจ และช่วยในสิ่งที่ตัวเองพอทำได้ คือการขึ้นเวรให้
เราติดตามถามอาการเจ็บป่วยพ่อของพี่พยาบาลตลอด มีอาการมาอัพเดทเรื่อยๆ ในฐานะที่เป็นพยาบาลทำงานด้านนี้ มันไม่อยากเลยที่เราจะทำนายการดำเนินของโรค ในใจลึกๆเรากลัวว่าพ่อของพี่เขาจะไม่กลับมา และเราเชื่อว่าพี่เขาก็พอรับรู้สิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้เช่นกัน
เราโทรศัพท์ไป น้ำเสียงพี่เขาดีขึ้นสดใสขึ้น หรือบางวันก็แย่ลง เสียงสั่นๆ เหมือนร้องไห้ เราต่างไม่เคยพูดความในใจออกมาว่าให้ทำใจ เราต่างก็อยากให้มีปฏิหาริย์ ( ใช่ อาการพ่อพี่เขามันหนักจนเราต้องใช้คำว่าปฏิหาริย์เลยล่ะ )
แต่แล้วปฎิหาริย์ก็ไม่เคยมีอยู่จริง ..
เย็นวันนั้น ที่คนในตึกรู้ข่าวร้าย เราทุกคนต่างเสียใจ นิ่งไปสักพัก ขนาดเรายังรู้สึกขนาดนี้ ถ้าเป็นพี่เขา คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูก มันไม่มีคำพูดไหนมาอธิบายได้เลย
เราทุกคนรู้ว่าวันนั้นต้องมาถึง เราทำงานดูแลคนอื่น แต่เราก็พยายามแบ่งเวลามาดูแลคนในครอบครัวให้มากที่สุด ใครที่บอกว่ามีลูกเป็นหมอ เป็นพยาบาลและจะมีคนมาดูแล คนที่ทำงานในสายนี้จริงๆ จะเข้าใจว่ามันไม่ใช่ เมื่อคนในครอบครัวเจ็บป่วย มันกลายเป็นว่าเราต้องฝากให้คนอื่นดูแล เราต้องฝากให้หมอ พยาบาลที่รู้จักดูแลให้
กิ๊ฟไม่รู้ว่าพี่เขาจะรู้สึกอย่างไร แน่นอนว่ามันต้องเสียใจ แต่ที่แย่กว่าเสียใจคือ เสียดายที่เราใช้เวลาดูแลคนที่รักเรา และเรารักได้ไม่เต็มที่
วันที่เราได้มีโอกาสดูแลเขาก็คือวันที่เขาจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว
มันไม่มีคำไหนจะอธิบายได้ และถึงเหตุการณ์จะไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวกิ๊ฟเอง แต่เราก็รู้สึกได้ เป็นเพื่อนร่วมงานที่รับรู้สถานการณ์ กิ๊ฟก็ยังรู้สึกใจสั่นๆแทน
เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับเรา จะทำยังไง กิ๊ฟก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน ไม่อยากแม้แต่จะคิด
กิ๊ฟคิดว่ามันเป็นบทเรียน เราสามารถเรียนรู้จากคนอื่นได้
เราไม่จำเป็นต้องรอให้ตัวเองพลาด แล้วถึงจะได้เรียนรู้
มันยากที่เราจะสมดุลหน้าที่การงานกับชีวิตส่วนตัวได้ หน้าที่เราต้องดูแลคนอื่นแต่ก็ต้องไม่ลืมคนในครอบครัว
แน่นอนว่าเราต้องเสียใจ แต่เราจะไม่เสียดายที่เราดูแลได้ไม่ดีพอ
ไม่ว่าเราจะเป็นหมอ พยาบาล เราจะทำอาชีพอะไรก็ตาม แต่เราจะเอาเรื่องงานมาเป็นข้ออ้างในการดูแลคนที่เรารักได้ไม่ดีพอไม่ได้
มันอาจจะเป็นความท้าทายของเราอย่างหนึ่งที่เราจต้องบาลานซ์มันให้ได้
ดูคนอื่นให้ดีที่สุด เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นหน้าที่ คนไข้ของเราก็คือครอบครัวของเขา ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย เราอยากให้เขากลับบ้าน ไปใช้ชีวิต ไปเจอหน้าลูก พ่อแม่
แต่คนในครอบครัวของเรา ก็ไม่มีใครดูแลเขาได้ดีไปกว่าเรา
ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาป่วยอาการหนัก ถึงจะไม่มีข้ออ้างไปดูแลเขา
http://theconversation.com/who-needs-to-be-in-an-icu-its-hard-for-doctors-to-tell-56728
เราแพลนไว้ว่าจะเคลียร์เวรให้พี่เขาจนถึงสิ้นเดือน จัดการเรื่องงานุพิธี
ทุกอย่างให้เรียบร้อย
สุดท้ายต้องขอบคุณสำหรับบทเรียนที่มีค่า
กิ๊ฟก็หวังว่าเรื่องที่กิ๊ฟนำมาเล่าในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน
จริงๆ มากกว่าหวังยอดไลค์ ยอดแชร์ คืออยากให้ทุกคนได้อ่าน และกลับไปทบทวนตัวเองให้ดีๆ
เราดูแลคนที่เรารักดีพอหรือยัง มันมีบทเรียนมามากพอแล้ว ว่าไม่ว่าคุณจะมีเงินมากแค่ไหน มันยื้อคนที่คุณรักไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งมันมาถึงจริงๆ
ใช้เวลากับเขาให้มากที่สุด คิดว่าพรุ่งนี้เราอาจตื่นมาแล้วไม่เจอเขา
ดูแลเขาให้ดีทีสุด มันไม่้มีข้ออ้างให้กับคนที่สำคัญกับเราจริงๆ
ถ้าใครดูแลดีแล้ว กิ๊ฟก็อยากให้ทำให้ดีต่อไป แต่ถ้าใครที่ทบทวนแล้วคิดว่าตัวเองยังพลาดอะไรไป ก็กลับมาเริ่มใหม่
และสำหรับใครที่คิดว่าเขาไม่สำคัญ ถามตัวเองซ้ำๆ
กิ๊ฟยืนยันตรงนี้เลยว่า หลายครั้งที่กว่าเราจะรู้ว่าเขาสำคัญก็ในวันที่เราเสียเขาไปแล้ว ..
1
โฆษณา