เช่น บริษัท A เคยทำ Tender Offer และครอบงำกิจการ Y ด้วยราคาสูงสุด ณ ตอนนั้นที่ 40 บาทต่อหุ้น รวมถือหุ้นจำนวนเกิน 50 % กิจการทั้งหมดของ Y จึงเป็นของบริษัท A แต่มี บริษัท B โผล่ขึ้นมาตกลงกับบริษัท A อีกว่าจะเข้ามาทำ Tender Offer กับบริษัท A ที่ได้กิจการ Y ทั้งหมดไปแล้ว เพราะฉะนั้น บริษัท B ต้อง Tender Offer โดยทำการซื้อหุ้นจากบริษัท A และผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมด ที่ราคาเดียวกับ บริษัท A ที่เคยซื้อหุ้นของกิจการ Y ด้วยราคาที่ 40 บาทต่อหุ้น
โดยหุ้นของกิจการ Y ก่อนถูกประกาศเทคโอเวอร์อาจอยู่ที่ 30 บาทต่อหุ้น ไม่นานหุ้นจะสะท้อนข่าวและปรับขึ้นทันที
หลังจากประกาศข่าวเทคโอเวอร์ของบริษัท B ดร.นิเวศน์ จะสังเกตปริมาณการซื้อขาย วิเคราห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของกิจการ Y หุ้นอาจสะท้อนและขึ้นไปที่ 36 บาทต่อหุ้นแล้ว แต่เขาเห็นว่ายังอยู่ในวิสัยที่จะ “ตีแตก” อยู่ เพราะเมื่อซื้อหุ้นที่ 36 บาทและขายให้กับบริษัท B ที่จะทำ Tender Offer ในราคาหุ้นละ 40 บาท ก็เท่ากับว่าจะได้กำไรประมาณ 11 % โดยไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย