29 ต.ค. 2019 เวลา 12:26 • กีฬา
การปฏิวัติ Leicester City โดย Brendan Rodgers
ก็เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว หลังจากที่เกิดสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดสิ่งหนึ่งในวงการฟุตบอลอังกฤษเลยก็ว่าได้ ก่อนหน้านั้นทุกท่านคงจะจำได้เป็นอย่างดีในฐานะทีมที่มีเจ้าของเป็นคนไทย แต่หลังจากนั้นทีมทีมนี้กลับพุ่งทะยานคว้าแชมป์ได้อย่างปาฏิหาริย์ ทั้งๆที่ season ก่อนหน้านี้พวกเขาทำได้เพียงแต่สู้เพื่อเอาขีวิตรอดใน league สูงสุดเท่านั้น
Leicester City นั้นเปรียบเสมือนกับดาวหางที่พุ่งแรงสุดๆแต่ก็ไม่สามารถที่จะโคจรได้ เมื่อหลังจากพวกเขาคว้าแชมป์ได้ พวกเขาก็ไม่เข้าใกล้คำว่าประสบความสำเร็จอีกแล้ว ก็จริงอยู่ว่าทีมขายกำลังหลักอย่าง Riyad Mahrez playmaker ตัวชูโรงชุดแชมป์ออกไปให้ Manchester City ใน season ก่อนหน้านี้ แต่ว่าขุมกำลังของทีมก็ไม่ได้จัดว่าอยู่ในระดับแย่ พวกเขายังมี Jamie Vardy อยู่ มีดาวรุ่งที่พัฒนาขึ้นมายึดตัวจริงได้อย่าง Ben Chilwell และมีตัวเก๋าเลือกที่จะอยู่กับทีมต่ออย่าง Marc Albrighton และ Kasper Schmeichel
หลังจากการจากไปของ Claudio Ranieri ผู้พาทีมคว้าแชมป์ในช่วงหลังของฤดูกาล 2016-17 ทีมก็ได้ผู้จัดการทีมอย่าง Claude Puel มากุมบังเหียนทีมต่อในฤดูกาล 2017-18 บ้างก็ว่าเขาคนนี้แหละที่เป็นคนที่จะพา Leicester กลับมาบินสูงอีกครั้ง แต่คนๆนั้นกลับกลายเป็น Brendan Rodgers ที่เขามาคุมต่อจากการโดนปลดของ Puel ในช่วงท้ายของฤดูกาลที่แล้ว
profile การคุมทีมของเขานั้นจัดว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง โดยเขาเริ่มจากการคุมทีมเด็กของ Chelsea และออกไปหาความท้าทายกับ Watford, Reading และ Swansea City ตามลำดับ พุ่งสุดขีดกับการกระโดดไปคุมทีมใหญ่อย่าง Liverpool แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเสกแชมป์ Premier League ที่แฟนหงส์แดงรอคอยมานานใ้ห้กับทีมได้ แต่ก็สามารถที่จะเข้าใกล้ได้ที่สุดแล้วเมื่อพวกเขาสามารถจบฤดูกาลได้ด้วยอันดับที่ 2 ก่อนที่จะระหกระเหินไปถึง Celtic FC
ซึ่งสไตล์การคุมทีมของเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นฟุตบอลสมัยใหม่ ที่เน้นการครองบอลรวมไปถึงการ pressing แย่งบอลกลับมาเมื่อทีมเสียบอล แม้ว่าเขาจะถูกยอมรับว่าเป็นจ้าวแห่ง tactic คนนึง แต่เขาก็ไม่ได้มีถ้วยรางวัลอะไรมาการันตีความสำเร็จของเขาเลย จะมีก็เพียงแต่การพา Swansea เลื่อนชั้นมาสู่ league สูงสุดและพา Celtic ได้แชมป์ league ที่พวกเขาผูกขาดมาหลายปี ส่วนความสำเร็จของเขากับหงส์แดงนั้นค่อนข้างเรียกได้ล้มเหลวพอสมควร
แต่ตอนนี้ Rodgers กำลังพีคสุดขีดกับทีมจิ้งจอกสยาม เมื่อเขาต้องมารับไม้ต่อจาก Claude Puel ที่โดนปลดออกไป เขาได้ทำการปฏิวัติ ยกเครื่องสไตล์การเล่นทั้งเกมรุมและเกมรับของทีมใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ทีมกลับมาลุ้นแชมป์ได้อีกครั้ง รวมไปถึงคีนชีพให้ดาวยิงอย่าง Jamie Vardy ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ รวมไปถึงช่วงที่ Ranieri ยังคุมทีมอยู่ Leicester นั้นเล่นด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นรับเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่นในปีที่คว้าแชมป์ได้นั้น ด้วยความที่เป็นทีมเล็กๆนอกสายตานั้นทำให้พวกเขาไม่ได้ถูกคาดหวังที่จะให้เล่นด้วยเกมรุกเป็นหลักมากนั้น พวกเขาก็มักที่จะเล่นเกมรับด้วยการลงไปรับหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง และด้วยระบบ 4-4-2 ที่เป็น Ranieri ติดตั้งให้นั้น ทำให้พวกเขาสามารถสร้างไลน์เกมรับได้ถึง 2 ไลน์ด้วยกัน เป็นการเพิ่มความรัดกุมและปิดพื้นที่ฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดี
การเล่นเกมรับแบบนี้แล้วบวกด้วยความสามารถของ N’Golo Kante และ Danny Drinkwater ที่สามารถคุมเกมกลางสนามได้อยู่หมัด ทำให้ใน season นั้น พวกเขาเป็นทีมที่แพ้ยากที่สุดทีมหนึ่งใน league อีกทั้งพวกเขายังโชคดีเหมือนถูกหวยที่ Jamie Vardy นั้นฟอร์มเข้าฝักสุดๆ ในการประสานงานกับ Okazaki หรือ Ulloa ทำให้เขายิงติดๆกันถึงสิบกว่านัด และถ้าบอกว่า Vardy คือหวยรางวัลที่ 2 Riyad Mahrez ก็คือหวยรางวัลที่ 1 เมื่อเขามีค่าตัวไม่ถึง 1 ล้านปอนด์ด้วยซ้ำ แต่กลับทั้งยิงทั้งจ่ายจนไปถึงรางวัล PFA players’ player of the year และ team of the season ได้อย่างไร้ข้อกังขา หลังจากนั้น แข้งหลักบางคนก็ต่างโบกลามือลาทีมกันไปแต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ยังอยู่กับทีมต่อจนถึงตอนนี้
การเข้ามาของ Brendan Rodgers นั้นกลับกลายเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ในด้านการเล่นของทีมเลยก็ว่าได้ เมื่อเขาต้องการที่จะให้ทีมของเขาเริ่มเล่นเกมรุกมากขึ้น ครองบอลมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าแทบจะตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาเคยทำในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง และเมื่อพวกเขาเสียบอล จากที่ต้องรีบถอยลงไปตั้งแนวรับกันในแดนตัวเองถึงหน้ากรอบเขตโทษ แต่พวกเขากลับต้องมายืนแนวรับ medium-block หรือกระทั้ง high-block แทน รวมถึงการสร้างกับดัก pressing ให้อีกฝ่ายไม่สามารถขึ้นบอลได้อีกด้วย
เมื่อพูดถึงระบบเกมรับที่ Rodgers ติดตั้งให้นั้นสามารถมองได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ อย่างแรกคือการไล่ pressing เมื่อมีอีกฝั่งมีการ heavy touch (การจับบอลที่ไม่สมบูรณ์) ซึ่งพวกเขาจะเริ่มไล่บอลตั้งแต่กลางสนามจนไปถึงแดนบนของสนามไม่ให้อีกฝั่งออกบอลสั้นได้จึงต้องจบด้วยการออกบอลยาวที่ไม่มีความแม่นยำออกมาให้แนวรับที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีอย่าง Harry Maguire หรือ Jonny Evans คอยเก็บตก
ส่วนอีกรูปแบบนั้นคือการสร้างกับดัก pressing เมื่อพวกเขายืนแนวรับแบบ medium-block และเปิดพื้นที่ให้ fullback ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่ในการขึ้นเกมข้างสนาม และเมื่อบอลเคลื่อนที่มาถึงโซนที่ต้องการ พวกเขาก็จะบีบ pressing เพื่อแย่งบอลกลับคืนมาทันที ซึ่งในจุดนี้ทำให้พวกเขาเล่นได้ดีเสมอเมื่อเจอกับทีมใหญ่ที่ใช้การขึ้นเกมจากข้างสนามอย่าง Liverpool แต่เมื่อกับดัก pressing และการดันสูงไม่ได้ผล พวกเขาก็จะถอยลงไปรับต่ำโดยทิ้ง Jamie Vardy ไว้ข้างบนเพื่อการเล่น counter attack
การเล่น pressing ให้มีประสิทธิภาพนั้นต้องอาศัย teamwork ที่มากในระดับหนึ่งอีกด้วย แต่ในจุดนี้แล้ว Rodgers กับนักเตะ Leicester นั้นทำได้ดีทีเดียวในระยะเวลาอันน้อยนิดแม้ว่าจะเหลือนักเตะชุดแชมป์ที่สามารถยึดพื้นที่ตัวจริงได้เพียง 2 คนเท่านั้นอย่าง Vardy และ Schmeichel ส่วน Albrighton นั้นใช้เวลากับม้านั่งสำรองไปซะส่วนใหญ่
ในส่วนของเกมรุกนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละทีมเลยด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาต้องลดการเล่นบอล direct และมาเล่นการต่อบอลเท้าสู่เท้าที่มีประสิทธิภาพและเสียบอลได้ยากกว่าการโยนยาวมากขึ้น พวกเขาอาจจะทำได้ไม่ดีนักถ้าขาดนักเตะอย่าง James Maddison และ Youri Tielemans ที่เข้ามาเพิ่มมิติแดนกลางให้ Leicester ในชุดนี้ได้อย่าง perfect โดยเฉพาะรายแรก เมื่อเขาเนื้อหอมพอสมควรในตลาดนักเตะที่ผ่านมา
โดย Rodgers นั้นให้ความสำคัญในแดนกลางมากกว่าแดนหน้า เขาจึงปรับระบบการเล่นที่คุ้นเคยอย่าง 4-4-2 มาเป็น 4-1-4-1 หรือว่าจะเป็น 4-3-3 ที่มีผู้เล่นในแดนกลางมากกว่าเพื่อเพิ่ม option การจ่ายบอลทำเกมในแดนกลางสนามอีกด้วย เขามีตัวรับที่เล่นกับบอลได้ค่อนข้างดีอย่าง Wilfred Ndidi ที่ถูกซื้อเขามาแทนการจากไปของ Kante ซึ่งในปีนี้ Ndidi นั้นโชว์ฟอร์มในตำแหน่งตัวตัดเกมได้อยูในระดับ top ของ league คนนึงก็ว่าได้
ผู้ปิดทองหลังพระของฤดูกาลนี้
การที่เล่นด้วยระบบครองบอล เขาจึงต้องการ centerback ที่เล่นบอลเท้าสู่เท้าได้ดีเพื่อที่สามารถช่วยกองกลางแก้ pressing ได้ เมื่อถูกฝั่งตรงข้ามดันสูงขึ้นมาไล่บีบ เขามีนักเตะอย่าง Maguire ที่มีสติถิเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ได้ดีแม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นนักเตะตำแหน่ง centerback และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักเตะที่ไม่ค่อยมีความเร็ว แต่เขาก็ได้ Evans ที่มีลูกเก๋าคอยซ้อนและ support เขามาตลอด แต่เมื่อการจากไปของ Maguire เขาก็ได้เลือกใช้งาน Soyuncu ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปีที่แล้วในตำแหน่งของ Maguire แทน ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่นี้ได้อย่างไร้รอยต่อ
ส่วนการขึ้นเกมนั้นอาจจะเรียกได้ว่า ได้แรงบันดาลใจมาจาก Pep Guardiola มาส่วนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เมื่อ Rodgers นั้นได้ใช้ fullback เพียงข้างเดียวในจังหวะขึ้นเกม ส่วน fullback อีกข้างนั้นจะหุบเข้ากลางมายืนเป็น centerback เพิ่มอีกคนเป็น shape กองหลัง 3 คนแบบที่ Kyle Walker ทำที่ Manchester City ซึ่งจะต่างกันตรงที่ Leicester นั้นสามารถทำได้ทั้งฝั่งของ Ben Chilwell และ Ricardo Pereira แต่ Man City นั้นทำได้แค่ฝั่ง Walker ฝั่งเดียวเท่านั้น แล้วพอบอลเข้าสู้พื้นที่สุดท้ายจึงให้อิสระในการเติมเกมรุกของ fullback ทั้งสองฝั่ง
แม้ว่าประสิทธิภาพนั้นจะสู้ทางฝั่งของ Man City ไม่ได้ ไม่กระนั้น Pep Guardiola คงไม่ซื้อ fullback ราคาแพงถึง 50 ล้านปอนด์หรอก แต่นั่นก็เป็นสิ่งทีทำให้ fullback ทั้ง 2 คนของ Leicester นั้นฟอร์มดีมากๆในเกมรับและเกมรุกอีกด้วย โดยเฉพาะ Ricardo Pereira ที่มีส่วนร่วมกับการทำประตูเยอะและไ้ด้รับ rating เฉลี่ยในฤดูกาลนี้สูงสุดในทีมจาก Whoscored อีกตั้งหาก
ขยับมาที่แดนกลาง Rodgers นั้นมักจะใช้ midfield ถึง 3 คนเมื่อเจอกับทีมในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่า เพื่อประสิทธิภาพในการครองเกมและครองบอล เขาได้ใช้งานนักเตะอย่าง Tielemans ในจำนวนเกมที่มากในระดับหนึ่ง เมื่อเขามองเห็นศักยภาพการจ่ายบอลในตัวของเขา เพื่อนำมาเสริมประสิทธิภาพเกมรุกเมื่อนำมาเล่นคู่กับดาวรุ่งที่ซื้อเข้ามาอย่าง James Maddison ที่ค่อนข้างครบเครื่องทั้งเลี้ยงทั้งจ่ายในตำแหน่ง playmaker และยังมีทีเด็ดทีขาดในลูกยิงนอกกรอบที่หวังผลได้ของเขาอีกด้วย ซึ่ง Maddison เอานั้นชอบที่จะยืนระหว่างไลน์กองกลางและกองหลังของฝั่งตรงข้ามเพื่อหาพื้นที่เล่นบอลในจังหวะอันตรายได้ดีพอๆกับการลงมาล้วงบอลไปเล่น อีกทั้งยังมีกองหนุนที่พึ่งพาได้อย่าง Denis Praet และ Hamza Choudhury ที่เป็นนักเตะสไตล์ box-to-box อีกด้วย
และเมื่อต้องเจอกับทีมที่มีมาตรฐานเหนือกว่า เขามักจะดัน Maddison ขึ้นสูงในตำแหน่งปีกซ้ายแล้วอัดกลางสไตล์ box-to-box อย่าง 2 คนดังกล่าวเข้ามาเพิ่มสมดุลในแดนกลางให้กับทีม เพื่อที่จะสามารถ overload พื้นที่ตรงกลางสนามได้เมื่อ Maddison หุบเข้ามาตรงกลางสนามมากขึ้น และพื้นที่ริมเส้นก็ปล่อยให้ เป็นหน้าที่ Chilwell ปล่อยของในการเติมเกมรุกที่เจ้าตัวทำได้ดี
การขาด Riyad Mahrez ไปนั้นส่งผลต่อทีมอย่างมากในการทำเกมรุก เนื่องจากเจ้าตัวเป็นกำลังหลักของเกมรุกนั้นถูกแก้ปัญหาโดนการเข้ามาของ Ayoze Perez ผู้ที่คุ้นเคยกับบอลอังกฤษอยู่แล้วจากการค้าแข้งกับ Newcastle United เขาสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นปีกหรือกองหน้า เขาทำได้ดีหมด แต่ในทีมของ Rodgers นั้น เขาได้รับตำแหน่งปีกขวา ซึ่งเขามักจะตัดเข้าในเพื่อที่จะประสานงานกับ Vardy ได้ดี และเป็นการเปิดพื้นที่ให้ Ricardo Pereira สามารถเติมขึ้นมาครอสบอลได้อีกด้วย และยังมีตัวริมเส้นอย่าง Albrighton เจ้าเก่า และ Demerai Grey เป็นตัวสอดแทรกที่ดีเพื่อเพิ่มอาวุธในแนวรุกอีกตั้งหาก
ซึ่งเกมรุกของ Rodgers นั้นมีหลายมิติมากซึ่งยากกว่าในการจับทางเมื่อเทียบกับเกมรุกของชุดแชมป์ที่ส่วนใหญ่จะพึ่งการโฉบเข้าหาช่องว่างของ Vardy บวกกับการใช้ทักษะความสามารถเฉพาะตัวของ Mahrez ซะเป็นส่วนใหญ่ เมื่อพวกเขาสามารถที่จะเล่นลูกครอสจากริมเส้นได้ดี อีกทั้งยิงมีลูก killer-pass ของกองกลางอย่าง Maddison และ Tielemans อีกทั้ง Maddison ยังสามารถเลี้ยงหาช่องยิงไกลได้ดีอีกด้วย
ส่วน Jamie Vardy นั้นก็ได้เกิดใหม่อีกครั้งภายใต้การทำทีมของ Rodgers เมื่อเขามีสถิติทำประตูมากที่สุดใน league เมื่อนับตังแต่ Rodgers เข้ามา เขาเปลี่ยนจากกองหน้าที่ยิงประตูได้อย่างเดียว มาเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องกว่าเดิมในการเล่นกับคนอื่นได้เยอะขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความเป็นเพชรฆาตหน้าปากประตูของเขาไป
โดยทั้งหมดนี้ทำให้ Leicester City นั้นยกระดับการเล่นของพวกเขาขึ้นมาให้อยู่ในระดับสูสีกับทีมใหญ่ๆใน Premier League และสามารถต่อกรกับ top 4 ได้อย่างสูสีและมีน้ำมีเนื้อมากกว่าเดิมอีกด้วย เพราะเกมรับและรุกของพวกเขานั้นพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด ในส่วนของเกมรับนั้นทำให้พวกเขาแพ้ได้ยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่เกมรุกนั้นไม่ต้องพูดถึง เมื่อพวกเขาเป็นทีมเยือนที่สร้างสถิติทำ score ได้ขาดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ Premier League เป็นสถิติร่วมกับ Manchester United ในยุค 90’ ในนัดที่พวกเขาบุกไปถล่ม Southampton ได้ถึง 0-9 ในนัดล่าสุดที่ผ่านมา
การจากไปของเขานั้นได้นำมาสู่เม็ดเงินมหาศาลในการจับจ่ายใช้สอยในตลาดนักเตะ
พวกเขาต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการก้าวข้ามผ่านห้วงเวลาอันน่าสลดใจในการจากไปของ คุณ วิชัย ศรัวัฒนประภา เจ้าของทีมชาวไทยซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของนักเตะ Leicester City ทุกคน เขามีคุณสมบัติที่เจ้าของทีมน้อยรายจะมี ในกาที่เขาสนิทสนมกับเหล่านักเตะ ดูแลและคอยสนับสนุนนักเตะเหล่านั้นดั่งลูกหลานตัวเอง เขาใช้ช่วงเวลาที่เลวร้ายร่วมกับทีมของเขาในช่วงที่ไม่สามารถชนะนัด play-off ในการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ league สูงสุดได้ แต่เขาก็ไม่ถอดใจกับทีม เขาร่วมฝ่าฟันทุกข์สุขกับทั้งนักเตะและ staff coach จนถึงวันที่ทีมประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นบุคคลที่เหล่า the fox รักมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะนักเตะอย่าง Jamie Vardy นั้นมักจะมอบเครดิตความสำเร็จของทีมให้เขาเสมอ
บทความนี้ขอเป็นการ tribute ให้คุณ วิชัย ศรีวัฒนประภา ในโอกาสครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ helicopter ตก 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางได้ที่ Facebook : Talk Shit Football
โฆษณา