สุดท้ายเเล้ว 5 ทางหลักจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อเเละราคาสินค้า แต่หากระยะเวลาที่กว่านโยบายจะมีถูกใช้แล้วกระทบกระเป๋าตังเราจริงๆ จะใช้เวลากว่า 1-2 ปีถึงจะเห็นผล เพราะกว่าแบงค์พาณิชย์จะปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ กว่าเราจะสามารถกู้ก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก (Time Lagging) เเบงค์ชาติจึงต้องมีการประมาณการอัตราเงินเฟ้อในอนาคตหรือร่วงหน้า เพื่อที่จะสามารถใช้อัตราดอกเบี้ยเพื่อที่จะลดอัตราเงินเฟ้อ โดยใน 1 ปีจะมีการประชุมถึง 8 ครั้ง เเละแต่ละครั้งประกอบด้วยกรรมการ 7 คน ผู้บริหารระดับสูงของ ธปท. 3 คน และ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก 4 คน เพื่อมาหารือและออกนโยบายทางการเงินเพื่อคุมภาวะเศรษฐกิจเป็นครั้งคราว โดนปัจจุบัน เเบงค์ชาติได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 1.50% จาก 1.75% จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ที่เกิดจากผลกระทบของสงครามการค้า และผนวกกับค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก
แต่ทาง แบงค์ชาติก็ได้มีการจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อดูสถานการณ์ ว่าจะทำยังไงต่อไป