รู้ทันเจ้ามือ : 5 ขั้นตอนการปั่นหุ้น
การปั่นหุ้นนั้นได้ถูกทำมาในทุกยุคทุกสมัยนับแต่มีตลาดหุ้นมา โดยเฉพาะหุ้นที่มีขนาดไม่ใหญ่ หรือที่มี Market Cap. ไม่มากขนาดไม่กี่พันล้านบาท จะทำให้การทำราคาหุ้นสามารถทำได้ง่าย สร้างผลประโยชน์ส่วนตัวแก่นักลงทุนรายใหญ่ ในขณะเดียวกันก็สร้างความเจ็บปวดไม่น้อยให้กับบรรดานักลงทุนรายย่อยๆหรือเม่าน้อยที่หลงเข้ากองไฟไป...
บทความนี้จะขอพาเพื่อนๆ นักลงทุนรุ่นใหม่ ทุกคนลองมาดูวิธีการปั่นหุ้นที่บรรดาขาใหญ่ใช้กัน ไว้เพื่อเป็นจุดสังเกตและปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดในตลาดหุ้นต่อไปได้
วิธีการปั่นหุ้น
1. Market Capitalization ต่ำ จะได้ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการทำราคา
2. มีราคาต่อหุ้นต่ำ หากต่ำกว่า 10 บาทยิ่งดี เพราะหากราคาไล่มาจาก 4 บาท ถึง 8 บาท นักลงทุนก็ยังรู้สึกไม่แพง
3. เป็นหุ้นที่กองทุนไม่เล่น เพราะหากมีกองทุนถืออยู่ คนทำราคาจะทำราคาลำบาก แต่หุ้นจะต้องมีพื้นฐานบ้าง หรือไม่ก็จะต้อง มีข่าวที่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้นักลงทุนเชื่อได้ว่าราคาหุ้นจะพุ่งสูงขึ้น
ขั้นตอนในการปั่นหุ้น
1. การเลือกหุ้น และสืบว่ามีใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่บ้าง สัดส่วนการถือหุ้นเป็นอย่างไร บางครั้งจะต้องเข้าไปคุยกับเจ้าของหุ้นด้วยเพื่อป้องกันการทิ้งหุ้นใส่หรือเข้ามาป้องกันการทำราคากลายเป็นมีเจ้า 2 คนสู้กัน !!
2. กระจายเปิดพอร์ตการลงทุน โดยส่วนมากจะเปิดพอร์ตไว้ 4-5 โบรคเกอร์ ในชื่อที่แตกต่างกัน มักใช้ชื่อคนไม่รู้จัก แต่สามารถไว้ใจกันได้ เพื่อป้องกันการโยงมาถึงตัวเอง และเพื่อเลี่ยงการถือหุ้นเกิน 5% เพื่อที่จะไม่ต้องรายงานกับให้ กลต. ทราบ !!
3. เริ่มเก็บหุ้น ให้เริ่มเก็บตั้งแต่หุ้นยังไม่เป็นที่สนใจของใครซึ่งทำให้มีเวลาเก็บนาน แต่ไม่ทำให้เสียราคา หากคนปั่นรู้ว่ากำลังจะมีข่าวดี เช่น ผลประกอบการ การซื้อกิจการ แจกวอร์แรนท์ ซึ่งกรณีนี้คนปั่นจะมีเวลาเก็บของไม่มาก วิธีที่ใช้จะเป็นการกดราคาหุ้น เทขายหุ้นจำนวนมากให้กับพวกเดียวกัน ให้รายย่อยตกใจขายหุ้นออกมา การเก็บหุ้นลักษณะนี้คนปั่นจะคอยทุบราคาไม่ให้หุ้นขึ้นเกิน 10% เพราะจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ใช้เวลาเพียง ไม่เกินสัปดาห์ก็จะได้หุ้นครบตามต้องการ
4. การไล่ราคา จะต้องหาเวลาที่เหมาะสม เพราะหากจังหวะไม่ดีรายย่อยจะขายหุ้นออกมาเมื่อราคาหุ้นสูงขึ้น มีข่าวดีหรือเหตุผลที่ฟังดูน่าเชื่อถือรายย่อยก็จะยังถือหุ้นไว้อยู่ กว่าจะรู้ตัวคนทำราคาก็ได้ขายหุ้นไปหมดแล้ว การไล่ซื้อจะทำโดยการเคาะซื้อครั้งละมากๆ ที่ Offer จากนั้นจะเอาหุ้นมายันที่ Bid เมื่อหุ้นขึ้นไประยะหนึ่งจะหยุด เพื่อให้รายย่อยขายออกมา หลังจากรายย่อยขายหมดแล้ว รายใหญ่จะทำราคาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ประมาณ 30% แต่หาก sentiment ของตลาดดี อาจดันไปได้เกือบ 100%
การสังเกตจึงต้องอาศัยการดู Bid – Offer เอง เช่น มีการไล่ราคาแรงๆ ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นมากๆ วิธีการเล่นของเหาฉลามอย่างเรา คือ ให้สังเกตปริมาณซื้อขาย หากปริมาณซื้อขายน้อยให้ซื้อตาม หากปริมาณซื้อขายมาก ให้ขาย เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงมากให้รีบขาย ก่อนที่ข่าวดีจะประกาศออกมา จังหวะที่ใช้ในการปั่นหุ้น มักหนีไม่พ้น 3 ประการนี้ คือ ภาวะตลาดเริ่มเป็นขาขึ้น กราฟเทคนิคเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น ข่าวลือเรื่องการ Turn around
5. จบรอบ กระจายหุ้นออกจากมือ เมื่อหุ้นขึ้นมาจนพอใจแล้ว จะเป็นช่วงทยอยปล่อยของออก ซึ่งเป็นช่วงที่ยากที่สุดของการปั่นหุ้น หากรายย่อยจับทางได้ หรือ ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง จะทำให้คนปั่นติดดอยเองได้ การปล่อยของจะเริ่มจากการดันราคาขึ้นอีกเล็กน้อย และทำเหมือนเดิม คือ ซื้อยกแถวแล้วตั้ง Bid ยันไว้ เมื่อมีคนเข้ามาซื้อกันจะถอน Bid ออก จังหวะนี้จะมีบทวิเคราะห์ออก ประกาศข่าวดี ทำให้มีรายย่อยเข้ามาซื้อขายมากขึ้น เมื่อมีคนเข้ามาซื้อขายมากพอ รายใหญ่ก็จะปล่อยหุ้นออกเรื่อยๆจนหมด เมื่อรายใหญ่หยุดทำราคาหุ้นก็ไม่สามารถขึ้นได้เหมือนเดิม ออกจะตึงๆ รายย่อยจึงเริ่มแย่งกันขาย ทำให้ราคาตกลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นการจบเกมส์
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างวิธีการและขั้นตอนการปั่นหุ้นของเจ้ามือรายใหญ่ แม้ กลต. จะมีมาตการป้องกันมากมาย แต่วิธีการปั่นหุ้นใหม่ๆ ได้ถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนมือใหม่ในตลาดหุ้น ที่กำลังหลงเสน่ห์หุ้นปั่นเข้าไป ซึ่งถ้าสามารถจับจังหวะเข้าออกได้ทันเวลาก็จะสามารถให้กำไรได้อย่างงดงามเช่นเดียวกัน แต่ถ้าไม่่ทันเจ้ามือก็สามารถทำให้พอร์ตพังได้เช่นกัน ดังนั้นควรต้องตัดสินใจการลงทุนอย่างรอบคอบ ประเมินผลตอบแทนและความเสี่ยงที่จะตามมาด้วย
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ : คัมภีร์หุ้น
>>ขอกำลังใจให้ 1 ไลค์ 1 แชร์นำสิ่งดีๆแบบนี้อีกนะครับ
สนใจเรียนรู้เรื่องการลงทุน..แอดมาเลยครับ
Line ID: @Bestcom (มีตัว @ ด้วยนะครับ)
- 108
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
