10 พ.ย. 2019 เวลา 08:36 • ปรัชญา
เห็นด้วยครับ ผมไม่เห็นด้วยกับการปิดเร็วมานานแล้ว #เอาไปเป็นหัวข้อทำวิจัยได้นะ
หากลองมองดูข้อมูลทางสถิติจะเห็นว่าจำนวนของเด็กที่ท้องก่อนวัย ยาเสพติดและ อาชญากรรม เพิ่มมากขึ้นเรื่อยเรื่อยนับตั้งแต่มีการปิดสถานที่บันเทิงตั้งแต่หัววัน
เหตุผลเพราะ เวลาวันรุ่นออกไปเที่ยว ถึงแม้สถานที่เหล่านี้จะปิดเร็ว แต่พวกเขาไม่ได้กลับบ้านเร็ว แต่อยู่ต่อกับเพื่อนๆ ไปซ่องสุม สมสู่และเสพติด ส่วนมากคือจะไปต่อที่บ้านใครในกลุ่ม เล่นการพนัน แล้วก็สั่งยาเสพติดมา มีการเตรียมการล่วงหน้าไว้แล้วว่า จะไปบ้านใครต่อ เตรียมเครื่องดื่มไว้พร้อม หากจะดื่มจะเมา ก็ดื่มได้ทันทีเพราะไม่ใช่การดื่มในสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นการดื่มในบ้านของเพื่อน จึงเมาหัวราน้ำได้ สามารถวางยาเพื่อนผู้หญิงได้โดยไม่ต้องคิดกลัวเนื่องจากพาเข้าห้องได้เลย ... ก็ถ้าคุณคิดเรียกสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนว่า ที่อโคจร ในเมื่อมันไม่ที่ที่อโคจรให้ไปตลอดคืน คนก็จะเปลี่ยนบ้าน เปลี่ยนโรงแรมมาเป็นที่อโคจรนั่นเอง แล้วมันจะมีกี่บ้านล่ะ จำนวนบ้านในประเทศไทย
ต่างกับสมัยก่อนที่ วัยรุ่นก็พากันไปเต้นสนุก อวดสวยอวดหล่อกันในสถานที่ จิบเหล้าแต่พอบางๆ ถึงแม้จะมีเหล่ มองจีบกัน แต่ก็ไม่ได้เตรียมไปหาสถานที่ไหนต่อ เพราะอยู่กันก็เกือบจะเช้าแล้ว เพราะบรรยากาศแอร์เย็นๆ เพลงมันๆ ได้รู้จักได้เจอผู้คนที่รู้จักและเพื่อนใหม่ มันเพลิดเพลิน คนส่วนมากจึงใช้เวลาอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวจนถึงเช้ากันมาเป็น 100 ปี ส่วนมากถ้าจะจีบกันต่อ ก็ต้องไปเจอ ไปทำความรู้จักกันตอนกลางวัน ตามวิถีการปิดดีลตรททำนองคลองธรรม ... แต่อย่างในปัจจุบัน ถ้าชอบกันปุ้บ ก็ต้องมีไปต่อกันปั้บได้ทันที อารมณ์มันค้าง ต้องหาที่คุยต่อ
สำหรับคนทั่วไป การมีสถานที่ท่องเที่ยว มันเป็นโอกาสให้คนได้สังสรรค์กัน เนื่องจากกว่าจะทานข้าวดึกก็สามสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือนักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาถึงไทย ก็สามารถไปเที่ยวกันได้ทันที รายได้ตรงนี้ มหาศาล ปีนึงเป็นแสนๆล้าน มันควรเข้ามาอยู่ในระบบ เพราะที่ผ่านมา ยังไงก็แจ้งประเภทประกอบการกันผิดอยู่แล้ว ไปแจ้งเป็นร้านอาหารแต่ทำเป็น สถานที่ท่องเที่ยวมีการร้องรำทำเพลงแล้วขายเหล้ากันทั้งประเทศกันมาเกือบศตวรรษ ถ้ารอบนี้ทำเป็นโซนนิ่งก็ดี จะได้เหลือแต่ร้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย
มันมีผลดีทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ภาครัฐก็ควบคุมได้ง่ายกว่า (ยิ่งในยุคทหาร) ถ้าให้สรุปรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นคือ:
(1) รายได้การขายเครื่องดื่มทุกประเภท 🥤
(2) รายได้จากการขายอาหาร 🥘 (วัตถุดิบที่ต้องไปจับจ่ายจากตลาด) คิดต้องขายทั้งในสถานที่และนอกสถานที่บริการ
(3) มีการจ้างพ่อครัวแม่ครัว ลูกมือ และพนักงานเสิร์ฟมากขึ้น
(4) ความต่อเนื่องของคนที่กลับเร็วและแวะรับประทานอาหารที่เยาวราช และทุกตลาด
(5) ความขยันขันแข็งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
(6) ธุรกิจการขับรถหรือรับส่งรถ รายได้ของแท็กซี่และรายได้ของ Grab
(7) รายได้จากการสร้างที่จอดรถเพิ่มขึ้น
(8) รายได้จาก การจ้างงานสถาปนิก มัณฑนากร และบุคลากรในการก่อสร้างทั้งระบบ ในการเปลี่ยนแปลงต่อเติมและสร้างสถานที่บริการใหม่
(9) รายได้จากการ ซื้อขายในห้างสรรพสินค้าเพราะว่าจะมีการออกเดทไปเที่ยวกันมากขึ้น ผู้ประกอบการรายเล็กรายใหญ่อยู่รอดหมด
(10) มีคนกลับไปดูหนังในโรงภาพยนตร์มากขึ้น เพราะจะมีคนออกเดทมากขึ้นเนื่องจากอารมณ์ต่อเนื่องจากการไปเจอกันที่ผับหรือคลับในวันต่อๆมา (จากที่ ณ ปัจจุบันนี้ ต้องออกจากสถานที่ท่องเที่ยวตอนเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง แล้วไปหาที่ล้วงกันต่อเลย) ... ในมุมกลับกัน ในคืนที่ควรจะต้องไปเที่ยวกลางคืน คนจะหันไปดูหนังฆ่าเวลาเพื่อรอเพื่อน .. เมื่อคนดูหนังมากขึ้นก็จะมีความต้องการดูหนังไทยมากขึ้นไปด้วย จะมีการสร้างหนังสร้างงานเพิ่มสำหรับภาพยนตร์ไทย นักศึกษาระดับปริญญาตรีจะกลับมาดูภาพยนตร์ไทยมากขึ้น
(11) คนที่ชอบไปเที่ยวสถานที่บริการจนเช้าบ่อยๆ ก็จะมีโอกาสทำบุญใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์บ่อยขึ้นในตอนเช้า
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่จินตนาการของผม แต่มันคืออุสาหกรรมต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเฟื่องฟูในยุคปีพ.ศ. 2524 จนถึงปีที่ถูกสั่งปิด (เนื่องจากบุตรชายของนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งไปถูกรุมทำรัายที่ RCA ท่านนายกฯจึงเสนอกฎนี้ออกมา และใช้กันเรื่อยมาถึงปัจจุบัน บัดนี้ นายกท่านนั้นได้ล่วงลับไปแล้ว ก็สมควรนำกฎเดิมมาใช้ใหม่)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา