4 พ.ย. 2019 เวลา 10:37
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย
ภูมิใจเสนอ นิยายกำลังภายในเรื่องแรกของเพจ MovieTalk
“เงาวายุ” บทที่ 1
ความเดิม ‘ปฐมบท’ ในตอนเกริ่นนำ ได้แนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ อี่ทงฮวง องครักษ์ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ฉายา ‘เงาวายุ’ ที่ได้รับราชโองการให้คอยคุ้มกันอ๋องเอี๊ยะ รัชทายาทของฮ่องเต้ปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน กลุ่มมือสังหาร ‘เกียอุ้ยนึ้ง’ ก็เริ่มเคลื่อนไหว เป้าหมายคือ ผลึกตะวัน ศาสตราวุธทรงอำนาจที่อยู่ในความดูแลของอ๋องเอี๊ยะ หากเกียอุ้ยนึ้งได้ครอบครองจะไม่มีกองทัพใดเอาชนะได้
สำหรับตอนนี้จะเริ่มเข้าสู่เรื่องราวแล้วครับ
ขอเชิญติดตามได้ ณ บัดนี้
‘พันธมิตร’ ไม่ได้ให้เสียงภาษาไทย
บทที่ 1
ยามเช้า
ตะวันยังมิทันขึ้น
ในป่าไผ่มีการเคลื่อนไหว
เงาหนึ่งเดินออกมา
เป็นอี่ทงฮวงก้าวออกมาจากป่าไผ่กอหนึ่ง
ที่แท้ในป่าไผ่กอหนึ่ง มีประตูลับ มันถูกกอไผ่รายล้อมบังรอบ
อี่ทงฮวงที่ศึกษาเส้นทางอุโมงค์จนแตกฉาน
หลังจากออกพ้นป่าไผ่ก็รีบรุดสาวเท้าจนถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง
เป็นแม่น้ำสายที่ทอดยาวออกไปสู่ทะเลใหญ่
เบื้องหน้าอี่ทงฮวงเป็น บุรุษผู้หนึ่งยืนสงบนิ่งหันหน้ามองออกไปยังเส้นขอบฟ้า ตะวันกำลังคล้อยขึ้น
บุรุษผู้นั้นได้ยินเสียงฝีเท้า มิได้มีอาการตกใจ พลางหันกลับมา ใบหน้าที่คมคายแย้มยิ้มขึ้น พลางประสานมือเอ่ยทัก
“อี่เฮีย ท่านมาจริง?”
อี่ทงฮวงประสานมือตอบ “เมื่อน้องเรานัดหมาย แม้มีภาระเราย่อมหาเวลาปลีกตัวมาพบ”
“อี่เฮียคงได้รับสาส์นจากผู้น้องแล้วกระมัง ผู้น้องได้รับราชโองการลับจากฮ่องเต้ ต้องเดินทางไกลออกทะเลใหญ่ ไปถึงดินแดนของชาวอาทิตย์อุทัย มิทราบเมื่อไรจะได้กลับ”
“เราเข้าใจ ภาระของเจ้าใหญ่หลวงนัก ปราชญ์เมฆา ซื่อหยุน มีแต่น้องเราย่อมกระทำภารกิจลับนี้สำเร็จ”
บุรุษหน้าคมคายนั้นแท้จริงคือ ปราชญ์เมฆา ซื่อหยุน
ปราชญ์เมฆา ซื่อหยุน
ว่ากันว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมีองครักษ์เงาสองคน คือ เมฆา กับ วายุ
เมฆา คือ ซื่อหยุน
วายุ คือ อี่ทงฮวง
“ผู้น้องนัดหมายอี่เฮีย ทราบประสงค์ผู้น้องหรือไม่?”
อี่ทงฮวงแย้มยิ้ม “ฮา...หรือน้องเราคิดจะประลองฝีมือกันอีกแล้ว เจ้ามิเบื่อหน่ายหรือไร?”
“เมฆา วายุ พิทักษ์ตำหนักหลวง เป็นผู้น้อง หรือ อี่เฮีย ใครมีฝีมือเหนือล้ำกว่ากัน ยากชี้ชัด ครานี้ผู้น้องไปนานนัก ใคร่ประมือกับท่านสักสองสามท่าก่อนเดินทาง”
ซื่อหยุนเอ่ยพลางมีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
“เป็นเจ้าชนะ ในครั้งก่อน ยังต้องพิสูจน์อันใด?”
“เป็นเราชนะหรือ อี่เฮียออมมือไว้ไมตรี...”
เงาวายุ อี่ทงฮวง
ยังมิทันจบคำ ร่างซื่อหยุนพุ่งปราด ตวัดฝ่ามือซ้ายออก วาดใส่อี่ทงฮวงแบบมิทันระวังตัว
อี่ทงฮวงสลับเท้าดีดตัวขึ้น พลางทะยานกายดุจนางแอ่นร่อนผ่านข้ามศรีษะซื่อหยุน ฝ่าเท้าแตะผิวแม่น้ำสองครา ก่อนจะทิ้งตัวลงบนแพที่ลอยกลางแม่น้ำ
ซื่อหยุนใช้ปลายเท้าตวัดเตะ ก้อนหินออกสองก้อน ปลิวกระแทกพื้นน้ำ ตนเองโผพุ่งตามพลางใข้ปลายเท้าแตะก้อนหินก้อนแรกส่งแรง ก้อนหินที่สองแตะผืนน้ำ พอดีปลายเท้าซื่อหยุนแตะถูก พลังภายในดีดหินก้อนนั้นกระดอนขึ้นพุ่งซัดใส่อี่ทงฮวงทันที
อี่ทงฮวงตวัดวาดฝ่ามือออก เสียง “ขวับเควี้ยว” ดังขึ้น เข็มเล็กเล่มหนึ่งพุ่งใส่ก้อนหิน
เข็มเล็กเพียงเล่มเดียว กับก้อนหิน กระแทกใส่กัน กลับเป็นก้อนหินที่กระเด็นตกน้ำ
กำลังภายใยอี่ทงฮวงยากดูแคลนยิ่งนัก
ยังมิทันหยุดยั้งดูผล ฝ่ามือชวาของซื่อหยุนก็วาดกรายเข้าใส่เบื้องหน้าอี่ทงฮวงแล้ว
“ตึ้บบบบบ”
อี่ทงฮวงสะบัดฝ่ามือขวาของตนเองเข้าปะทะ
ร่างของซื่อหยุนอยู่กลางอากาศ ส่วนร่างของ
อี่ทงฮวงอยู่บนแพ
กำลังภายในทะลักทะลายลงมา
อี่ทงฮวงถูกกดลง แพที่มันยืนหยัดถูกกดจมลงในแม่น้ำ
ชั่วขณะที่แพกดลงก็ถูกดันขึ้นทันที
เป็นอี่ทงฮวงเร่งเร้าโคจรพลังหนุนเนื่องออกมาดันกลับออกไป
ซื่อหยุนที่ลอยกลางอากาศกลายเป็นเสียเปรียบ เพราะร่างไร้หลักยึด ต้องเปลี่ยนท่าพลิ้วกลับไปยังริมตลิ่ง
อี่ทงฮวงทะยานตามติด พลางสะบัดฝ่ามือฟาดออกแปดครั้งซ้อน
“ตึ้บบบบ!”
เสียงฝ่ามือปะทะกันแปดครั้งซ้อน เป็นซื่อหยุนสะบัดฝ่ามือออกแปดครั้งต้านรับฝ่ามือของ
อี่ทงฮวง
ระหว่างที่ลอยตัวกลับถึงริมตลิ่ง
ยังมิทันทำอันใดต่อ เสียงปรบมือก็ดังขึ้น
ทั้งซื่อหยุน และอี่ทงฮวงหยุดมือทันที หันไปตามทิศทางของเสียง
เบื้องหน้าทั้งสองเป็นดรุณีนางหนึ่ง
ดรุณีใบหน้างดงามปานเทพธิดา
หัวเราะคิกคักเสียงสดใส
มั้วเง็ก (ปอหยก)
“อี่เฮีย, ซื่อเฮีย พวกท่านไฉนเหมือนเช่นเด็กน้อย วัน ๆ เอาแต่ต่อยตีกัน”
อี่ทงฮวงสีหน้าเคร่งเครียด เสียงเข้มถามกลับ “ท่านแอบติดตามเรามาได้แนบเนียนยิ่งนัก แม้เรายังมิอาจล่วงรู้”
ดรุณีนางนั้นเดินมาหยุดยืนหน้าบุรุษทั้งสอง แย้มยิ้มกล่าวว่า
“เราไม่มีความสามารถเยี่ยงนั้น เพียงแต่อี่เฮียบังเอิญเหยียบผงร้อยก้าวสะกดตามของเราที่โรยไว้หน้าป่าไผ่ต่างหาก เราจึงติดตามอี่เฮียมาได้”
พูดพลางเชิดจมูกใส่อี่ทงฮวง ท่วงท่าน่ารักยิ่งนัก
ซื่อหยุนสอดคำขึ้น
“มั้วเง็ก (ปอหยก) ท่านมาส่งเราหรือ?
ช่างน่ายินดียิ่งนัก”
มั้วเง็กคือบุตรีบุญธรรมของท่านอ๋องเอี๊ยะที่นำมาชุบเลี้ยงแต่เล็ก นางมีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับสององครักษ์ อี่ทงฮวง และซื่อหยุน
“เราไม่มีโอกาสได้พบหน้าเจ้าอีกนานหลายเดือน คงถูกโรคคิดถึงเล่นงานเป็นแน่”
ซื่อหยุนเอ่ยอย่างแย้มยิ้ม สีหน้าดูมีความสุข
มั้วเง็กล้วงมือเข้าไปในเข็มขัด พลางยื่นส่งถุงหอมใบหนึ่งให้
“ซื่อเฮีย ท่านเก็บถุงหอมนี้ไว้ จะได้เสมือนเราไปกับท่านด้วย”
ซื่อหยุนรับมาพลางยกถุงหอมขึ้นสูดดม
“มิผิด เสมือนมีเจ้าอยู่เคียงข้างเราจริง ๆ”
ตะวันขึ้นพ้นเส้นขอบฟ้า ซื่อหยุนถอนใจหายพลางกล่าวว่า
“คนเมื่อถึงเวลาไป เป็นต้องไป ผู้น้องต้องออกเดินทางแล้ว ฝากอี่เฮียดูแลมั้วเง็กด้วย”
อี่ทงฮวงผงกศรีษะ
“เดินทางไกลคราวนี้ น้องเราดูแลสุขภาพด้วย เมื่อกลับมาเราสองเฮียตี๋ค่อยร่ำสุรากันให้สาแก่ใจ”
"อี่เฮียกล่าวตรงใจผู้น้องยิ่งนัก" ซื่อหยุนตอบ พลางหันมากล่าวกับดรุณีเบื้องหน้าตน อย่างอาวรณ์
“มั้วเง็ก ท่านก็ต้องดูแลสุขภาพด้วย เราห่วงใยท่านยิ่งนัก”
“ซื่อเฮีย ท่านก็ต้องดูแลสุขภาพเช่นกัน”
มั้วเง็กกล่าวด้วยน้ำเสียงอาวรณ์มิต่างกัน
อี่ทงฮวงยืนมองทั้งคู่ สีหน้าคล้ายปรากฎม่านหมอก สายตาเหม่อมองไกลสุดตา
เรืออออกเดินทางแล้ว ซื่อหยุนอยู่ท้ายเรือ
เหม่อมองกลับมาที่ฝั่ง ในใจอาวรณ์ต่อมั้วเง็ก
มั้วเง็กเหม่อมองจนเรือลำนั้นลับหายสายตา
โดยมีอี่ทงฮวงยืนสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง
ในใจคล้ายมีความสับสนหลายส่วน
“อี่เฮีย เรากลับตำหนักเถอะ คืนนี้มีงานเฉลิมฉลอง ท่านคงไปร่วมด้วยกระมัง?”
“เรามิชมชอบงานเลี้ยงรื่นเริง หน้าที่คืออารักขาท่านอ๋องจากเงามืด หรือเจ้าไม่ทราบ?”
“อี่เฮีย ท่านช่างเป็นคนเย็นชายิ่งนัก หรือในชีวิตของท่านมีแต่ภาระหน้าที่ ไม่อาจใฝ่หาความสุขให้แก่ตนเองได้สักครั้งครา?”
อี่ทงฮวงมองแววตาของมั้วเง็ก
ในใจตนเองคล้ายคิดกล่าววาจา
แต่สุดท้ายเบือนหน้าเหม่อมองไกลออกไป
พาลไม่ตอบคำ
“อีกแล้ว ท่านเป็นเช่นนี้อีกแล้ว ท่านมักสำรวมวาจา สำรวมคำตอบเสมอ อี่เฮียบางครั้งแม้ท่านอยู่ตรงนี้ เดินอยู่ข้างกายข้าพเจ้า
แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกเหมือนท่านไร้ตัวตน
อยู่ไกลจนไม่อาจมองเห็น”
มั้วเง็กกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงตัดพ้อ ก่อนสาวเท้าเดินนำหน้าไปด้วยความขุ่นเคือง
อี่ทงฮวงมองเงาหลังอ้อนแอ้นของมั้วเง็ก ท่วงท่าสดใสคล้ายผีเสื้อน้อยบินท่ามกลางหมู่ภมรยามอรุณรุ่ง
อี่ทงฮวงพลางทอดถอนใจ
ความในใจบางครั้งยากกล่าว และมิควรกล่าว
เรื่องบางเรื่องมิควรให้ล่วงรู้ มันจึงเป็นความลับ
ความลับเมื่ออยู่กับตนเองก็คือความลับ
ย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ความลับเมื่อถูกเอื้อนเอ่ย ก็หาใช่ความลับอีกต่อไป...
เส้นกั้นบาง ๆ ระหว่าง ‘ความลับ’ กับ ‘ความรัก’
อยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน
บางคนเมื่อมีความรัก ย่อมแสดงออกว่า ‘รัก’
แต่บางคนเมื่อมีความรัก ก็ยากจะแสดงออกว่า ‘รัก’
เพราะ 'มีรัก' และไม่อยาก 'เสียรัก' จึงไม่อาจแสดงออกว่า ‘รัก’
โลกมนุษย์มักเป็นเช่นนี้
ท่านชมชอบรักคนผู้หนึ่ง
แต่คนผู้หนึ่งรักคนอีกคนหนึ่ง
ยิ่งคนอีกคนหนึ่ง มีความสำคัญต่อท่าน
เฉกเช่นพี่น้องท่าน
ท่านจะหักหาญน้ำใจ
‘แย่งชิง’ หรือ ‘วางเฉย’ ?
อี่ทงฮวงเลือกแล้ว...
ที่มันเลือกคือ ‘วางเฉย’
ความลับบอกออกไปย่อมมิใช่ความลับ
แต่ความรักบอกออกไปย่อมเป็นความรัก
ย่อมได้ความรักนั้นกลับมาจริงหรือ?
...
...
โปรดติดตามตอนต่อไปในบทที่ 2 เร็ว ๆ นี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา