14 พ.ย. 2019 เวลา 13:52 • ธุรกิจ
ทำไมคนรวยหรือมหาเศรษฐีจึงขี้เหนียวหรือหวงเงินกว่าคนทั่วไป
บทความนี้ไม่ได้จะมาพูดว่าเป็นเพราะคนรวยเค้าขยัน เค้ามีความตระหนี่ ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย เค้าจึงร่ำรวยมาจนทุกวันนี้ ... เพราะจริตเหล่านี้มันเป็นของรุ่นแรกไม่ใช่รุ่นสองและรุ่นสาม
บางครั้งเราเห็นคนรวยขี้เหนียว ไปกินที่ไหนก็ไม่ค่อยควัก ทำเป็นควักช้า แล้วขอยืมเงินแค่นิดหน่อยก็ไม่ให้ ... ขอบอกได้เลยว่ามหาเศรษฐีอาจจะมีเงินจริงแต่แต่ละอย่างนั้นต้องพึ่งการลงทุนการหมุนเวียนเงินทุนมหาศาล ดังนั้นถ้าจะให้เหลือกำไรที่จะมาใช้จ่ายเล่นเล่นสนุกสนุกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เช่น มีธุรกิจบางอย่างต้องลงทุนเป็นพันล้านแต่กำไรอาจจะสัก 200 ล้านบาท ... และบางครั้งมันก็จะมีรอบเงินที่จะแบ่งภายในครอบครัวภายในตระกูล
1
พวกเขาอาจจะร่ำรวยมหาศาลแต่เขาก็มีทั้งธุรกิจที่ได้กำไรมาก กำไรปานกลาง กำไรน้อยและขาดทุนจนถึงขาดทุนมากๆ เช่น บางครั้งเศรษฐี ก็อาจมีธุรกิจเล็กๆที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าทีโน้นนี้นั้นโน้นเดือนละห้าถึง 10 ล้านบาท ถ้าได้กำไรน้อย หรือเงินหมุนเวียนมาเพียงเดือนละแปดล้านบาทก็คือเค้าติดลบอีกเดือนละถึงสองล้านบาท
จริงอยู่ว่าเค้าอาจจะได้กำไรจากธุรกิจอื่นๆแต่มันก็มีความกังวลว่าธุรกิจนี้ขาดทุนอยู่ทุกเดือนๆละสองล้านบาทดังนั้นการที่คุณจะไปขอยืมเงินเขาหลายหมื่นหรือเป็นหลักแสนบาท มันก็เป็นเรื่องที่ยากเพราะถือว่าเป็นเงินที่ถือว่ามากแล้ว เพราะแทนที่เค้าจะเอาเงินมาให้คุณยืม ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้คืนเมื่อไหร่ สู้เค้าเอาเงินตรงนั้นไปหักล้างค่าใช่จ่ายที่พวกเขาขาดทุนหรือหนี้ที่เขามีอยู่ไม่ดีกว่าหรือ
1
ดังนั้นเวลาคุณเห็นเศรษฐีซื้อรถแพงแพง ซื้อคอนโดหรูๆ ส่วนมากจะเป็นเงินกงสีหรือเป็นสินทรัพย์ของบริษัททั้งสิ้น แต่เค้าต้องทำรวยอวดสังคมเพราะเป็นกระบวนการของการพีอาร์ประชาสัมพันธ์ให้คนรอบข้าง ลูกค้า คู่ค้าและนักลงทุนยังมีความมั่นใจที่จะทำธุรกิจต่อกับพวกเขา
ถ้าเราเป็นคนจน ต้นทุนทางสังคมของเราไม่ได้สูงเท่าพวกเขา พวกเขามีงานผักชีที่ต้องใช้เงินอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
คนรวยไม่มาช่วยคนจนหรอกครับ
มีแต่คนจนด้วยกันแหละที่ช่วยกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา