7 พ.ย. 2019 เวลา 13:37 • บันเทิง
ถ้าคุณเป็นคนนึงที่รักและชื่นชอบตัวละครที่มีชื่อว่า "โปโตกัส ดี เอส" แล้วล่ะก็ เอาเมาส์หรือนิ้วของคุณคลิกอ่านบทความนี้ได้เลยครับ^^
โปโตกัส ดี เอสหรืออีกชื่อคือพอร์ทกัส ดี เอส ที่ออกเสียงตามแบบฉบับภาษาอังกฤษ ผมขอใช้คำว่าโปโตกัสในบทความนี้นะครับ^^
เอสเป็นพยานรักระหว่างโกล ดี โรเจอร์และโปโตกัส ดี รูจ ทำให้เอสมีสายเลือดของราชาโจรสลัดไหลเวียนอยู่ในตัว
แต่เอสกลับไม่ได้ภูมิใจกับการเกิดมาเป็นลูกของราชาโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ สำหรับตัวเขาแล้วถือเป็นเรื่องเศร้าที่เขาได้เกิดมาและมีชีวิตอยู่
เพราะโรเจอร์เสียชีวิตก่อนเอสเกิด 15 เดือน และรูจที่เสียชีวิตหลังจากเอสลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่นาที
ก่อนที่รูจจะสิ้นลม เธอก็ได้ตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่า "เอส" ตามที่สามีสุดที่รักของเธอต้องการ
"ถ้าเป็นผู้หญิงให้ชื่อว่า "แอน" ถ้าเป็นผู้ชายให้ชื่อว่า "เอส" เขา(โรเจอร์)บอกไว้แบบนั้นค่ะ"
"ชื่อของเด็กคนนี้คือ โกล ดี เอส เป็นลูกของฉันกับเขาค่ะ"
แล้วเธอก็สิ้นใจลงเพราะต้องอุ้มท้องเอสถึง 20 เดือน เพื่อที่จะหลบการตรวจสอบของทางรัฐบาลโลกและทหารเรือที่ออกค้นหาตัวผู้หญิงที่โรเจอร์รักและลูกของเขา
เรียกว่าเป็นพลังความรักที่แม่คนนึงมีต่อลูก เป็นพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ผู้หญิงคนนึงจะมอบให้กับเด็กที่เธอไม่เคยเห็นแม้แต่ใบหน้าของเด็กคนนั้นมาก่อน
เอสเกิดที่ทะเลเซาท์บลู ที่เกาะบาเทริล่า คนที่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นน่าจะมีเพียงการ์ปคนเดียว ที่ได้รับการไหว้วานจากโรเจอร์ว่าให้ช่วยดูแลเด็กคนนั้นให้ด้วย
เพราะการ์ปกับโรเจอร์ต่อสู้แบบเอาชีวิตและไล่ล่ากันมาจนซี้อย่างกับเพื่อนสนิทกันแล้ว
ยิ่งในเหตุการณ์ที่ "ก็อด วัลเลย์" ที่พวกเขาร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับกลุ่มร็อคส์ คงยิ่งทำให้ทั้งคู่ซี้กันมากยิ่งขึ้น
เอสได้ใช้ชื่อ "โปโตกัส" ของแม่นำหน้า แทนที่จะใช้คำว่า "โกล" จากฝั่งพ่อ เพราะเอสคิดว่าพ่อของตัวเองนั้นงี่เง่าที่มาชิงจากไปเสียก่อนและทำให้แม่ของเขาต้องเสียชีวิตเพื่อตั้งท้องเขาถึง 20 เดือนเพื่อจะให้เขาได้เกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้
และเพื่อเป็นการหลบการตามล่าของทางรัฐบาลโลกและทหารเรืออีกด้วย ทำให้ไม่มีใครรู้ถึงการมีตัวตนของทายาทของราชาโจรสลัด จนกระทั่งหนวดขาวและทหารเรือรู้ในเวลาใกล้เคียงกัน
หนวดขาวรู้จักจากคำบอกเล่าของเอสเอง ส่วนเซ็นโงคุน่าจะรู้จากการ์ปที่ยอมเล่าให้ฟังตอนที่เอสโด่งดังแล้ว
เอสถูกเลี้ยงดูโดยดาดัน(โจรภูเขา แม่บุญธรรมของลูฟี่และเอส)มาตั้งแต่ตอนเอสเกิด การ์ปเป็นคนที่มาปล่อยเอสไว้ให้โจรภูเขาคอยเลี้ยงดู และนานๆค่อยแวะเวียนมาทีเมื่อว่างจากงาน
 
ซึ่ง ณ ทะเลอีสต์บลู อาณาจักรโกอา(กัว) ที่ตอนเหนือของภูเขาคอลโบ หลังหมู่บ้านฟูซา เป็นสถานที่ที่เอสเติบโตมา เขาได้รู้จักลูฟี่กับซาโบ้และแลกจอกเหล้าสาบานพี่น้องกันที่นี่อีกด้วย
ทั้ง 3 คนได้รู้จักกันและใช้ชีวิตด้วยกันประดุจพี่น้องที่คลอดตามกันมายังไงอย่างงั้น อาทิ เช่นการไปมีเรื่องกับกลุ่มโจรสลัดบลูแจมที่เกรย์ เทอร์มินัล(สถานีปลายทางแห่งความมืดมน) การฝึกซ้อมและต่อสู้กับธรรมชาติอันน่าสะพรึงในป่าบนเขาคอลโบ
ทั้ง 3 คนไม่มีความลับใดๆต่อกันทั้งสิ้น และจะไม่ยอมให้มีเรื่องแบบนั้นด้วย พวกเขาจะเปิดอกเปิดใจคุยกันตลอด ด้วยความที่อายุทั้ง 3 คนในตอนนั้นใกล้เคียงกัน
ซาโบ้(10 ขวบ), เอส(10 ขวบ) และลูฟี่ 7(ขวบ) ลูฟี่เป็นน้องเล็กสุดโดยมีพี่ชายทั้งสองคนคอยดูแล
ลูฟี่กับเอสสัญญากันว่าจะออกทะเลตอนอายุ 17 สาเหตุก็เพราะซาโบ้บอกไว้ว่าเมื่อลูกของตระกูลชนชั้นสูงมีอายุ 18 เมื่อไหร่ก็จะถูกเรียกว่าชนชั้นสูงจริงๆได้
ดังนั้นซาโบ้เลยคิดเอาไว้ว่าจะออกจากอาณาจักรอันแสนโสมมนี้ตอนอายุ 17 เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นชนชั้นสูงอันน่าขยะแขยงที่เขาเอือมระอานั้น
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เขาต้องประสบพบเจอตั้งแต่ 10 ขวบทำให้เขาทนไม่ไหว จึงได้ออกเรือก่อนวัยอันควรเพื่อจะหนีออกจากอาณาจักรนี้
แต่สุดท้ายซาโบ้ต้องมาโดนพวกมังกรฟ้ายิงเรือทิ้ง เพียงเพราะเรือของซาโบ้แล่นผ่านหน้าเรือของพวกมังกรฟ้าทำให้พวกนั้นไม่พอใจเลยยิงเรือซาโบ้ทิ้งเลย
แต่เคราะห์ดีที่ยังรอดชีวิตมาได้ และได้รับการช่วยเหลือจากมังกี้ ดี ดราก้อน พ่อของลูฟี่ และได้รับการเลี้ยงดูจนมาเป็น No.2 ของคณะปฏิวัติ
โดยส่วนตัวผมคิดว่าเพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ซาโบ้ยิ่งเกลียดพวกชนชั้นสูงและเผ่ามังกรฟ้ายิ่งๆขึ้นไปอีก ยิ่งได้รับการเลี้ยงดูจากดราก้อนอีกด้วย
กลับมาเข้าเรื่องเอสกันต่อ
เอสออกเรือตอนอายุ 17 ปีอย่างเงียบๆจากชายฝั่งของภูเขาคอลโบ
หลังจากออกเรือได้ไม่ถึงขวบปีดี เรือของเอสก็อัปปางลงที่เกาะซิคซิส ที่ทะเลอีสต์บลู ทำให้เอสได้พบกับหน้ากากดูซ ผู้ที่เป็นสมาชิกคนแรกของกลุ่มโจรสลัดสเปด ที่เอสและหน้ากากดูซร่วมกันก่อตั้งขึ้น
ซึ่งเอสและดูซ เคยต่อสู้กันเพื่อจะแย่งชิงผลเมระ เมระกันด้วย ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร หาอ่านได้ใน One Piece Novel A
มีอยู่ทั้งหมด 2 เล่มด้วยกัน เป็นหนังสือที่เล่าถึงการผจญภัยของเอสว่าพบเจออะไรมาบ้าง, กินผลเมระเมระตอนไหน, การก่อตั้งกลุ่มโจรสลัดสเปดของเขา, ไปเข้ากลุ่มของหนวดขาวเมื่อไหร่ และอื่นๆอีกมากมาย เนื้อเรื่องทั้งหมดคือก่อนที่เอสจะไปสู้กับหนวดดำที่เราเห็นกันในเนื้อเรื่องหลักนั่นเอง
หลังจากที่เอสก่อตั้งกลุ่มโจรสลัดสเปดและหาทางออกเรือจากเกาะซิคซิสได้แล้ว เขาก็เริ่มสร้างชื่อและมีข่าวลงในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ
ทำให้การ์ปนั้นโมโหมากที่เอสนั้นมาเป็นโจรสลัด ไม่ใช่ทหารเรืออย่างที่ควรจะเป็น (ก็เลือดพ่อมันแรงขนาดนั้นอ่ะเนอะ 😅)
เอสเคยได้รับเชิญให้ไปเป็น 7 เทพโจรสลัดแต่เขาก็ได้ปฏิเสธคำเชิญนั้นทิ้งไป
ดูอย่างท่านบากี้สิ ทางนั้นเขาเชิญมาท่านนี้รีบตอบรับอย่างไวเลย ฮ่าๆ
เอสได้เดินทางไปหาจักรพรรดิแดงแชงคูสเพื่อที่จะขอบคุณที่เคยช่วยชีวิตน้องชายร่วมสาบานอย่างลูฟี่ไว้เมื่อตอนที่ลูฟี่ยังเด็กๆ
สมัยที่ยังเป็นกลุ่มโจรสลัดสเปดเอสเคยมาที่วาโนะคุนิเมื่อประมาณ 3 ปีก่อนและได้พบเจอกับโอทามะที่ตอนนั้นอายุเพียง 5 ขวบ และได้เรียนวิธีทำหมวกสานจากที่นี่ จึงได้ไปสานหมวกใบยักษ์ให้ ออส จูเนียร์สวมใส่
ซึ่งเอสสานจนไหม้ไปถึง 2 ครั้ง(สงสัยหัวร้อน ไฟลั่น 😅) แต่ยังดีที่สานจนสำเร็จในครั้งที่ 3
เอสเคยสู้กับจินเบแบบไม่พักนานถึง 5 วัน เพราะว่าไม่รู้ผลเสียทีว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ เพียงเพื่อเอสจะขอเข้าพบหนวดขาว เพื่อที่จะเด็ดหัวหนวดขาว
จนหนวดขาวมาปรากฏตัวต่อหน้าเอส และหนวดขาวเพียงคนเดียวสามารถเล่นงานกลุ่มโจรสลัดสเปดทั้งกลุ่มได้อย่าง่ายดาย
เอสเห็นว่าท่าไม่ดีแน่ๆแล้ว จึงยอมที่จะรับมือกับหนวดขาวเพียงลำพังและให้พวกพ้องทั้งหมดหนีไป
นี่เป็นนิสัยที่ไม่ต่างอะไรกับพ่อของเขาเลย โรเจอร์เองเวลาเจอกองทัพศัตรูที่ไม่มีทางสู้ได้ เขาก็ยืนหยัดเผชิญหน้ากับศัตรูนั้นไม่เคยคิดหนี
ที่ไม่หนีก็เพราะว่าด้านหลังของเขามีพวกพ้องที่เขาต้องปกป้องอยู่ หรืออีกนัยนึงก็คือเป็นการไม่ยอมปล่อยให้ศัตรูที่เผชิญหน้าอยู่นั้นไปทำร้ายพวกพ้องของเขาได้นั่นเอง
ซึ่งตรงจุดนี้มันส่งต่อผ่านมายังสายเลือดของเอสโดยตรงเลยล่ะ
หลังจากที่พ่ายแพ้หนวดขาว เอสก็ได้ขึ้นมาอยู่บนเรือโมบี้ ดิ๊ค ของหนวดขาวแบบไม่เต็มใจ และได้พยายามจะเอาชีวิตหนวดขาวถึงหนึ่งร้อยครั้ง แต่ก็พลาดท่าเสียทุกครั้งไป
จนเอสค่อยๆยอมและเข้าเป็นพวกของหนวดขาว และแสดงฝีมือและผลงานจนได้ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่ 2 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ว่างมานานเหลือเกิน
หลายคนคาดเดากันว่าเป็นตำแหน่งของโคสึกิ โอเด้ง ที่เคยอยู่บนเรือของหนวดขาวแต่จะจริงไม่จริงอย่างไร ก็ต้องรอเฉลยกันนะครับผม^^
แล้วก็มีเรื่องฉาวเกิดขึ้นบนเรือของหนวดขาวจนได้ มาร์แชล ดี ทีช หนึ่งในลูกน้องของหน่วยที่ 2 ที่เอสดูแลอยู่ ได้ไปฆ่าซัจ หัวหน้าหน่วยที่ 4 แห่งกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว
เพื่อที่จะแย่งชิงผลยามิ ยามิ(ความมืด) มาเป็นของตน ทีชอยู่บนเรือของหนวดขาวมาหลาย 10 ปี ชายคนนี้เป็นคนที่หาโอกาสในการที่จะเข้าฮอร์สเก่งมาก
ไม่ว่าจะเป็นการที่มาปิดจ็อบที่มารีนฟอร์ด เพื่อขโมยพลังผลกุระ กุระจากร่างไร้วิญญาณของหนวดขาว รอจังหวะอยู่บนเรือของหนวดขาวหลาย 10 ปีเพื่อที่ว่าสักวันผลยามิ ยามิมันจะโผล่มา แล้วมันก็โผล่มาจริงๆ
เอสจึงยอมไม่ได้ที่หนวดดำทำเรื่องทิ้งเอาไว้ จึงได้ออกเดินทางออกจากเรือของหนวดขาวเพียงลำพังด้วย "สไตรค์เกอร์" เรือแพขนาดเล็กที่มีเครื่องยนต์ทำงานโดยใช้พลังไฟจากตัวของเอส
เอสเดินทางเพื่อจะตามหาทีช จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เจอกันที่เกาะบานาโล ในแกรนด์ไลน์ และได้เกิดการต่อสู้กันระหว่างความมืดของทีชและไฟที่เปรียบดั่งดวงอาทิตย์ของเอส
บทสรุปของการต่อสู้ครั้งนั้น เพื่อนๆทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว เอสได้พ่ายแพ้และถูกจับไปส่งให้กับรัฐบาลโลกและหนวดดำได้ขึ้นเป็น 7 เทพโจรสลัดในเวลาต่อมา
ส่วนเรื่องของเอสในมารีนฟอร์ดนั้นผมว่าเพื่อนๆทุกคนหยิบหนังสือการ์ตูนหรือ E-book ของเพื่อนๆมาอ่านกันเอง หรือไม่ก็เปิดอนิเมะดู น่าจะมันกว่ามานั่งอ่านการละเลงตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ของผม 100 เท่า
ชีวิตของเอสนั้นจบลงที่มารีนฟอร์ด โดยพลเรือเอกอาคาอินุที่เป็นคนดับลมหายใจของเอสลง และนั่นคือจุดจบของการผจญภัยของลูกชายผู้สืบทอดสายเลือดราชาโจรสลัด "เอส หมัดอัคคี"
เรามักจะพบใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเขาได้ทุกครั้งเวลาที่จ้องมองไปที่หน้าของเขา แต่เบื้องหลังใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเหล่านั้น ภายในจิตใจของเขากลับคิดว่าตัวเองไม่สมควรเกิดมา เพียงเพราะเขาสืบทอดสายเลือดปีศาจ
เอสได้ลองไปถามคำถามว่า "ถ้าราชาโจรสลัดมีลูก เด็กคนนั้นจะเป็นอย่างไร" คำตอบที่ได้มานั้นเป็นไปในทางเชิงลบทั้้งสิ้น
ทำให้เอสอัดคนพวกนั้นจนไปนอนหยอดน้ำข้าวต้ม และทำให้เอสเก็บมาคิดว่า นี่เราสมควรเกิดมาจริงหรอๆ
ซึ่งจริงๆแล้ว เอสไม่ควรจะเก็บคำเหล่านั้นมาใส่ใจ เพราะคนที่รักและห่วงใยเอสอย่างลูฟี่กับซาโบ้ แล้วก็ดาดันรวมถึงปู่การ์ปก็ยังคงมีอยู่
แต่ในลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเอส เขาก็คิดได้แล้วว่าควรดีใจที่ตัวเองได้เกิดมา เพราะมีผู้คนมากมายที่พยายามจะมาช่วยเขาที่มารีนฟอร์ด
สิ่งที่เสียดายอย่างเดียวของเอสคือไม่ได้เห็นลูฟี่ที่จะก้าวไปถึงความฝันที่จะเป็นราชาโจรสลัด แต่ตัวลูฟี่เองก็คงหวังว่าเอสจะเฝ้ามองเขาเติบโตขึ้นอยู่ที่ไหนสักแห่งจากที่ไกลๆนั้น
นี่น่าจะเป็นบทความที่ยาวและใช้เวลาเขียนนานที่สุดเท่าที่ผมเคยเขียนมาเลย ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ผมก็ขอขอบคุณมากๆครับผม 😊
Photo by : มังงะตอนที่ 572
Admin_ซาโบ้
ฝากรับชมคลิปใหม่ของทางช่องยูทูบ Shandian ด้วยนะครับ^^
โฆษณา