22 พ.ย. 2019 เวลา 10:41 • ประวัติศาสตร์
After New China 5
เหมาเจ๋อตงได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้งโดยการปลุกระดมให้คนทั้งประเทศจีนเกิดการปฎิวัติทางวัฒนธรรม(Culture Revelution) เพื่อต่อต้านระบบทุนนิยมทุกรูปแบบ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1966 เป็นต้นไป
รูปโปสเตอร์ redguard กำลังทำลายวัตถุโบราณด้วยค้อน
การปฎิวัติวัฒนธรรมได้ดำเนินต่อไปภายใต้ความขัดแย้งและการช่วงชิงอำนาจภายในพรรค
ในปี ค.ศ.1969 หลินเปียวซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการปฎิวัติวัฒนธรรมคนสำคัญในครั้งนี้ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่พยายามจะตั้งตนเป็นผู้สืบทอดอำนาจจากเหมา
เหมาเจ๋อตงและหลินเปียว(ขวา)
เขาได้ทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเหมาเจ๋อตง เช่น การกล่าวสดุดีด้วยคำสอนของเหมา การประณามนักการเมืองคู่แข่งของเหมาอย่างหลิวส่าวฉีว่าเป็นพวกต่อต้านการปฎิวัติ เป็นต้นในขณะนั้นมักจะมีรูปภายของหลิวส่าวฉีเคียงข้างกับเหมาเจ๋อตงอยู่เสมอ
ผลพวงจากการปฎิวัติวัฒนธรรมทำให้เกิดการคัดเลือกผู้นำพรรคเกิดขึ้น เหมาเจ๋อตง หลินเปียว โจวเอินไหลและคังซิน ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการกลางพรรคอย่างถาวร
ภายหลังหลินเปียวได้พยายามผลักดันให้เกิดการนำระบบประธานประเทศกลับมาใช้ใหม่หลังจากที่ได้ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านั้น เพื่อเขาจะได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานและเหมาเป็นประธาน
โดยหวังว่าเมื่อเหมาสิ้นไป อำนาจในฐานะประธานจะตกอยู่ในกำมือของเขาและทำให้เขาสามารถควบคุมทั้งประเทศได้
ในด้านของเหมาเจ๋อตงก็ได้รับการท้วงติงมาจากรัฐบาลกลางเช่นกันถึงการกระทำของหลินเปียวที่อาจจะเป็นการคุกคามอำนาจของเหมา ซึ่งเหมาก็เห็นด้วยกับคำทักท้วงนี้
1
ทำให้แผนการครองอำนาจของหลินเปียวล้มเหลว และเขาคิดวางแผนที่จะใช้กำลังยึดอำนาจแทนโดยจะใช้กำลังทางทหารในมือยึดอำนาจในเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่การก่อการครั้งนี้ก็เป็นอันล้มเหลวอีกครั้งหนึ่ง
1
เมื่อแผนการทุกอย่างของหลินเปียวล้มเหลว ของจึงวางแผนลี้ภัยไปที่สหภาพโซเวียต แต่สุดท้ายเขาก็ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่มองโกเลียก่อนที่จะไปถึงที่หมาย
ในปี ค.ศ.1972 เมื่อสิ้นอำนาจของหลินเปียวภายในพรรค ก็มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบุคคลากรในพรรคอีกครั้ง โดยครั้งนี้เติ้งเสี่ยวผิงได้กลับมามีอำนาจในพรรคอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของโจวเอินไหล
เติ้งเสี่ยวผิง(ซ้าย)และโจวเอินไหล(ขวา)
เหตุการณ์ภายในพรรคจะเป็นอย่างไรต่อโปรดติดตามได้ในตอนถัดไปครับผม
สำหรับวันนี้ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคร้าบ /\

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา