10 พ.ย. 2019 เวลา 09:00 • สุขภาพ
ทำไมมนุษย์ถึงต้องมี”กรุ๊ปเลือด”ที่แตกต่างกัน?
ในปี 1900 นายแพทย์ชาวออสเตรีย คาร์ล แลนด์สไตเนอร์ (Karl Landsteiner) ได้ค้นพบระบบกรุ๊ปเลือด ABO เป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในเวลาต่อมา...
ในสมัยนั้นการให้เลือดแก่ผู้ป่วยยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากเลือดที่ให้มักตกตะกอนอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายสายเมื่อเลือดของผู้บริจาคเข้าผสมกับเลือดของผู้ป่วย และที่สำคัญก็คือทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการช็อครุนแรงได้บ่อยครั้ง
คาร์ลได้ศึกษาจนพบว่าเลือดของมนุษย์นั้นมีอยู่ 3 หมู่ นั่นก็คือ A, B และ O ต่อมาจึงมีการค้นพบหมู่ AB เพิ่มเติม หลังจากการค้นพบครั้งนี้ ทำให้การรักษาผู้ป่วยโดยการให้เลือดนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้จำนวนนับไม่ถ้วน แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่รู้ว่าหมู่เลือดที่ว่านั้นคืออะไร สิ่งใดทำให้เกิดหมู่เลือดที่แตกต่างกัน...
ต่อมาเมื่อมีการศึกษาที่ละเอียดมากขึ้น จึงพบว่าสิ่งที่ทำให้เลือดของมนุษย์มีหมู่ที่แตกต่างกันนั้นก็คือ...
”น้ำตาล”
“น้ำตาล”ที่ว่านี้ คือโมเลกุลน้ำตาลที่ยื่นออกมาจากผิวของเม็ดเลือดแดง เหมือนเป็น”ธง”ที่ปักเอาไว้ให้รู้ว่าเป็นเม็ดเลือดชนิดใด โดย...
หมู่เลือด A ก็แปลว่ามีน้ำตาลหรือธงชนิด A
หมู่เลือด B ก็แปลว่ามีน้ำตาลหรือธงชนิด B
หมู่เลือด AB ก็แปลว่ามีน้ำตาลหรือธงทั้งชนิด A และ B
หมู่เลือด O ก็แปลว่า”ไม่มี”น้ำตาลหรือธงชนิดอะไรเลย
ดังนั้นเม็ดเลือดแดงของมนุษย์จึงมีธงอยู่ 2 ชนิด โดยคนที่มีเม็ดเลือดที่ปักธงชนิดหนึ่ง ก็จะสร้างภูมิต้านทานเพื่อทำลายเม็ดเลือดที่ปักธงอีกชนิดหนึ่งเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าในร่างกายจะมีแต่หมู่เลือดชนิดที่เป็นของมันเท่านั้น เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ หมอจะอธิบายเรียงหมู่เลยแล้วกัน...
หมู่เลือด A
คนที่มีเม็ดเลือดแดงที่ปักธง A ก็จะสร้างภูมิต้านไว้ทำลายเม็ดเลือดที่ปักธง B
ทำให้คนหมู่เลือด A จะไม่สามารถรับเลือดจากผู้บริจาคคนใดที่มีเม็ดเลือดที่ปักธง B เอาไว้ ซึ่งนั่นก็คือ ผู้บริจาคที่มีหมู่เลือด B และ AB
หมู่เลือด B
คนที่มีเม็ดเลือดแดงที่ปักธง B ก็จะสร้างภูมิต้านไว้ทำลายเม็ดเลือดที่ปักธง A
ทำให้คนหมู่เลือด B จะไม่สามารถรับเลือดจากผู้บริจาคคนใดที่มีเม็ดเลือดที่ปักธง A เอาไว้ ซึ่งนั่นก็คือ ผู้บริจาคที่มีหมู่เลือด A และ AB
หมู่เลือด AB
คนที่มีเม็ดเลือดแดงที่ปักธงทั้ง A และ B ก็จะ”ไม่”สร้างภูมิต้านใดๆ เพราะถ้ามันสร้างขึ้นมา ภูมิต้านทานนั้นก็จะกลับไปทำลายเม็ดเลือดของตัวเองอย่างแน่นอน ไม่ธงใดก็ธงหนึ่ง เพราะเม็ดเลือดของคนกลุ่มนี้ดันปักธงเหมาไว้ทั้ง 2 ธงแล้ว!
ทำให้คนหมู่เลือด AB จะสามารถรับเลือดจากผู้บริจาคใดๆก็ได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล เพราะในร่างกายไม่มีภูมิต้านทานต่อธงใดๆ จึงถือว่าเป็นหมู่เลือดที่โชคดีที่สุด
หมู่เลือด O
คนที่มีเม็ดเลือดแดงที่ไม่ปักธงใดๆเลย ก็จะสร้างภูมิต้านทานต่อทั้งธง A และธง B เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะทำลายเม็ดเลือดที่มีธงได้ทุกชนิด และมีเพียงแต่เม็ดเลือดชนิดที่ไม่มีธงตามหมู่เลือด O เท่านั้น
ทำให้คนหมู่เลือด O จะไม่สามารถรับเลือดจากผู้บริจาคคนใดๆเลย เนื่องจากมันมีภูมิต้านทานเหมาต่อธงทั้ง 2 ชนิด โดยหมู่เลือดเดียวที่คนกลุ่มนี้สามารถรับได้ ก็คือเลือดหมู่ O ชนิดเดียวกันเท่านั้น จึงถือว่าเป็นหมู่เลือดที่โชคร้ายที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม แม้หมู่เลือดO จะรับเลือดจากผู้อื่นได้ยาก แต่หมู่เลือดนี้ถือเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง(Universal donor) เนื่องจากเม็ดเลือดไม่ปักธงฝักใฝ่ฝ่ายใด จึงสามารถให้เลือดใครก็ได้โดยไม่ต้องกลัวถูกทำลาย...
และนี่ก็คือระบบหมู่เลือด ABO ที่มีการค้นพบมาเป็นเวลานาน 100 กว่าปีแล้ว!
แต่คุณรู้หรือไม่ แม้ว่าผ่านมา 100 ปี พวกเราก็ยังไม่รู้ว่าหมู่เลือดนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ถ้าไม่มีหมู่เลือดเหล่านี้ การให้เลือดก็จะเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากขึ้นหลายเท่า!
ณ ปัจจุบันยังคงไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดจาก”การวิวัฒนาการ” เพียงแต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่าทำไมมันจึงต้องวิวัฒนาการมาในทิศทางนี้ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่หลักพันปีที่แล้ว
1
เมื่อดูจากสถิติประชากรโลกที่พบว่าคนยุโรป, เอเชีย และอเมริกาใต้ส่วนใหญ่นั้นมีหมู่เลือด A, B และ O ตามลำดับ จึงสันนิษฐานว่าหมู่เลือดนั้นเกิดจากการวิวัฒนาการมาจากพื้นที่ที่แตกต่างกัน เนื่องจากแต่ละพื้นที่ก็จะมีโรคต่างๆเช่นโรคติดเชื้อ โรคมะเร็งไม่เหมือนกัน หมู่เลือดจึงวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อต่อสู้หรือหลบเลี่ยงโรคเหล่านั้น อย่างเช่น หมู่เลือด A อาจไม่เหมาะต่อการมีชีวิตรอดในทวีปเอเชีย จึงมีวิวัฒนาการมาเป็นหมู่เลือด B แทนซึ่งทนต่อสภาพเเวดล้อมในเอเชียได้มากกว่า เป็นต้น
โดยเชื่อว่าหมู่เลือดที่เก่าแก่ที่สุดนั้นก็คือหมู่เลือด A ต่อมาจึงเกิดหมู่เลือดที่ผิดพลาดและขาดธง A ไปกลายเป็นหมู่เลือด O ต่อมาจึงเกิดการกลายพันธุ์จากธง A เป็นธง B และเกิดหมู่เลือด B ส่วนหมู่เลือด AB เกิดจากการมาอยู่รวมกันของประชากรหมู่เลือด A และ B
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมนุษย์วิวัฒนาการมาถึงจุดหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่"สมอง”จะเอาชนะธรรมชาติ มนุษย์ไม่จำเป็นต้องพึ่งวิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอดอีกต่อไป เพราะมนุษย์พัฒนาความรู้การแพทย์เพื่อนำมาใช้รักษาแทน จึงเป็นเวลานานมากแล้วที่หมู่เลือดนั้นหยุดวิวัฒนาการ และคงไว้แต่เพียงหมู่เลือด 4 กลุ่มนี้เท่านั้น (ความจริงยังมีหมู่เลือดยิบย่อยๆอื่นๆอีก แต่ขอไม่กล่าวถึงนะครับ)
ดังนั้นต้องบอกว่าปัจจุบันนี้หมู่เลือดนั้นไม่มีประโยชน์ใดๆต่อพวกเราอีกต่อไปนอกจากใช้ทำนายโชคชะตา ลักษณะนิสัยแค่นั้น:D
สุดท้ายนี้ ใครว่างๆก็หาเวลาไปบริจาคเลือดกันด้วย เลือดของคุณนั้นมีมากเกินจำเป็น แบ่งเอาไปใช้ช่วยชีวิตคนอื่นบ้าง...จะมีประโยชน์มากกว่านะครับ!
▶️#Healthstory - เรื่องสุขภาพ ง่ายนิดเดียว
อย่าลืมกดLike&Shareด้วยนะครับ^^
▶️ติดตามเรื่องราวสุขภาพดีๆจากปากหมออีกได้ที่
โฆษณา