8 พ.ย. 2019 เวลา 13:48 • กีฬา
#เชื่อมั่นในตัวเองกับไวจ์นาดุม
"ผมผ่านการเล่นมาเเล้วทุกตำเเหน่ง" ยอดกองกลางเเห่งลิเวอร์พูลได้เคยกล่าวเอาไว้
ชีวิตของเขาเริ่มต้นที่ สปาร์ต้า รอตเตอร์ดัม อคาเดมี่ ไวจ์นาดุมได้เล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า ทั้งในทีม U13 เเละ U14 เเละสามารถยิงประตูถล่มทลายให้กับสโมสร เเต่ดุมไม่ได้รู้สึกสนุกกับตำเเหน่งกองหน้าเลย เพราะในหัวเขาคิดว่าเขาคือกองกลางเท่านั้น
ดุม รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ย้ายมาเล่นที่ เฟเยนูร์ด ในฐานะจอมทัพเบอร์ 10 เเละได้ลงเล่นในตำเเหน่ง เซนเตอร์เเบ๊ค , มิดฟิลด์ , ปีกขวา , ปีกซ้าย แต่ส่วนมากเขาก็ได้เล่นในตำเเหน่ง ปีกขวา ซึ่งเขามีความสุขเเต่ไม่ได้สุขที่สุด ในเมื่อตำเเหน่งที่เขาต้องการคือกองกลาง
เเม้เขาทำมันได้ดีเเละเเจ้งเกิดในตำเเหน่งปีกขวากับเฟเยนูร์ด ดุมรู้ตัวดีว่าเขาเล่นกองกลางได้ดีที่สุด เเต่เหล่าโค้ชเเละสต๊าฟก็จับเขาเล่นในตำเเหน่งปีก
.
จน ดุมอายุได้ 20ปี เฟเยนูร์ดได้มีโค้ชใหม่นามว่า มาริโอ บีน ซึ่งเขารับฟังถึงปัญหาของ ดุม เรื่องความต้องการเล่นในตำเเหน่งกองกลางเบอร์ 10 ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของดุม เพราะ มาริโอ บีน ได้ให้โอกาส ดุม เเละพัฒนาให้ดุมเล่นตำเเหน่งกองกลางจริงๆ
.
ในปี 2011 ไวจ์นาดุมได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสร พีเอสวี เขาได้รับตำเเหน่งกองกลางตัวรับฝั่งขวา เขาเลี้ยงบอลได้ดี แต่สต๊าฟโค้ชทุกคนกลับตำหนิดุม เนื่องจากพวกเขาต้องการเกมเร็ว ผู้จัดการทีมพีเอสวี เฟรด รูทเท่น ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจดุม เเละ ยังคงพัฒนาดุมให้เป็นกองกลางเบอร์ 10
เฟรด รูทเท่น ถือว่าเป็นคนที่พัฒนาวิธีการเลี้ยงบอลเพื่อดึงประสิทธิภาพของการเล่นกองกลางเบอร์ 10 ให้ออกมาได้มากที่สุด
.
หลังจากย้ายเข้ามาใน พีเอสวี ดุมได้ติดทีมชาติฮอลเเลนด์ไปโดยปริยาย โดยผู้จัดการทีมในตอนนั้นคือ หลุยส์ ฟานกัล แต่ดุมก็มีอาการเจ็บหลังติดตัว เเละ ฝืนเล่นจนเกิดอาการบาดเจ็บ ต้องพักไป 7 เดือน
หลังจากหายกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ดุมพยายามเเสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ ในการซ้อมกับพีเอสวี เขาฝึกอย่างหนักเพื่อที่จะได้ถูกเรียกติดทีมชาติอีกครั้ง เเละเขาก็ได้ถูกเรียกจริงๆก่อนฟุตบอลโลก 2014 จะเริ่ม 4 สัปดาห์
ไวจ์นาดุม เรียนรู้เเทคติกต่างๆ หลุยส์ ฟานกัล มากมายเเละได้ลงเล่นกับทีมชาติฮอลเเลนด์ในกองกลางตัวรับฝั่งขวา ซึ่งดุมก็ยังเเสดงความต้องการที่จะเล่นในตำเเหน่งกองกลางเบอร์ 10
เเต่มีเพียง เดเล บลินท์ คนเดียวในตอนนั้นที่เชื่อว่า ไวจ์นาดุม สามารถเล่นตำเเหน่งนั้นได้
เมื่อ ไวจ์นาดุม กลับจากการเล่นบอลโลก เขาได้กลับมาเล่นให้กับพีเอสวี ด้วยความมั่นใจที่มากขึ้น เเละ เล่นได้ดีขึ้นกว่าเก่า เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายในศึกบอลโลก ทั้งจากสต๊าฟโค้ช เเละ ยอดนักเตะมากมาย
.
การย้ายทีมเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด โดยราฟาเอล เบนิเตส ได้มอบหมายให้เข้าเล่นในตำเเหน่งกองกลางเบอร์ 8 เเละ เบอร์ 6 โดยราฟาถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่สามารถดึงศักยภาพของ ไวจ์นาดุม ให้เปล่งประกายขึ้นอีก โดยในปีนั้น ไวจ์นาดุม ซัดประตูได้ถึง 11 ประตูกับนิวคาสเซิล
ในปี 2016 ไวจ์นาดุมได้ย้าจมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในตำเเหน่ง เซนเตอร์เเบ๊ค โดยในตอนนั้นกลางลิเวอร์พูล มีทั้ง เฮนโด้ , เอมเร่ ชาน , เควิน สจ๊วต เป็นกองกลางเบอร์ 6 อยู่เเล้ว
เหตุฉุกเฉินในกองหลัง ดุมได้ถูกเล่นในตำเเหน่งกองหลัง ในเกมกับไบร์ทตัน ซึ่งทำออกมาได้ดี แต่ดุมไม่ได้ชอบตำเเหน่งนั้นเท่าไรนัก ในตอนนั้นตำเเหน่งที่เขาต้องการคือตำเเหน่งของ เอมเร่ ชาน เเต่เขารู้ตัวว่าเขายังไม่สามารถเบียดในตำเเหน่งนั้นได้
หลังจากการย้ายออกของ เอมเร่ ชาน ทำให้กองกลางของลิเวอร์พูลมีพื้นที่เพิ่มมาอีกหนึ่งตำเเหน่ง โดยเป็น เฮนโด้ ย้ายมาเล่นในตำเเหน่ง เอมเร่ ชาน ซึ่งปัจจุบันเป็น ฟาบินโญ่ เเละ ทำให้ ไวจ์นาดุม ได้มีโอกาสขึ้นมาเล่นกองกลางจริงๆซักที
จุดเเข็งของไวจ์นาดุม คือการเล่นมาเเล้วหลายตำเเหน่ง เเละมีทักษะการเลี้ยงบอลที่สูงมาก เขาพัฒนาขึ้นอย่างมากใน ซีซั่น 2018/19 เขาทำประตูได้มากขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมรุกของลิเวอร์พูล รวมไปถึงการครองบอลที่โคตรเหนียว เเละเป็นหนึ่งในกุญเเจสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูล คว้าเเชมป์ ยูฟ่า สมัยที่ 6
"ไม่ว่าใครจะเปลี่ยนตำเเหน่งการเล่นของผมสักกี่ครั้ง ผมก็ยังเชื่อว่าผมเกิดมาเพื่อเป็นกองกลางอยู่ดี"
-จอร์นิจิโญ่ ไวจ์นาดุม-
#AnfieldGenius
ติดตามการอัพเดทข่าวสารต่างๆ รวดเร็ว ถูกต้อง เเม่นยำ รวมไปถึงบทความดีดี ได้ที่ Facebook: Anfield Genius
โฆษณา