19 พ.ย. 2019 เวลา 00:30 • บันเทิง
"บ้านผีสิง"
เสียงเพลงรื่นเริงดังกระแทกหู จนเธอรู้สึกรำคาญ เอมี่จ่ายค่าสายไหมให้แม่ค้าแล้วคว้าไม้สายไหมส่งเข้าปากทันที
“หืมมมม อร่อยจัง ไม่ได้กินนานแล้วเน๊อะ” เอมี่หันไปสะกิดชายหนุ่ม
“หรอครับ แหม่ ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยได้กินอะไรแบบนี้เหมือนคนอื่นหรอกครับ คุณพ่อคุณแม่ท่านไม่ชอบให้ผมทานอะไรซี้ซั้ว เดี๋ยวจะท้องเสียเอาครับ” วิศรุตตอบเธอแบบเก๊กๆ หน่อยตามฟอร์ม
“แหม่.... พ่อไฮโซ.... รู้จักกันมาจะครบอาทิตย์นึงละ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเป็นลูกคุณหนู แล้วนี่มาเดินงานวัดเป็นกะเขาด้วยหรอย๊ะ ตาทึ่ม” เธอตอกกลับชายหนุ่มแบบไม่ไว้หน้า
“แหะๆๆ ก็พอได้นะ” เขาฉวยมือเธอออกเดินไปยังชิงช้าสวรรค์
“ไม่เอาอ่ะ ไม่เล่นนะ เด็กน้อยจะตาย ไม่แมนเลยเธอ”
“เอ้า ไม่ชอบหรือครับ งั้นเอมี่อยากไปเล่นอะไรดีครับ ไปเล่นบิงโกกันไม๊ เผื่อได้ตุ๊กตากลับบ้านนะ”
“เห่ยอ่ะ นี่กี่ขวบแล้วเนี่ยเธอ แมนๆ หน่อย ไปบ้านผีสิงกันดีกว่า น่าตื่นเต้นดี” เธอจูงเขาไปอีกฝั่งของงานวัด
“จะดีหรอ เดี๋ยวกลัวแล้วมากอดผม อย่าหาว่าผมฉวยโอกาสนะ 555” วิศรุตยิ้มแบบมีเลศนัย
“โถ ให้มันแน่เถอะว่าใครจะกลัวมากกว่ากัน...”
ตรงหน้าทางเข้า คนขายตั๋วใส่ชุดเหมือนศพถูกมัดตราสังข์ นั่งงอตัวคุดคู้บนเก้าอี้พลาสติก สภาพผ้าดิบที่พันตัวอยู่ดูสกปรกเหมือนเพิ่งขุดขึ้นมาจากหลุม คราบเลือดคราบน้ำเหลืองเกรอะกรังอยู่เป็นหย่อมๆ ดูสมจริงจนน่าขนลุก บนโต๊ะขายบัตรมีป้ายเขียนกำกับไว้ว่า
‘กรุณาอย่ารบกวนศพ ค่าเข้าชมท่านละ 50 บาท กรุณาหยอดเงินใส่กล่องเก็บเงินด้วยตัวท่านเอง แล้วนำตั๋วบนโต๊ะหย่อนใส่กล่องที่ทางเข้าด้านหน้า เพื่อเข้าชมบ้านผีสิงได้ทันที’
“แหม่ เฟี้ยวอ่ะ หลอนตั้งแต่ยังไม่เข้าเลย” ชายหนุ่มเอ่ยปากชมแก้เขิน พลางล้วงเงินให้ฝ่ายหญิงสาว 100 บาท
“นี่ค่าตั๋ว ผมเลี้ยงเอง คุณเอาไปหยอดกล่องหน่อยสิ”
“โถ ไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆ ก็บอกเถอะ เขาแต่งเหมือนเนอะ เหมือนศพที่เพิ่งถูกฝังแล้วขุดขึ้นมาเลย” เอมี่หยอดเงินใส่กล่องแล้วคว้าเอาตั๋วมาสองใบ ทั้งสองคนเดินไปหน้าทางเข้าแล้วหย่อนตั๋วใส่ในกล่องรับตั๋ว
“พร้อมนะครับคนสวย ไปกันเลย!!!” เขาทำเป็นข่มความกลัวแล้วเอ่ยปากชวนเธอเข้าบ้านผีสิง
จากปากประตูทางเข้า วิศรุตรู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กน้อย กรอบบานประตูทางเข้าเหมือนถูกทาไว้ด้วยสีแดงช้ำเลือดช้ำหนองดูเป็นเลื่อมเยื้มหนืด เขาเอามือแตะมันดูเบาๆ แล้วยกขึ้นขยี้ดม
“หืมมมม บ้าเอ๊ย กลิ่นเหม็นแทบอ้วก กลิ่นเหมือนอะไรเน่าตายเลย” เขารีบถูปลายนิ้วกับกางเกงยีนส์
“แล้วไง กลัวละซี๊” เอมี่ย้อนเขาแบบเยาะเย้ย
“ไหนว่าไม่กลัวไงนายวิ... ว้ายย!!!”
“ปัง!!” ประตูทางเข้าดีดตัวกลับเข้าหากรอบประตูอย่างรุนแรง ดูเหมือนมีอะไรผลักมันอย่างสุดแรงเกิดชัดๆ
ตรงมุมมืดมีเรือนไทยยกพื้นสูงหลังย่อมตั้งอยู่ด้านใน วัตถุกลมเล็กหล่นลงมาจากร่องพื้นเรือน ลูกมะนาวสองสามลูกกลิ้งหลุนๆ ไหลผ่านปลายเท้าเอมี่ไปนิดเดียว
“น้องจ๋า..... น้องสาวน้องชายจ๋า.... เก็บลูกมะนาวให้ฉันหน่อยสิจ๊ะ...” แขนเล็กๆ ค่อยๆ ยืดออกมาจากร่องใต้พื้นเรือนไทยหลังนั้น มันยืดยาวขึ้นเรื่อยๆ จนเอื้อมควานไปแตะที่ปลายเท้าของวิศรุต
“เฮ้ย!!! เชี่ย!!! อะไรว๊ะเนี่ย...” เขารีบสะบัดขาข้างนั้น หวังให้มือนั้นหลุดออกจากเท้าตัวเองอย่างไว แล้วหันไปดึงเอมี่มาบังตรงหน้าตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
แขนที่ยาวเกือบสามสี่เมตรนั้น ค่อยๆ หดเข้าไปในซอกผนังช้าๆ ชั่วอึดใจก็มีหญิงสาวหน้าตาซีดเซียวนางหนึ่งโผล่ศีรษะออกมาพ้นของวงกบหน้าต่าง แสงไฟตะคุ่มๆ ในนั้นขับให้บรรยากาศดูสะพรึง
“เออ ผีแม่นาคนี่เอง สวยด้วยนะเนี่ย ฮู้... ตกใจหมด... ว่าแต่.... เฮ้ย!!” เขาร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้งแล้วล้มก้นจ้ำเบ้าลงอย่างแรง
หัวของผู้หญิงคนนั้น บิดไปมาอย่างรุนแรงจนเป็นเกลียวชวนขนลุก หนังตรงบริเวณคอพันยืดเป็นชั้นๆ ก่อนจะหลุดออกจากตัว หัวพร้อมไส้และเครื่องในหลุดออกมาจากร่างดังผล๊วะ เลือดสีแดงสดชโลมไปทั่วอวัยวะของเธอ ตรงที่เหมือนจะเป็นหัวใจ มีแสงวิบวับสีแดงสลับเขียวส่องออกมาจากภายใน กระสือนางนั้นลอยขึ้นไปจนติดเพดาน สายตาเธอนั้นขมึงถึงมองลงมายังวิศรุตอย่างอาฆาตมาดร้าย
“เหมือนจริงเกินไปละนะ ไม่เอาละเว้ยยยย!!!” เขาลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมโกยอ้าว แต่พลันที่รู้สึกตัวก็หันกลับมาทำเป็นเข้มขรึมให้กับเอมี่
“ไม่นับนะ มันออกมาทีเผลออะ เราไม่กลัวหรอก” ชายหนุ่มแถ
“ไม่กลัวแน่นะ...” เธอเย้าตอบ
“ไม่ ไปต่อกันเลย จะได้รีบๆ ออก ร้อนจะตายเนี่ย” เขารู้สึกร้อนเพราะเหงื่อที่ไหลซึมไปทั่วสรรพางค์กาย
“หรออออ ร้อนจริงหรอเธอ”
“ปัง!!” ประตูห้องถัดไปเปิดออกเองดังสนั่น “ฟิ้วววว......... วี๊ด......” อยู่ดีๆ ลมเย็นยะเยือกก็พัดมาจากประตูบานนั้นอย่างรุนแรงราวกับลมก่อนที่พายุฝนจะมา อากาศอยู่ดีๆ ก็เย็นยะเยียบราวกับใครมาเปิดตู้เย็น เสียงชายแก่ดังออกมาจากข้างในเชื้อเชิญให้ทั้งคู่เข้าไปหา
“พ่อหนุ่มกับสาวน้อย...”
“เข้ามาก่อนสิ ปู่มีอะไรจะให้...”
สองคนเดินสืบเข้าห้องถัดไป เมื่อเข้าไปก็พบกับแสงสีทองสว่างจ้าชวนให้ตาพร่าพราย ระยิบระยับ ราวกับประดับประดาด้วยเพชรทองและอัญมณีมีค่าเต็มไปหมด เอมี่ขมวดคิ้วใส่ชายแก่อย่างไม่พอใจ
“จะรีบออกมาทำไม ยังไม่หายสนุกเลย!!!” เธอสะบัดหน้าหนีจากชายแก่หันไปทางวิศรุต
“เอ้า พ่อหนุ่ม ปู่ถามหน่อย อยากได้ของพวกนี้มั้ย...” พ่อปู่ชูสร้อยสังวาลย์และเครื่องประดับที่กองตรงหน้าขึ้นมา แล้วยื่นให้วิศรุตอย่างยิ้มแย้ม แต่ริ้วรอยบนหน้าของพ่อปู่โสมนั้น ดูลึกลับเหี่ยวย่นราวกับคนอายุนับร้อยปี รอยยิ้มอย่างมีเลศนัยนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกเกรียว
“โอ้ย ไม่เอาหรอกครับ ของปลอมทั้งนั้น ผมไม่เอาหรอก..”
“เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่ม... ลองมองดูดีๆ มาดูใกล้ๆ ดูก่อนว่าจริงหรือเก๊” พ่อปู่ยั่วยวนเขา
“เอ่อ...” เขาเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว รับเอาสังวาลย์ขึ้นส่องใต้แสงไฟสลัวกลางห้องอย่างตั้งใจ “เฮ้ย ลงทุนไปปะปู่ นี่มันของเก่าแท้ๆ นะ เราดูออก ที่บ้านเราก็มีแบบนี้ของยายเหมือนกัน หูยยย ขนลุกอ่ะ...”
“ขนลุก.. ปวดขี้หรอ???” เอมี่เหน็บเขาดอกใหญ่
“เอมี่ ผมว่าที่นี่มีอะไรแปลกๆ อ่ะ ของในห้องนี้ผมดูดีๆแล้ว ผมว่าเป็นของเก่าแก่ มีค่ามีราคาจริงๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะ”
“แล้วเธออยากได้หรอ”
“เอ่อ... ถ้าเขาแจกให้ฟรีก็เอานะ 555” ชายหนุ่มตอบแบบทีเล่นทีจริง
“เอาสิพ่อหนุ่ม ปู่ให้จริงๆ แต่มีข้อแม้นะ เธอต้องเฝ้าที่นี่แทนปู่นะ เหอ เหอ เหอ” ชายชราหัวเราะทิ้งทวนพร้อมกับขยับตัวเข้าใกล้วิศรุตเข้าไปอีกนิด
“แหม่... ปู่ นึกว่าผมกลัวที่นี่หรือไง มันก็มีแต่ผีปลอมทั้งนั้นแหละ มาสิ ปู่ให้ผมก็เอานะ ยกของพวกนี้มาให้ผมสิ เดี๋ยวผมเฝ้าให้เอง...”
“แน่ใจนะ... พ่อหนุ่ม...” ชายชราตาลุกวาวเป็นประกาย
“วิศรุต!!! อย่านะ!!!” เธอรีบห้ามเขา
“แน่ใจสิปู่ ฮ่าๆๆ”
ทันใดนั้นเอง เอมี่ก็ค่อยๆ ร้องไห้ออกมา เธอเดินถอยหลังไปยังมุมห้องตรงที่ประดับไว้ด้วยต้นกล้วยตานี
“เธอมันก็เหมือนกับคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้แหละ!!!” เธอตะโกนใส่เขาแล้วหันหลังเดินลับตาหายเข้าไปในต้นกล้วยนั้นราวอากาศธาตุ
“เฮ้ย!!! ชิบหายแล้ว!!! นี่มันอะไรกันวะ....” วิศรุตเปล่งเสียงไม่ทันจบประโยคก็พบว่าเสียงตัวเองค่อยๆ เปลี่ยนไปเหมือนคนแก่ลงเรื่อยๆ ผิวหนังบนตัวก็เหี่ยวซูบลงติดกระดูกในพริบตา หลังเหยียดตรงกลายเป็นก้มงองุ้มลงเองโดยอัตโนมัติ ฟันในปากหลุดร่วงออกมาหมดทุกซี่ เลือดค่อยๆ ไหลออกจากทวารทั้งหลายบนใบหน้า เขากรีดร้องเป็นครั้งสุดท้าย...
“ไม่จริง!!!!!....”
/////////////////////////////////////
พ่อปู่กลับกลายร่างจากคนแก่เป็นหนุ่มใหญ่รูปหล่ออีกครั้งหนึ่ง เขาเดินไปยังต้นกล้วยตานีแล้วเอ่ยปากออกมาเบาๆ ว่า
“เห็นไม๊ คนมันก็เหมือนกันแหละ ผีอย่างเราๆ ยังไงก็ต้องอยู่อย่างผี พี่ไปก่อนละนะ ขอให้หาตัวตายตัวแทนให้ได้เร็วๆ หละ”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ค่อยๆ เดินออกจากห้องไป เขาแวะทักทายกระสือสาวที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ก่อนจะหันมาหลิ่วตาให้แม่นาคที่อยู่ในเรือนไทยอย่างอารมณ์ดี......
โฆษณา