โดยปัจจุบัน อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ทั้งปี 2019 คาดจะอยู่ที่ 1.1%หรือเทียบเท่า 4.4 แสนคน ของแรงงานทั้งหมดทีมีอยู่ราวๆ 40 ล้านคนทั้งประเทศ โดยที่ปลายปี 2018 มีอัตราการว่างงานเพียง 0.9% เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็น
ผลพวงของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และภาคการส่งออกไม่โต รวมทั้งที่บริษัทหันมาพึ่ง
เครื่องจักร และหุ่นยนต์ ในการมาแทนที่คน เพราะให้ประสิทธิภาพสูงกว่าและมีโอกาสผิดพลาดที่ต่ำมาก
อย่างเช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์ AI (Artificial Intelligent), Data mining, IoT (Internet of Thing) ฯลฯ นี้จึงน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขว่างงานเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน และเทรนก็ยังมีแนวโนมที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของบริษัทที่หันมาใช้กลยุทธ์
ทำงานด้วยเครื่องจักร (Capital Intensive) โดยในปีนี้ช่วงต้นปี พบว่ามีนักศึกษาจบใหม่ เข้ามาในระบบแรงงาน ประมาณ 5 แสนคน ( ปริญญาตรีสูงถึง 63%) และครึ่งหนึ่งของเด็กจบ ป.ตรี พบว่าเป็นสายสามัญ เช่น นักบัญชี เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งเป็นสายที่มีความต้องการต่ำ (Weak Demand) แต่มีคนหางานในสายเหล่านี้สูงมาก (Strong Supply) การแข็งขันของสายสามัญจึงสูงและเสี่ยงตกงานมากขึ้น (Excess Supply of Labour) จึงไม่แปลกใจว่าทำไม นักศึกษาจบใหม่เสี่ยงที่จะตกงานมาก
การตกงานจะเริ่มรุงแรงมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เพราะฉะนั้นแรงงานทุกคนต้อง อัพสกิลให้ตัวเอง หรือ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา หาอาชีพที่คนยังน้อย หรือ อาชีพที่ตลาดต้องการ ยกตัวอย่างเช่น วิชา Coding แอดมองว่าจะเป็นภาษาที่สาม ที่ทุกคนในอนาคตควรรู้เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีเพื่ออยู่ในโลกของ Technology disruption ให้ได้