Blockdit Logo (Mobile)
เภสัชกร [VATE] มีอะไรจะบอก
•
2 พ.ย. 2019 เวลา 07:53 • สุขภาพ
วัคซีนวัณโรคตัวใหม่ : ความหวังของมวลมนุษยชาติ
2
เมื่อพูดถึงวัคซีนในการป้องกันวัณโรค เราคงนึกถึงวัคซีน BCG เคยได้ยินกันหรือไม่ แต่ที่แน่ๆทุกคนต้องเคยได้รับแน่นอน เพราะตามคำแนะนำของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เด็กแรกเกิดทุกคนต้องได้รับวัคซีน BCG 1 เข็ม เรียกได้ว่าเกิดมาต้องจับฉีดยาเลยทีเดียว
1
ภูมิคุ้มกันจะเกิดภายหลังจากฉีดยาไปแล้ว 4-6 สัปดาห์ และอยู่ไปได้นานประมาณ 10 ปี วัคซีนจะให้ผลในการป้องกันวัณโรคได้ประมาณ 80% โดยเฉพาะวัณโรคเยื่อหุ้มสมองในเด็ก
1
แล้วหลังจาก 10 ปีนี้ไปล่ะ ?
วัคซีน BCG ชื่อเต็มคือ Bacille Calmette Guerin พัฒนาขึ้นในปีค.ศ. 1921 (พ.ศ. 2464) โดยนักแบคทีเรียวิทยาชาวฝรั่งเศสชื่อว่า Albert Calmette และ Cammille Guerin โดยพัฒนามาจากเชื้อแบคทีเรียที่อ่อนฤทธิ์แต่ยังสามารถกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทานได้ หากนับตั้งแต่ตอนนั้นก็เป็นเวลากว่า 90 ปีแล้วที่เราใช้วัคซีน BCG ในการป้องกันวัณโรค
1
ขอบคุณภาพจาก www.drbrianstork.com
ดังที่กล่าวไปวัคซีน BCG เราฉีดในเด็กแรกเกิด 1 เข็ม อยู่ได้ 10 ปี แต่หลังจากที่เด็กโตจนเป็นผู้ใหญ่เราไม่สามารถฉีดวัคซีน BCG เพื่อป้องกันวัณโรคอีกได้ จึงเป็นที่มาของเรื่องราวในวันนี้ "วัคซีนป้องกันวัณโรคตัวใหม่" ✨
วัณโรคถือเป็นโรคที่เรารักษาให้หายได้นะ แต่ช่วงแรกของการรักษา การกินยาจะหืดขึ้นคอหน่อย กินยาที 8-12 เม็ดกันเลยทีเดียว กินติดต่อกันต่อเนื่อง 2 เดือน ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะเรากลัวเชื้อวัณโรคดื้อยา หากดื้อยาเกิดขึ้นยาก็ต้องเปลี่ยนสูตรยา ยืดระยะเวลาการรักษา งานเข้าเลยทีนี้
วัณโรคถือว่าติดใน 10 อันดับโรคที่ฆ่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาจะเป็นกันมาก
กลับมาเรื่องวัคซีนป้องกันวัณโรคตัวใหม่กันดีกว่า
เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้กับบริษัท GlaxoSmithKline (GSK) เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมาได้ทดลองวิจัยวัคซีนป้องกันวัณโรคตัวหนึ่ง ขอใช้รหัสลับว่า M72/AS01E (ชื่อเท่มากเลย)
1
ขอบคุณภาพจาก www.caixinglobal.com
ความน่าสนใจของ M72/AS01E สามารถป้องกันวัณโรคในผู้ใหญ่ได้ ว้าว✨ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันต่อเลย
การศึกษาทำใน 3 ประเทศคือ เคนย่า แอฟริกาใต้ และแซมเบีย จะเห็นว่าทั้ง 3 ประเทศอยู่ในทวีปแอฟริกาหมดเลย จริงๆแถบนั้นถือว่าเป็นแหล่งระบาดเลยก็ว่าได้ ประชากรหนาแน่น และเป็นประเทศกำลังพัฒนา
ผู้เข้าทำการศึกษามีอายุระหว่าง 18-50 ปี มีประวัติได้รับเชื้อวัณโรคคือ Mycobacterium tuberculosis แต่ยังไม่มีอาการแสดง แล้วนักวิจัยรู้ได้อย่างไรว่าผู้เข้าทำการศึกษามีเชื้ออยู่ พวกเขาใช้วิธี interferon-γ release assay หากได้ผลบวกแสดงว่ามีเชื้ออยู่ในร่างกาย (แต่ไม่แสดงอาการ)
ผู้เข้าทำการศึกษาราวๆ 3500 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับ M72/AS01E จำนวน 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน ส่วนอีกกลุ่มได้วัคซีนหลอก โดยฉีดเหมือนกัน ติดตามผลไป 36 เดือน แล้วดูว่า ในผู้เข้าทำการศึกษามีใครที่มีอาการแสดงของวัณโรคปรากฎบ้าง หากมีอาการแสดงก็จะนับว่าเป็นโรคแล้ว (นอกจากนี้ก็ส่งเสมหะตรวจยืนยัน หรือส่งการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่าเป็นโรคจริง)
ผลปรากฎว่า
1. กลุ่มที่ได้รับ M72/AS01E พบคนที่เป็นโรค 13 คน จาก 1626 คน
2. กลุ่มที่ได้รับวัคซีนหลอก พบคนที่เป็นโรค 26 คน จาก 1663 คน
จะเห็นได้ว่ากลุ่มที่ได้รับ M72/AS01E เป็นโรคน้อยกว่าจริงๆ
ขอบคุณภาพจาก (1)
การศึกษานี้จึงสรุปผลว่า M72/AS01E สามารถป้องกันวัณโรคในผู้ใหญ่ได้จริงนะ (อายุ 18-50 ปี) แต่ให้การรับรองที่ 3 ปี โดยมีประสิทธิภาพประมาณ 49.7% ก็เกือบครึ่งๆนะ (เราจะเห็นว่าแม้ได้ M72/AS01E ไปแต่ก็พบคนที่เป็นโรคถึง 13 คน แสดงว่าไม่ได้ป้องกันได้ 100% จ้า)
ถือเป็นข่าวดีหรือไม่
ส่วนตัวมองว่าเป็นข่าวดีนะ เหมาะกับบางคนที่อาจจะต้องเข้าไปทำงานในพื้นที่ระบาดหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยง หรือฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นโรค อย่างน้อยก็ 50/50 ส่วนราคาไม่รู้เข็มละเท่าไหร่ น่าจะยังไม่มีขายเพราะชื่อยังเป็นรหัสลับอยู่เลย (M72/AS01E) รอติดตามเหตุการณ์หลังจากนี้ต่อว่าจะเป็นอย่างไร
การคิดค้นของมนุษย์พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว👏
โฆษณา