30 ต.ค. 2019 เวลา 06:56 • กีฬา
ภาพของ Michael Jordan ในหัวของแฟนๆ หลายคนก็คือภาพที่อยู่ในสนามบาส เป็นผู้ทำลายล้างทุกสิ่งอย่างจากฟากฟ้าเบื้องบนด้วยการเหินหาวยัดห่วงอย่างดุดัน ก็ไม่ผิดหรอก
เพราะ MJ แกก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
แต่มุมหนึ่งที่เราไม่ค่อยติดตาเท่าไหร่ ก็คือภาพในการทำงานการกุศลต่างๆ นานา อย่าง LeBron ก็มีการสร้างโรงเรียน We Promise อะไรแบบนี้ ที่พอนึกขึ้นมาได้ทันที
แล้วสำหรับ Jordan... ทำไมมันนึกไม่ค่อยออก หรือว่าจริงๆ แล้ว Jordan มันเป็นแค่ไอ้มนุษย์จักรกลที่เอาแต่สนใจจะเล่นบาสอย่างเดียว มุ่งเป็นที่หนึ่งอย่างเดียว และไม่แคร์ใคร?
1.
David Rothenberg เป็นลูกชายคนเดียวของ Marie และ Charles ที่หย่าร้างกันไปตั้งแต่เขายังเด็กๆ และก็มีปัญหาเรื่องการแย่งตัว David มาตลอด
ในคืนวันวันที่ 3 มีนาคม 1983 Charles ได้พา David ไปเที่ยว Disneyland และในช่วงกลางคืนได้วางยานอนหลับลูกชายของตัวเอง ราดน้ำมันไปทั่วเตียงเตียงนอน ก่อนที่จะจุดไฟเผา โดยที่ตัวเองไปยืนสังเกตุการณ์ห่างๆ
Charles ได้บอกว่าเขาตัดสินใจว่าจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับ David เพราะ “ถ้าเขาไม่ได้ตัว David ก็ต้องไม่มีใครได้ไปเหมือนกัน” แต่ท้ายสุดแล้วก็ขี้ขลาดแล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
David รอดมาได้จากการถูกไฟคลอกตายก็จริง แต่ร่างกายของเขาเป็นแผลไฟไหม้ทั่วทั้งร่างกาย จนต้องตัดนิ่วบางส่วนทิ้ง อีกทั้งปัญหาอื่นๆ ที่ตามมามากมาย
Charles พ่อของเขาถูกจำคุกจากเหตุการณ์นั้นนานถึง 10 ปี และถึงแม้ว่าจะพ้นโทษออกจากคุกมาได้อีกที เขาก็มีคดีอื่นๆ มาเรื่อยๆ ที่ทำให้ตอนนี้ติดคุกตลอดชีวิต
David ได้เคยไป “เยี่ยม” พ่อของเขาในคุกตอนที่เขาอายุ 19 ปี เพื่อที่จะประกาศอย่างเป็นทางการว่า Charles นั้น “ไม่ใช่พ่อ แต่เป็นเพียงแค่คนที่ปลอมตัวมา” และก็เปลี่ยนชื่อเป็น Dave Dave ก่อนที่จะสร้างตัวประสบความสำระดับหนึ่งกับการเป็นศิลปินต่อๆ มา
David แฟน Chicago Bulls
2.
ฮีโร่ คนหนึ่งในใจของ Dave คือ Michael Jordan และด้วยความที่กระแสข่าวของเขาช่วง 90s มันดังมาก เขาก็ได้รับโอกาสจากมูลนิธิ Michael Jordan Foundation ให้มาดูการแข่งขันระหว่าง Bulls กับ New Jersey Nets ในวันที่ 21 มกราคมปี 1990
จริงๆ Jordan ก็คงไม่รู้หรอก ว่า Dave ได้มาที่เกมนี้ การดำเนินการต่างๆ ของมูลนิธิ คิดว่า Jordan คงไม่ได้รับรู้ทุกอย่างตลอดเวลา ยิ่งช่วงกลางฤดูกาลแบบนั้น เขาคงยิ่งไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วยแน่ๆ
Jordan ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรเลย ที่จะต้องเข้าไปสุงสิงยุ่มย่ามอะไรกับ Dave เลย มากไปกว่าการเซ็นลูกบาส เซ็นโปสเตอร์ให้ แค่นั้นมันก็คงพอแล้ว
แต่ MJ ได้ตัดสินใจพา Dave ไปนั่งคุยในห้องแต่งตัวก่อนลงแข่ง เขาพา Dave ไปนั่งบนม้านั่งระหว่างแข่งด้วยซ้ำ แล้วระหว่างแข่ง เขาก็จะหันไปถาม Dave อย่างสบายๆ ประมาณว่า “เฮ้ย ท่ายิงพี่เป็นไงมั่ง”
ช่วงขอเวลานอกของเกม Jordan ก็จะเดินไปคุยกับ Dave ตลอด
ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับเกมเลย เพราะ Bulls ชนะไปในคืนนั้น 107-94 โดย Jordan ทำไป 30 แต้ม 3 รีบาวด์ 4 แอสสิสต์ 4 สตีล
จริงๆ แล้วมันก็ผิดระเบียบของ NBA ด้วยนะ ที่ Dave ไปนั่งตรงม้านั่งระหว่างแข่ง ซึ่งก็มีกรรมการเดินไปบอก Jordan ว่า
“เฮ้ย Michael เด็กนั่นมันจะนั่งตรงม้านั่งไม่ได้นะ มันผิดกฏของลีกหน่ะ...”
แล้ว Jordan ก็จะมองกลับไปแล้วตอบเรียบๆ ง่ายๆ ว่า “เขาจะนั่งตรงนั้นแหละ”
3.
Tim Hallam ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Bulls ยุคนั้นกล่าวว่า
“เขาชอบทำอะไรแบบนี้ตลอดนั่นแหละ แต่มันมีเงื่อนไขอยู่อย่างเดียว คือเขาไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียง หรือ เพื่อให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โต เขามักจะบอกทุกคนตลอดว่า เขาต้องการทำอะไรแบบนี้ เงียบๆ ไม่ต้องการให้มีสื่อมาทำข่าวเลย”
Jerry Krause อดีตผู้จัดการทีมของ Bulls ก็บอกในเชิงเดียวกันว่า Jordan จะปฏิเสธสถานการณ์ที่จะต้องสุงสิงกับแฟนในกรณีเดียวเท่านั้น คือ หากว่ามีใครพยายามจะทำให้มันกลายเป็นอีเวนต์ใหญ่โตเพื่อการประชาสัมพันธ์
4.
ภาพลักษณ์ของ Jordan ที่ผ่านๆ มา ก็จะมีเรื่องความสุดยอดในการเล่นบาส บางทีก็มีเรื่องติดการพนัน เรื่องความมุ่งมั่นกระหายชัยชนะจนเกือบถึงขั้นโรคจิต
แต่เหมือนว่าภาพของ Jordan ผู้ชายใจดี อย่างเรื่องของเขากับ Dave จะไม่ค่อยมีให้ได้ฟัง หรือ ได้อ่านเท่าไหร่
อาจจะเป็นความตั้งใจของ Jordan เอง ที่เขาไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต ให้มันได้เป็นสิ่งที่เขาอยากทำ เพียงแค่เพราะเขาอยากทำ ก็แค่นั้นเอง
เขาเองก็เคยบ่นถึงความกดดันจากสังคมกับการรักษาภาพลักษณ์ที่ “สมบูรณ์แบบ” และ ถ้ายิ่งทำอะไรแบบนี้ แล้วประโคมให้เป็นเรื่องเป็นราว มันก็คงยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับเขาไปอีกโดยที่ไม่ได้จำเป็น
แน่นอนว่า มันก็ไม่ได้ผิด ถ้าทำการกุศลอะไรแล้วจะมีการประโคมสื่อ เพราะการทำความดี มันก็คือการทำความดีนั่นแหละ
แค่เรื่องของ Jordan กับ Dave เรื่องนี้ มันเป็นอีกมุมหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่อย่าง Jordan เองก็มีด้านที่เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ จิตใจดีคนหนึ่งเหมือนกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก
บทที่ 20 ในหนังสือ Michael Jordan; The Life เขียนโดย Roland Lazenby
โฆษณา