10 พ.ย. 2019 เวลา 09:36
ไปอยู่จีน ขนาดมี Supermarket อยู่ใต้ที่พัก ยังไม่สามารถได้ตังค์ ทีน่าเลยค่ะ!😂
วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์การซื้อของกินของใช้ตอนที่อยู่ที่จีนให้ฟังจ้ะ แต่ก่อนอื่นเลยคงต้องเล่าย้อนไปถึงตอนที่เรามาถึงจีนใหม่ๆและพยายามหาที่พักระยะยาว เราก็พยายามจะหาสถานที่ ที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ใกล้ที่พักที่สุด เพราะเวลาขาดเหลืออะไรก็จะได้ไปซื้อได้ง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาวและหิมะตก คงไม่มีใครอยากเดินตากหิมะหรือตากฝนในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บออกไปซื้อกับข้าวแน่นอน สุดท้ายมารู้ตัวอีกทีก็แพ้ใจตัวเองและพบว่าในช่วงฤดูหนาวเรากินมาม่า หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารหลักไปแล้ว
ซึ่งก็ต้องบอกว่าโชคดีที่ได้อพาร์ทเม้นท์ที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในตึกเดียวกันเลยทำให้ไม่ต้องออกไปเผชิญอากาศอันเลวร้ายข้างนอกเลย แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งปีครึ่ง เราก็พบว่าเราได้ใช้บริการซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น!
เพราะหลังจากที่ใช้ชีวิตที่ประเทศจีนไปซักพักเราก็เริ่มรู้จักการใช้ APP สั่งของซึ่งสะดวกสบายมากๆ เอาเป็นว่าสมมติว่าเช้าวันหนึ่งทีน่าอยากกินซีเรียลและนมหมด ทีน่าจะไม่ลงมาซื้อนมในซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างล่าง แต่ทีน่าจะกดสั่งใน APP และของจะมาส่งภายในครึ่งชั่วโมง ซึ่งกว่าทีน่าจะแปรงฟัน แต่งตัวเสร็จของก็จะมาส่งพอดี ทำให้ไม่อยากเสียเวลาเดินลงไปซื้อของซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างด้วยซ้ำ
ณ เวลานั้นทำให้ทีน่าต้องมาคิดใหม่เลยว่า คำพูดที่เราเคยได้ยินกันว่า “Location is everything” อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะร้านนี้ขนาดอยู่ใต้ตึกแท้ๆ ยอมจ่ายค่าเช่าเพื่อให้อยู่ติดกับชุมชนเลย อาจจะขายสู้ร้านที่ไม่ได้อยู่ติดชุมชนเลย แถมอยู่ห่างออกไปอีกสามกิโลเมตรไม่ได้
อย่างที่เห็นในคลิปนี้ค่ะ ว่าการกดสั่งซื้อของใช้ ของกินเหล่านี้มันง่ายและสะดวกกว่าแบบสุดๆ แค่เปิด App ของ Super (หรือช่วงหลังๆ ก็จะมี App ที่เป็น Platform ที่รวมหลายๆ Super และ ร้านค้าเข้ามาให้เรากดเลือกซื้อ เทียบโปรโมชั่นมากมาย ให้บริการมากขึ้นด้วย เรียกว่าแข่งขันกันดุเดือดทีเดียว )
1
แล้วใน App ก็จะมีหน้าตาเหมือนย่อทั้งซุปเปอร์มาร์เกตมาอยู่ในมือเรา มีทั้งหน้าแรกที่เป็นโปรโมชั่นเด็ด หรือจะพุ่งตรงไปที่ช่อง Search เพื่อค้นหาสินค้า หรืออยากจะซื้อสินค้าประเภทไหน ก็เข้าไปกดดูประเภทของสินค้าที่แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ของสด ของแห้ง นม น้ำผลไม้ ขนม อย่างทีน่าก็จะใช้วิธีนี้ เพราะ รู้ว่าอยากซื้ออะไร แต่ไม่ยึดติดยี่ห้อนะคะ ยี่ห้อมีโปรโมชั่นเด็ด ก็พร้อมปันใจ หรือมีอะไรมาใหม่ๆ ก็พร้อมลอง 55
หรือว่าอีกแบบก็คือ App จะเก็บข้อมูลของที่เราซื้อประจำ หรือ ซื้อไปคราวก่อนหน้าไว้ให้เลือกด้วย สำหรับใครที่ไม่อยากมานั่งเลือกชอปอีกที ก็แค่กดว่าจะซื้อเหมือนเดิมที่คราวก่อนซื้อ เพิ่มลดจำนวน แล้วกด Confirm การสั่งซื้อ ระบบก็จำคำนวณว่าของที่เราซื้อรอบนี้ ทั้งหมดน้ำหนักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่ทีน่าใช้บริการประจำจะไม่คิดค่าส่งสำหรับ 10 KG แรก และขั้นต่ำมูลค่าเงินในการสั่งซื้อก็ไม่สูงมาก เราเลยสามารถใช้วิธีแยกสั่งไม่ให้เกินน้ำหนักที่กำหนดจะได้ไม่ต้องเสียค่าส่งได้
แล้วเราก็เลือกเวลาในการจัดส่งก็ได้ ถ้าอยากให้ส่งทันทีก็จะมาถึงภายในครึ่งชั่วโมง หรืออยากให้มาส่งตอนไหนที่เราสะดวกก็เลือกเวลาได้เหมือนกัน เลือกเรียบร้อย ระบบก็จะตัดเงินจาก Alipay หรือ E-Wallet อื่นๆของเราทันที
ซึ่งแน่นอนว่านอกจากความสะดวกสบายสำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆแล้ว App พวกนี้มันก็ตามเก็บ Data เราไปด้วย ว่าเราชอบซื้อสินค้าประเภทไหน ที่ซื้อส่วนใหญ่เพราะโปรโมชั่นแบบไหน ครั้งต่อไปก็จะมีโปรโมชั่นส่งตรงมากระตุ้นเราทั้งทาง Notification ใน App และส่ง SMS ทางมือถือ เผื่อเราปิดการแจ้งเตือน
ต้องบอกว่าหลายครั้งที่ทีน่าย้ายไปสั่งซื้อของจ่ายค่ายอื่น เพราะ โปรโมชั่นดีกว่า App เดิมที่เคยใช้ประจำก็จะส่งโปรโมชั่นส่วนลดมากมาย ทั้งส่วนลดเงินสด ค่าส่งฟรี หรือ ของที่เราซื้อบ่อยๆอ่ะ ตอนนี้ลดราคาแล้วนะ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เรากลับไปซื้อของใน App เขา นี่แหละพลังของ Big Data ที่บรรดาร้านค้าสามารถเอามาประมวลผลแย่งลูกค้ากันไปมา ได้อย่างเมามันส์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าด้วยวิธีทำโปรโมชั่นแบบนี้ ทำให้ส่วนใหญ่ทีน่าสั่งของกินของใช้จาก Online แล้วให้มาส่งแบบนี้ จ่ายเงินถูกกว่า ไปซื้อของ แบกเองกลับบ้านซะอีกค่ะ
1
คำถามก็คือ ถ้าเราซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบายแบบสั่งมาถึงบ้านแบบนี้ บรรดาซุปเปอร์มาร์เก็ตดั้งเดิมเอง จะมีการปรับตัวกันอย่างไรบ้าง และบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จะลงมาร่วมเล่นเกมส์นี้ในแง่มุมไหนกันบ้าง เดี๋ยวซีรีย์หลังจากนี้ ซึ่งจะออกมาหลายตอน จะหาคำตอบมาฝากกัน ฝากติดตามกันได้ ใน Made in Tena นะคะ
1
โฆษณา