8 พ.ย. 2019 เวลา 02:48 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องสั้น "พันธุ์อสรพิษ" แปลจากเรื่อง ฟู้ด ของ โทมัส เทสซิเออร์ (ต่อ)
เธอยังคงสำเริงสำราญอยู่กับการกิน
ไม่ว่ามิสเตอร์ไวท์แมนจะเพียรพยายาม…อธิบายครั้งแล้วครั้งเล่าถึงอันตรายของมันที่จะส่งผลต่อหัวใจและสุขภาพของเธอยังไงก็ตาม
มิสโรว์ยังยิ้มร่าให้กับคำเตือนของเขา ‘ร่างกายของคุณจะบอกคุณเองนั่นแหละ’ เธอจะเฉไฉพร้อมๆ กับดื่มด่ำไปกับน้ำแอ๊ปเปิ้ลกระป๋องใหม่
‘คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยสนใจความต้องการของร่างกายตัวเอง แต่ชั้นไม่พลาดแน่ เมื่อมันสั่งชั้นก็จะกิน เมื่อมันบอกว่าพอ ชั้นก็จะหยุด’
แต่ดูเหมือนร่างกายของเธอจะสั่งให้เธอกิน…กินอย่างเดียว
Cr.Pixabay
จนมิสเตอร์ไวท์แมนต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีใหม่ เขาจะเล่าให้เธอฟังถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวไปในยุโรปและเอเชีย ช่วงพักร้อนในเม็กซิโกและแคริเบี้ยน
เบี้ยน เขาจะบรรยายโน้มน้าวถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้พบเห็น ทั้งสถานที่และบุคคล แต่ดูเหมือนมิสโรว์คล้อยตามไปด้วยน้อยมาก เมื่อหมดหนทางเข้าจริงๆ เขาเลยบรรยายถึงอาหารที่เคยผ่านปากมาขณะได้ไปท่องเที่ยว
ด้วยเหตุผลที่ว่าเธออาจกระหายใคร่อยากจะได้เดินทางเพื่อไปลิ้มรสอาหารรสเลิศเหล่านั้นบ้าง ซึ่งกฎระเบียบของมื้ออาหารในการเดินทางอาจควบคุมพฤติกรรมของเธอได้ แต่กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง…มิสโรว์ยังพึงพอใจในรสชาติของอาหารอยู่เหมือนเดิม
อาหารรูปแบบแปลกๆ ไม่สามารถกระตุ้นความตื่นเต้นของเธอได้ เธอยังเลือกที่จะกินพายไก่สามถึงสี่ชิ้นที่ซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ฮอตด๊อกส์สามสี่ท่อนกับซอสแอ็ปเปิ้ล ไม่ใช่ว่าเธอจะปฏิเสธอาหารรสเลิศรูปแบบแปลกเหล่านั้นหรอก แต่เธอไม่มีเวลาจะไปขวนขวายไกลถึงขนาดนั้นต่างหาก
แม้จะรู้สึกไม่สบายอกสบายใจ-ดูเหมือนอาการนี้จะทวีขึ้นทุกๆ วันซะด้วย-แต่มิสเตอร์ไวท์แมนก็เริ่มจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ้างแล้ว การต่อปากต่อคำไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย อาการอยากอาหารของเธอกำลังพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด
มิสเตอร์ไวท์แมนทำท่าจะกลายเป็นคนจู้จี้ขี้บ่นทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาต้องลองสู้กับเธอดูสักตั้งและต้องเข้าให้ซึ้งถึงความเป็นเธอให้ได้ แม้จะเชื่อในความเป็นตัวเองของเธอสูงและรักเธอ นั้นเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตของเขา
เสียงเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าไกลออกไปทางถนน…สายลมอ่อนหยุดพัดลงแล้ว มิสเตอร์ไวท์แมนนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวภายในห้อง จิตใจจดจ่ออยู่กับหนังสือ
‘ครั้งหนึ่งฉันเคยอยู่ในถนนสายเล็กๆ ที่คุณไม่รู้จัก…’
มิสโรว์หลับตาพริ้ม หูสดับฟังบทกลอนจากหนังสือในขณะที่ปากเคี้ยวมอลโลว์ป่น
จริงๆ แล้วเธอไม่ได้สนใจบทกลอนบทนี้เท่าไหร่นักหรอก แต่เธอชอบกระแสเสียงของมิสเตอร์ไวท์แมนที่กำลังท่องให้ฟังมากกว่า
เขาอ่านมันได้อย่างมีอรรถรสทั้งวรรคตอนและสัมผัส อีกประการหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครสนใจจะอ่านบทกลอนกล่อมเธอมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ได้
เธอจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบกับตัวเขา แต่ยังไงเธอก็คิดว่าเขามีฝีปากแน่ที่สุดอยู่แล้ว
‘ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถปกปิดเรื่องที่กำลังจะเล่าให้คุณฟังเรื่องนี้ได้ยังไง…’
เขาจุดบุหรี่เมื่ออ่านบทเรื่องราวจากบอลแซ็คจบลง แล้วยกข้อสัญญาที่พวกเขาเคยเกี่ยงกันถึงเรื่องอัตราการสูบบุหรี่ที่เขาเคยจำกัดตัวเองไว้แค่วันละสิบมวนให้เธอฟัง…
คิดว่าเธออาจจะเอาเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับพฤติกรรมการบริโภคของตัวเองเป็นข้อสะกิดใจบ้าง แต่เธอกลับทำความเคารพล้อเลียนให้กับความตั้งใจมั่นของเขา และไม่ยอมรับคำแนะนำเอาดื้อๆ
Cr.Pixabay
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาคุยกันเรื่องหนังสือและนักเขียน ซึ่งมิสเตอร์ไวท์แมนจะเป็นคนพล่ามเสียมากกว่า ส่วนมิสโรว์มักพูดแต่คำว่า ‘ฟาซิโน เคน’ เป็นสาวที่สวยแต่ซึมเศร้า-และรู้มั๊ยว่าบอลแซ็คดื่มกาแฟวันละกี่แก้ว? ในที่สุดมิสเตอร์ไวท์แมนทนรำคาญไม่ไหวจึงขอตัวกลับ
‘ได้โปรดกลับมาพบชั้นอีกตอนเย็นวันนี้’ มิสโรว์บอกขณะที่เขาลุกขึ้น
‘ได้ ผมจะกลับมาอีก’ เขาสัญญา แต่ในน้ำเสียงของเธอมีอะไรมากกว่าที่เธอกล่าวออกมา มันบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างที่เร่งด่วนกว่านั้น ‘คุณไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย?’
‘อื้อ…สบายดี’ มิสโรว์ตอบ และสำทับเพื่อความสบายใจต่อไปอีก ‘ก็แค่อยากพบคุณอีกเท่านั้น เย็นนี้นะ’
‘งั้นผมก็สบายใจ’ มิสเตอร์ไวท์แมนก้าวเท้าจะเดินออกไป
‘มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น’ เธอพึมพัมในลำคอจนเขาต้องชะงักเท้าลง
‘อะไรหละที่ว่ากำลังจะเกิดขึ้น?’ มิสเตอร์ไวท์แมนถาม ความกังวลผุดขึ้นมาแทนที่
‘ชั้นก็ไม่รู้ เพียงรู้สึก…ถึงความเปลี่ยนแปลง เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ภายในตัวชั้น แต่มันไม่ใช่สิ่งเลวร้ายหรอก’ เธอกล่าวอย่างรวดเร็ว ‘กลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก’
‘คุณตัดสินมันด้วยความรู้สึกของตัวเองไม่ได้’ เขากล่าวเสียงกร้าว ‘คุณน่าจะไปหาหมอซะนะ อาจมีสาเหตุมาจากหัวใจของคุณ สิ่งที่คิดว่าดีอาจไม่ใช่สิ่งดีเสมอไปก็ได้’
‘ไม่...ไม่’ มิสโรว์พยายามดันตัวเองลุกขึ้น ‘ชั้นจะไม่ให้ตัวเองเป็นเครื่องทดลอง, วิเคราะห์เจาะลึกหรือถูกรักษาเหมือนคนพิการหรอก และชั้นจะไม่ยอมไปปรากฏตัวบนหนังสือเนชั่นแนลเอ็นไควเรอร์ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ บทสัมภาษณ์หรืออะไรก็แล้วแต่โดยเด็ดขาด’ เธอลังเลก่อนกล่าวต่อด้วยเสียงอันแจ่มใส
‘ชั้นบอกคุณแล้ว : ว่าชั้นรู้สึกดี ไม่ได้เจ็บป่วยซะหน่อย และไม่เคยรู้สึกดีเหมือนครั้งนี้มาก่อนเลยในชีวิต’
มิสเตอร์ไวท์แมนถอนใจ ที่เธอพูดมาทั้งหมดยังสรุปไม่ได้หรอกว่าเธอจะปลอดภัยและไม่อยากคิดต่อไปด้วยว่าบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นนะ มันเกี่ยวกับสุขภาพของเธอด้วยรึเปล่า จะไม่ลองเดาดูหรือว่ามันคืออะไร?
เขารู้ว่ามิสโรว์พยายามจะทำให้เรื่องชีวิตประจำของตัวเธอเองให้ดูว่าเป็นเรื่องปกติวิสัยและปลอดภัยไร้กังวล ก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ เขาพยายามปลอบใจตัวเอง
จะว่าไปเธอก็ดูมีอะไรผิดปกติอยู่บ้าง สีหน้าเธอดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น แก้มเป็นพวงสีชมพูซึ่งปกติมันออกจะซีดอยู่บ้าง เพราะเธออยู่ในร่มมาตลอด
เอาล่ะสิครับ...อะไรจะเกิดขึ้นกับมิสโรว์ แล้วเหตุการณ์จะเป็นยังไงมาติดตามตอนจบกันได้ พรุ่งนี้ครับ...
โฆษณา