18 พ.ย. 2019 เวลา 11:35 • นิยาย เรื่องสั้น

“สัตว์”

แสงตะวันสุดท้ายของวันกำลังจะลับเหลี่ยมเขาแล้ว ผมยันกายลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง ยี่สิบกว่าปีแล้วที่ผมมาอาศัยอยู่ที่นี่ จากชายหนุ่มร่อนเร่ไร้บ้าน ที่หนีหัวซุกหัวซุนจากการตามล่าอย่างไม่ลดละ ผมตะลอนรอนแรมข้ามหุบเขานับสิบจนได้มาเจอหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ในซอกหลืบของขุนเขา
“อามี่ม๊ะ” คือผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักและเลือกที่จะฝากชีวิตไว้กับเธอ เธอเป็นลูกสาวคนโตของหัวหน้าเผ่าลีซอ
“อาเบ้ผะ” ลูกชายเพียงคนเดียวของเราทั้งสองคน บัดนี้กลายเป็นหนุ่มแน่นเต็มตัวด้วยวัยยี่สิบปี
ผมลุกขึ้นยืนมองเจ้าลูกชายจากยอดเนิน เจ้า "อาเบ้ผะ" ประคอง “หวู่ม๊ะ” คนรักของเขาหรือว่าที่ลูกสะใภ้ผม เดินหายเข้าไปในกระท่อมบริเวณท้ายไร่ชาของครอบครัวเรา
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์อามี่ม๊ะ เธอบอกว่าตอนนี้จัดข้าวของสำหรับพิธีพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินลงทางอีกด้านของเนินไร่ชา ตัวบ้านตรงหน้าทรุดโทรมจากยี่สิบปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด เวลาของผมใกล้หมดลงเรื่อยๆ แล้ว
ในบ้านเต็มไปด้วยข้าวของสำหรับพิธีสู่ขอพรุ่งนี้ ผมยื่นซองสีน้ำตาลบรรจุเงินสด 3 หมื่นบาทให้อามี่ม๊ะ เธอรับไปเก็บใส่ย่ามสะพายสีสดของเธอพลางส่งสายตาเปี่ยมสุขให้กับผม
“อาปา พรุ่งนี้ลูกชายเราจะมีครอบครัวแล้ว ดีใจไหม” รอยยิ้มของเธอช่างสดใสเสียเหลือเกิน
“อามี่ม๊ะ พรุ่งนี้คงต้องอาศัยเธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงด้วยนะ อ้อ บอกทางนู้นไปนะว่าเราพามาไว้ที่ท้ายไร่ชา ปลอดภัยดี ส่วนเรื่องสินสอดก็จ่ายให้เขาไปเต็มจำนวนเลย จะได้ไม่ต้องนัดกันไปมาอีกว่าจะจ่ายที่เหลือวันไหน เกิดเงินหายไปเดี๋ยวเขามาตามลูกสาวคืน เจ้าอาเบ้ผะได้ขาดใจตายพอดี ฮ่าฮ่าฮ่า..” ผมหัวเราะแบบเสียมิได้แล้วหันหลังมองออกไปนอกประตูบ้าน
แสงอาทิตย์สุดท้ายลับแนวเขาจนหมดแล้ว ความมืดพร้อมอากาศเย็นเยียบ พาลทำให้ผมพูดไม่ออกอีกต่อไป
“อาปา รีบไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ฉันต้องออกไปสู่ขอพร้อมพ่อสื่อ อาลี่จือ แต่เช้ามืด” เธอเดินมากอดผมจากด้านหลัง พลางกระชับแขนที่โอบรัดผมอยู่ ผมหันตัวกลับไปกอดเธอตอบให้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“เห็น อามี่ม๊ะ มีความสุข อาปาคนนี้ก็สุขใจที่สุดในโลกแล้ว....” ผมยกมือขึ้นอ้อมศีรษะเธอ เพื่อแอบปาดน้ำตาตัวเองไม่ให้เธอเห็น
“เธอเข้านอนก่อนเถิด อาปามีธุระจะต้องทำ...” พร้อมคลายอ้อมแขนจากเธอแล้วฉวยเอาเสื้อกันลมหนาหนักขึ้นมาพาดบนบ่า แล้วเปิดตู้หยิบปืนลูกซองยาวและแถบกระสุนเอามาคล้องไหล่
“พี่จะไปส่องไฟเสียหน่อย พักผ่อนเยอะๆ นะ” ผมก้าวเดินออกจากบ้านไปทางด้านหลัง
“ระวังด้วยนะพี่จ๋า ฝันดีนะจ๊ะ” เธอพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าห้องนอน
ผมเปิดช่องประตูด้านหลังบ้านออกอย่างเบามือ หันหลังไปมองแสงไฟนีออนในห้องที่ดับลงแล้วรู้สึกเหมือนใจจะขาดรอนๆ
/////////////////////////////
“เดลต้า คาเด็ท รายงานศูนย์ด้วย เปลี่ยน” เสียงจากชุดหูฟังดังทำลายความเงียบสงัดลง
“เดลต้า สแตนด์บาย เปลี่ยน” เงาดำนั้นตอบกลับด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบา
“เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวอย่าให้คลาดสายตา กำหนดเวลาปฏิบัติการ 08.00 น. เปลี่ยน”
“รับทราบ โรเจอร์ เปลี่ยน” เสียงเงาดำนั่นดูหงุดหงิดเล็กน้อย มันยกมือขึ้นกดปุ่มสีดำเมื่อมบนหมวกเหล็ก แว่นตาอินฟาเรดเลื่อนลงจากขอบหมวกอย่างเงียบเชียบ
“ยืนยันพิกัดเป้าหมาย รออัลฟ่ายืนยัน แพ็คเกจสองให้แน่นอนอีกครั้ง เราก็พร้อมเริ่มปฏิบัติการได้เลย เปลี่ยน”
“นี่เป็นคำสั่ง เดลต้าและอัลฟ่า ยืนยันเป้าหมายแล้ว ให้รอคำสั่งอีกครั้ง” เสียงในชุดหูฟังดูเกรี้ยวกราด
“ห้ามปฏิบัติการจนกว่าจะมีคำสั่งยืนยัน เลิกกัน เปลี่ยน”
เดลต้าเลื่อนมือไปปิดชุดวิทยุสื่อสาร มันกระชับบลาสเตอร์เลเซอร์ตรงสีข้างขึ้นมาตรงหน้าเพื่อเช็คความพร้อมครั้งสุดท้าย...
/////////////////////////////
ผมย่างเข้าไปหามันทางด้านหลังอย่างช้าๆ ไม่ให้มันรู้ตัว เสียงพูดราวกระซิบของมันทำให้ผมชนลุกชันไปทั้งตัว นี่พวกมันได้พิกัดของ”อาเบ้ผะ”ไปด้วยแล้วเช่นกัน ผมต้องรีบลงมือ ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะเลวร้ายลงกว่านี้ ผมเลือกชักมีดสนามออกจากซองที่ต้นขา ตีนเปล่าเปลือยให้ความรู้สึกเย็นเฉียบของดินทรายที่อุ้งฝ่าเท้า ผมตรงเข้ารัดคอมันจากด้านหลัง แล้วเสือกมีดเข้าไปที่ก้านคอมันจนมิดด้าม เลือดสีเขียวเข้มของมันไหลตามมีดที่ผมชักออกจากลำคอราวสายน้ำพุ
ผมเดินย้อนกลับไปท้ายไร่ชาอีกครั้งอย่างเงียบเชียบที่สุด ผมหยิบหมวกเหล็กของเจ้าหมอนั่นขึ้นสวมแล้วเปิดโหมดกลางคืน ทั้งหุบเขากลายเป็นสีเขียวเรืองแสงเหมือนที่ผมคุ้นเคยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน คอมพิวเตอร์ประมวลภาพจากโหมดกลางคืนเป็นโหมดความร้อนเมื่อผมเข้าใกล้มัน มันอยู่บนยอดไม้เยื้องไปทางด้านข้างกระท่อมในไร่ชา
ผมหยิบปืนยาวขึ้นประทับบ่า ระยะทำการประมาณ 50 ฟุต ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด ผมเหนี่ยวปลายนิ้วที่ไกอย่างมั่นคง ลำแสงดินปืนที่ปะทุออกมีสีส้มแดงชวนให้รู้สึกตื่นเกร็ง เลือดสีเขียวเรืองแสงกระจายปะทุออกจากร่างมันไปทั่วบริเวณ ร่างเจ้าอัลฟ่าจึงร่วงจากยอดไม้นั่นลงสู่พื้นอย่างหนักหน่วง สักพัก“อาเบ้ผะ” เปิดประตูกระท่อมไม้ไผ่ออกมาดูตามต้นเสียงที่ได้ยิน
“อาเบ้ผะ อาปาอยู่นี่!!” ผมเรียกเจ้าลูกชายให้หันมาทางผม
“ไม่ต้องตกใจ นี่พ่อเอง มีโจรเข้ามาในไร่ของเราลูก” เขาแสดงสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“อาปา หรือเขาจะมาชิงเจ้าสาวคืนครับ” เจ้าตัวทำเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น
“ไม่น่าจะใช่นะ อาปาว่าอาจจะเป็นศัตรูเก่าของอาปาเอง” ผมปลอบเท่าที่จะพอทำได้
ที่เบื้องหลังลูกชายผม “หวู่ม๊ะ” เดินตามออกจากกระท่อม เธอยิ้มให้ผมแวบนึง ก่อนที่เธอจะยกปืนในมือขึ้นประกบที่หัวลูกชายผม เธอลั่นไกอย่างไม่ลังเล เสียงทึบเบาๆ จากปืนกระบอกนั้น ลำแสงสีแดงทะลุหัวของ ”อาเบ้ผะ” พร้อมผลักเอาก้อนสมองของเขาให้กระจายออกเป็นสะเก็ดสีเทาอมเขียวเรืองแสง
ผมได้แต่ทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง น้ำตามันไหลเอ่อท้นออกจากตาราวกับน้ำป่าไหลหลาก ภาพสุดท้ายที่ผมได้เห็นคือ “หวู่ม๊ะ” กับลำแสงสีแดงนั่นเพียงแวบเดียวที่ตรงหน้า ผมไม่ได้บอกลา “อามี่ม๊ะ” เป็นครั้งสุดท้าย....
/////////////////////////////////////
“เอ็คโค่ บราโว่ รายงานศูนย์ เป้าหมายถูกกำจัดแล้ว ย้ำ!! เป้าหมายถูกกำจัดแล้ว เปลี่ยน” หวู่ม๊ะหรือเอ็คโค่ บราโว่ แจ้งศูนย์บัญชาการ
“ตัวอย่างทดลองที่หายสาบสูญเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว ได้ถูกกำจัดพร้อมกับลูกของมันแล้ว เปลี่ยน”
เอ็คโค่เดินไปเช็คที่ศพของสัตว์ทดลอง 004 และลูกของสัตว์ตนนั้นซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก่อนที่จะเดินย้อนกลับลงไปที่ตีนเขา เมื่อทะลุป่าสนจึงกดปุ่มรีโมตเล็กๆตรงใจกลางฝ่ามือ เพื่อปิดโหมดอำพรางอากาศยาน เมื่อเข้านั่งพร้อมประจำที่บนยาน เธอบันทึกข้อมูลเข้าเมนเฟรมอีกครั้งก่อนทำการออกบิน
“เรียกศูนย์ เอ็คโค่ บราโว่ รายงานปฏิบัติการ สัตว์ทดลองหมายเลข 004 พร้อมลูกของมันถูกกำจัดเรียบร้อย การแฝงตัวจนกระทั่งจบงานราบรื่นเรียบร้อยดี กรุณารายงานแผนปฏิบัติการต่อไปเพื่ออัพเดตด้วย”
เธอผลักคันโยกสีเงินขึ้นไปจนสุด ลำแสงและคลื่นความร้อนจากใต้ท้องยานพวยพุ่งออก ดันตัวยานให้ลอยสูงขึ้นฟ้าที่ความสูงสามหมื่นฟุต จากนั้นยานก็วาร์ปหายสู่อวกาศอย่างรวดเร็วในพริบตา.....
โฆษณา