- และกิจวัตร (routine) เช่น He goes to the movies every weekend.
Past simple ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็น
- ข้อเท็จจริงในอดีต (past fact) เช่น He was my friend, now he's not.
- นิสัยใจคอในอดีต (past habit) เช่น He loved dogs when he was young.
- กิจวัตรในอดีต (past routine) เช่น He used to watch movies every weekend.
- และเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว (completed action) เช่น We had breakfast this morning.
1
4. เรื่องต่อมาคือ "Noun"
- คำนามสามารถเป็นนามนับได้ (countable) เช่น car, people, house etc. เราสามารถใส่จำนวน (a, an, one, two, three) เข้าไปได้ เป็นได้ทั้ง singular (เอกพจน์) และ plural (พหูพจน์) เช่น I've got one dog and two cats.
- หรืออาจเป็นคำนามนับไม่ได้ (uncountable) เช่น homework, money, water etc, เราไม่สามารถใส่จำนวนเข้าไปได้ แต่ใส่ some ได้ เป็นได้แค่ singular (เอกพจน์) เช่น I've got some money. หรือ I have to do some homework.
5. เรื่องต่อมาคือ "There is & There are"
เราใช้ there is กับ there are เพื่อบอกว่าบางอย่าง 'มีอยู่'
- หากเป็น singular ให้ใช้ "there is" เช่น There is some milk in the fridge. หรือ There is one person in the room.
- หากเป็น plural ใช้ "there are" เช่น There are two glasses of milk in the fridge. หรือ There are many students here.
หรือ She sings really well. (She sings. How? Really well.)
- นอกจากนี้เรายังมี "adverb of frequency" ที่ใช้พูดถึง 'ความถี่' ของเหตุการณ์ เช่น always, usually, never etc. ตำแหน่งของมันคือหน้ากริยาแท้
เช่น He often walks home. (How frequent? Often.)
หรือ She always sings. (How frequent? Always)
7. เรื่องต่อมาคือ "Future simple"
- เรามีกริยาช่วยหนึ่งตัวคือ "will" ใช้เพื่อบอกว่า 'จะทำอะไร' เช่น I'll go to the party with you. หรือ He'll come tonight.
1
- แต่ส่วนมากเรามักใช้ "be going to" ซะมากกว่า แปลว่า 'จะทำ' เหมือนกัน ในภาษาพูดมันจะกลายเป็น gonna เช่น I'm going to tell her the truth. หรือ She's not gonna believe it.
- และเรายังสามารถใช้ present continuous tense ในการบอกอนาคตด้วยนะ ถ้าเรามั่นใจว่ามันเกิดขึ้นแน่นอน เช่น I'm having a party tonight. หรือ She's meeting some friends after work.
8. เรื่องต่อมาคือ "Passive voice"
- โดยทั่วไปเราจะแต่งประโยค active voice (ประธานเป็นผู้ take action) เช่น Somebody stole the phone หรือ Somebody robbed the bank.
- แต่ก็มีบ้างที่เราจะใช้ passive voice (ประธานเป็นผู้ receive action) ในกรณีที่เราอยากเน้นสิ่งที่ถูกกระทำ เช่น The phone was stolen. หรือ The bank was robbed yesterday.
- แต่ยังมีตัวที่สำคัญอีก 2 ต่อคือ "can" ใช้พูดถือความสามารถ และ "should" ใช้พูดถึงความเหมาะสม เช่น He can drive a car. หรือ You should come with us.
12. เรื่องต่อมาคือ "Question"
เวลาแต่งคำถามเราจะเอากริยาช่วยมาไว้ข้างหน้า
- กริยาช่วยนี้อาจจะเป็น verb to do (do / does/ did) เช่น Do you know him? หรือ Does he know you?
- กริยาช่วยนี้อาจจะเป็น verb to be ก็ได้ หากเราจะใช้กับคำตามข้อ 2 เช่น Is he at the party? หรือ Are you happy?
- กริยาช่วยนี้อาจจะเป็น modal verb ก็ได้ ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องอนาคต ความสามารถ หรือความเหมาะสม เช่น Will he be there? Can you come? หรือ Should I go?
- กริยาช่วยตัวนี้อาจเป็น have ก็ได้ หากเราใช้ present perfect (ตามข้อ 14) และเรามักมี yet (ใช้ถามว่าทำหรือยัง) หรือ ever (ใช้ถามประสบการณ์) ในประโยคด้วย เช่น Have you found your key yet? หรือ Have you ever been to England?