1.ความหมายของกลยุทธ์ คือ ขบวนการในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหวังผ่านวิธีการและเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์นั้น
.
2.กลยุทธ์ที่ดี คือ สิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกไม่ถึงหรือเดาทางได้ยาก การมี Sense ถึงสัญญาณบางอย่างได้ก่อน ลงมือทำก่อน และทำในสิ่งที่แตกต่างให้ถูกที่ถูกเวลา ถูกกาลเทศะ
.
3.กลยุทธ์ที่ถูกที่ ถูกเวลา ถูกกาลเทศะ ก็คือ การเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่พร้อมทั้งจังหวะและโอกาส ยกตัวอย่าง วงการสื่ออย่าง The Standard เริ่มทำ podcast เพราะรู้ว่าช่องทางนี้มันมีแนวโน้มที่เติบโตไปได้ แต่ถามว่าถ้ากลยุทธ์เดียวกันแต่เริ่มก่อนหน้านี้สัก 10 ปี อาจจะไม่เวิร์คเพราะเทคโนโลยียังไม่เอื้อและกระแสของสังคมก็ยังไม่นิยมฟัง podcast
.
4.กลยุทธ์ควรสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นในการขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ถ้ากลยุทธ์ไม่กระตุ้นให้คนจำนวนมากอยากลงมือทำ พลังของทีมก็จะไม่เกิดขึ้น กลยุทธ์ที่วางไว้ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคำว่า พลังของทีม หรือ Synergy นั้นยิ่งใหญ่ เมื่อรวมตัวกันได้เยอะเท่าไหร่ สิ่งที่คิดว่าเป็นไปได้ยากก็จะเป็นไปได้
.
5.กลยุทธ์ เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าทุกปีเราวางกลยุทธ์แบบเดิม และเขียน Action plan แบบเดิมๆ แบบนี้ไม่ใช่กลยุทธ์ เพราะมันไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กร
.
6.กลยุทธ์ต้องตอบรับกับความท้าทายที่เกิดขึ้นกับองค์กร ต้องเอา Challenge มาเป็นตัวตั้งต้น และดึงศักยภาพของคนออกมาให้มากที่สุด เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมาย
.
7.กลยุทธ์ เป็นสิ่งที่เรามักจะนึกถึงคำว่า Economy of Speed ซึ่งก็คือ ใครทำก่อนและทำถูก คนนั้นชนะ ปลาเร็วกินปลาช้าอยู่แล้ว
.
8.การเป็นนักวางกลยุทธ์ที่ดีนั้น นอกจากจะต้องเข้าใจพื้นฐานของธุรกิจ เข้าใจลูกค้า และเข้าใจบริบททางสังคมแล้ว นักวางกลยุทธ์ที่ดีจะต้อง 1.คิด 2.วางแผน 3.ลงมือทำ
.
9.ความคิด การวางแผน และลงมือทำ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงและสอดคล้องกัน เพราะถ้ามัวแต่คิดอย่างเดียว ไม่วางแผน เราจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดให้ออกมาในรูปของการกระทำ (action plans) ได้ และถ้ามัวแต่คิดและวางแผนแต่ไม่ลงมือทำ ความสำเร็จก็จะไม่เกิดขึ้น
.
10.หลักสำคัญของการวางกลยุทธ์ คือ การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับธุรกิจและสถานการณ์ เครื่องมือในการวางกลยุทธ์มีมากมาย เช่น SWOT Analysis, BCG Matrix, Porter’s Five Forces Model, Business Model Canvas หรืออย่าง Blue Ocean Strategies เป็นต้น
.
11.BCG Matrix ย่อมาจาก Boston Consulting Group เป็นโมเดลที่ช่วยวิเคราะห์สินค้าว่าอยู่จุดไหนใน Matrix โดยมีแกนตั้ง คือ อัตราการเติบโตของตลาด (Market Growth) และแกนนอน คือ ส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ประโยชน์ของ BCG Matrix คือทำให้เราสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ทางการตลาดของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี และจะนำไปความแข็งแกร่งขององค์กรต่อไป
.
12.BCG Matrix แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.Stars สินค้าที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงและอัตราการเติบโตสูง เป็นช่วยที่ธุรกิจกำลังเติบโต 2.Cash Cows สินค้าที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง แต่มีอัตราการเติบโตต่ำ อาจเป็นเพราะสินค้าอยู่ในขั้นเติบโตเต็มที่ และตลาดเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว โจทย์ก็คือจะทำอย่างไรให้รักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้มากที่สุด
3.Question Marks สินค้าที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อย แต่มีอัตราการเติบโตของตลาดสูง ควรใช้กลยุทธ์การสร้างส่วนครองตลาดซึ่งถ้าแก้ Pain Point ได้ สามารถดันให้สินค้าหมวด Question Marks กลายเป็นดาวเด่น Stars ได้ไม่ยาก
4.Dogs สินค้าที่ตกต่ำทั้งอัตราการเติบโตและยอดขาย ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่มาอยู่ในจุดนี้ เป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องพิจารณาโดยด่วนว่าจะทำต่อหรือจะออกจากตลาดแต่โดยดี
.
13.กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม หรือ Blue Ocean คือวิธีการที่เลี่ยงศึกปะทะการนองเลือดจากการแข่งขันที่รุนแรงและเสาะหาน่านน้ำใหม่ หรือแสวงหาตลาดใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยจะเน้นการสร้างความต้องการหรืออุปสงค์ขึ้นมาใหม่ หรือที่เรียกว่า Demand Creation โดยไม่สนใจคู่แข่งเดิมๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรม ลูกค้าก็จะได้รับคุณค่าที่ก่อให้เกิดความแตกต่าง
.
14.Porter’s Five Forces Model เป็นเครื่องมือที่ว่าด้วยปัจจัยกดดันทั้ง 5 ใช้สำหรับวิเคราะห์คู่แข่ง สภาพแวดล้อมการแข่งขัน เพื่อวางแผนกลยุทธ์ของกิจการและปัจจัยที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ โดยมี Michael E. Porter เป็นผู้คิดทฤษฎี
.
15.Porter’s Five Forces Model มี 5 ข้อที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่
1. ภัยคุกคามจากคู่แข่งหน้าใหม่(Threat of new entrants)
2.ภัยคุกคามจากสินค้าทดแทน(Threat of substitutes)
3.อำนาจต่อรองของลูกค้า(Bargaining power of buyers)
4. อำนาจการต่อรองของซัพพลายเออร์ (Bargaining power of suppliers)
5. สภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรม(Industry Rivalry)
.
16.Business Model Canvas (BMC) คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับออกแบบโมเดลธุรกิจ คิดค้นโดย Alexander Osterwalder ผู้แต่งหนังสือ Business Model Generation
.
17.Business Model Canvas (BMC) จะแบ่งการวิเคราะห์องค์ประกอบออกเป็น 9 ส่วน ได้แก่ 1.Customer Segment ลูกค้าของเราเป็นใคร มีกลุ่มไหนบ้าง
2.Channels ช่องทางในการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า
3.Customer Relationship วิธีสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำยังไงให้ลูกค้ามี Engagement 4.Revenu Streams รายได้ของธุรกิจมาจากไหน 5.Value propositions คือหัวใจหลักที่บอกว่าธุรกิจของเราสร้างคุณค่าหรือส่งมอบคุณค่าอะไรให้กับลูกค้า
6.Key Activities กิจกรรหลักที่ธุรกิจต้องทำคืออะไร
7.Key Resource ทรัพยากรหลักในธุรกิจคืออะไร
8.Key Partners ของเรามีใครบ้าง
9.Cost structure ต้นทุนของเรามีอะไรบ้าง
.
18.กลยุทธ์จะนำพาธุรกิจให้อยู่รอดได้ ต้องเลือกใช้เครื่องมือให้ถูกต้องเหมาะสมกับอุตสาหกรรม และสถานการณ์ที่กำลังเผชิญในองค์กรนั้นๆ ด้วย
.
19.และสุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดของการจะคิดกลยุทธ์ได้ดี ก็คือ Mindset การเปิดใจยอมรับความจริง การกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และพร้อมเผชิญกับสถานการณ์อันโหดร้ายเพื่อพาองค์กรและพนักงานในองค์กรอยู่รอดในยุค Disruption