3 พ.ย. 2019 เวลา 08:57 • ความคิดเห็น
ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนตลอดไป
ค่านิยม หรือ คำชื่นชม กลับกลายเป็นคำประนามในเวลาต่อมา
หลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ มันเหมาะเฉพาะช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป ค่านิยมเปลี่ยน ความชื่นชมก็เปลี่ยนเป็นคำถาม? และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง
โลกมนุษย์มักเป็นเช่นนั้นเสมอ....
ดังนั้นการยึดมั่นถือมั่น ถือเป็นโทษที่ทำร้ายตนเองในเวลาต่อมา
เราควรชื่นชมเมื่อเกิดขึ้นและปล่อยวางเมื่อเวลามาถึง รับฟังอย่างเข้าใจ ปล่อยไปอย่างธรรมดา
อย่างเช่นเรื่อง การรัดเท้าของหญิงสาวชาวจีน ซึ่งยุคหนึ่งเชื่อกันว่า เท้าที่เล็ก จะช่วยให้ดูสง่างาม
จนกลายเป็นค่านิยม....เริ่มจากในรั้วราชวงศ์ซ่ง ลามออกมาสู่สามัญชน จนกระจายไปทั่ว...
เชื่อกันว่า หญิงใด เท้าเล็กจะมีบุญวาสนา ยิ่งเล็กมากเท่าไหร่ยิ่งมีบุญมาก และดูสวยงาม
การรัดเท้าให้กลายเป็นรูปดอกบัว ยิ่งบัวเล็ก ยิ่งดี มีเสน่ห์
ใหญ่กว่า 4นิ้ว = ดอกบัวเหล็ก
เล็กกว่า 4นิ้ว = ดอกบัวเงิน
เล็กกว่า 3นิ้ว = ดอกบัวทอง
แต่ถ้าใครเท้าใหญ่หรือไม่ห่อเท้าถือว่าเป็นความชั่วร้ายในตระกูลหรือชนชั้นล่าง ของสังคม
ความเจ็บปวดและทรมานผ่านยุคสมัย เพียงวัย 4-5ขวบ ก็ถูกจับรัดเท้าแล้ว จนรูปเท้าบิดเบี้ยว เดินแทบไม่ได้
แต่นั่นคือความนิยม ในยุคสมัยหนึ่ง ไม่ใช่ความผิด แต่เป็นเพียงความเชื่อที่ตามๆกันมา ทั้งๆที่คนรุ่นหลัง ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า ถูกทำไปเพราะอะไร...
จนกาลเวลาผ่านมา อะไรเกิดขึ้น?
ความเชื่อเริ่มคลาย ความศรัทธาเริ่มเปลี่ยน กลายเป็น เรื่องน่าเกลียดน่ากลัว
จนถึงปัจจุบัน มองย้อนกลับไป มองเห็นแต่เพียงความโง่เขลาของคนในยุคนั้นๆ...
ในวันนี้ที่ยิ่งใหญ่อย่าผยอง...
ให้ลองมองย้อนไปในหนหลัง
ทุกๆสิ่งล้วนแล้วไม่จีรัง
จงอย่าหวังครอบครองเป็นของตน
โลกนี้ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน อย่ายึดติด อย่าถือมั่น มันก็เป็นเช่นนั้นแล
ดังคำสอนของพระพุทธเจ้า
"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"
ขอบคุณที่อ่านบทความ
ในวันที่เข้าถึงพระธรรมอย่างที่สุด....
I am cappuccino
โฆษณา