19 พ.ย. 2019 เวลา 05:15
Kylie ขายหุ้น Kylie Cosmetics มูลค่า 18,000 ล้านให้ Coty / โดย ลงทุนเกิร์ล
เมื่อไม่นานมานี้ Coty บริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก
ประกาศเข้าซื้อหุ้นของ Kylie Cosmetics ในสัดส่วน 51%
ด้วยมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 18,000 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ Kylie Jenner ซึ่งเป็นผู้ปลุกปั้นแบรนด์ Kylie Cosmeticss ขึ้นมา
ปัจจุบันมีอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น
1
Kylie Jenner เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวเซเลบริตี Kardashian-Jenner
เธอเริ่มก้าวเข้าสู่วงการบังเทิงอย่างเต็มตัวตอนอายุ 10 ปี
โดยปรากฏตัวอยู่ในรายการเรียลลิตีของครอบครัว Kardashians ช่วงปี 2007
ต่อมาในปี 2012 Kylie ได้ทำธุรกิจเสื้อผ้าร่วมกับพี่น้อง ก่อนจะนำเงินที่ได้มาต่อยอดเป็นทุนสำหรับธุรกิจเครื่องสำอางภายใต้ชื่อ Kylie Cosmetics
Kylie Cosmetics ก่อตั้งในปี 2015
ซึ่งตอนนั้น Kylie มีอายุเพียง 18 ปี
เธออาศัยการทำตลาดผ่านช่องทางโซเซียลมีเดีย
ทำให้สินค้าของ Kylie Cosmetics ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์แรกอย่างลิปสติก ก็แทบจะหมดทันทีที่วางจำหน่าย
โดย Kylie Cosmetics มีรายได้จาก 12 เดือนล่าสุด 177 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เติบโตจากตัวเลขในปี 2018 ถึง 40%
ซึ่งรายได้ทุกๆ 100 บาท คิดเป็นกำไรก่อนดอกเบี้ยค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย มากกว่า 25 บาท
เรื่องนี้ทำให้ Kylie ก้าวขึ้นสู่การเป็นเศรษฐีพันล้านในปี 2019 ที่อายุน้อยสุด จากการจัดอันดับของ Forbes เมื่อต้นปีที่ผ่านมา..
สำหรับดีลการซื้อขาย Kylie Cosmetics ในครั้งนี้
Coty จะถือหุ้นในสัดส่วน 51%
โดย Kylie จะยังถืออีก 49%
1
ซึ่งภายหลังการควบรวมกิจการแล้ว
Kylie จะยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงทำการตลาดผ่านช่องทางโซเซียลมีเดียของเธอ ซึ่งมีผู้ติดตามรวมกันทุกแพลตฟอร์มกว่า 270 ล้านคน
โดยดีลนี้คาดว่าจะเรียบร้อยภายในไตรมาส 3 ปี 2020
ภายหลังการประกาศข่าวการซื้อ Kylie Cosmetics ออกไป
หุ้นของ Coty ขึ้นสูงสุดถึง 6%
ปัจจุบัน Coty มีมูลค่าบริษัท 9,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพิ่มขึ้นจากต้อนปีเกือบ 80% แล้ว
โดย Coty มีสินค้าเพื่อความสวยงามในเครือ กว่า 77 แบรนด์
ครอบคลุมตั้งแต่น้ำหอม เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงเล็บ ผลิตภัณฑ์บำรุงผม
เช่น Chloé, Burberry Beauty, Hugo Boss, OPI
หลายคนอาจจะมองว่าที่ธุรกิจของ Kylie ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะฐานะและชื่อเสียงของเธอ
แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
เพราะจริงๆ แล้วหาก Kylie Jenner ไม่ได้ทำธุรกิจ
เธอก็น่าจะไม่เดือดร้อนอะไร
แต่เธอก็เลือกที่จะลงมือทำ
ทำในสิ่งที่เธอรัก และต่อยอดจากสิ่งที่เธอมีอยู่
จนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้..
References: CNBC, Forbes
โฆษณา