23 พ.ย. 2019 เวลา 10:51 • ความคิดเห็น
“ถ้าคุณอยากได้น้ำผึ้ง จงอย่าแตะรังผึ้ง”
ข้อคิดวันเสาร์ ...
ตามปกติในวันหยุดแล้ว เสาร์ อาทิตย์ แล้ว ผมก็พอมีเวลาอยู่บ้าง ในการหาเวลาส่วนตัวเลือกทำสิ่งที่ตัวเองชอบ
ทุกคนก็คงทำเหมือนกัน แต่อย่าลืม เรียนรู้อะไรสักอย่างจากสิ่งนั่น เพราะมันจะเติมเต็มเราไปพร้อมกับความสนุกของเราด้วย
วันนี้ผมนั่งอ่านหนังสือของ เดล คาร์เนกี ด้วยหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนไว้นานมาก ตั้งแต่ปี 1937 ผมยังไม่เกิดเลย ภาษาและการเรียงสำนวน ค่อนข้างเขาถึงยาก อ่านแรกๆ ก็เหมือนจะไม่เข้าใจ แต่พอใช้เวลาสักพัก ผมกลับไม่อยากวางมันลงเลย เพราะมีหลายสิ่งให้เรียนรู้อย่างคาดไม่ถึง ...
“ถ้าคุณอยากได้น้ำผึ้ง จงอย่าแตะรังผึ้ง”
อ่านจบบทนี้ ผมยังสรุปไม่ได้ ผมพยายามทำความเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แน่นอนว่าระดับ เดล คาร์เนกี คงมีความนัยอะไรที่ซ่อนไว้อยู่
ผมเคยร่วมงานกับคนหลายคน มีหลายครั้งที่งานผมเสียหาย จากคนเหล่านั้น ในตอนนั้นผมพยายามหาข้อติ ข้อเสีย ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้?
แต่ผมไม่เคยได้คำตอบ พวกเขาก็ให้ผมเป็นอีกคนที่ไม่น่าคบหา ในขณะที่เราให้ข้อเสียคนอื่น เราก็ได้ความเหินห่างความเกรงกลัวกลับมาเหมือนกัน การที่จะอยู่ร่วมงานกันในครั้งต่อไป มันก็เคืองซะแล้ว
เราเคยคิดว่า เราประสงค์ดี ที่จะพยายามให้คนอื่นรู้ข้อบกพร่องแล้วพัฒนาตัวเอง ความจริง ผมไม่ได้คิดผิด แต่ผมไม่รู้ ว่า “การหาข้อเสียคนอื่นนั่นคือการติเตียนคนอื่น” มันส่งผลในทางลบมากกว่า แย้งกลับมาผมเองก็ไม่ชอบวิธีแบบนี้เหมือนกัน...
/อย่าตัดสินคนอื่น ถ้าเราไม่อยากโดนตัดสิน/
“แทนที่จะหาข้อเสียในเหตุการณ์นั้น เราควรพยามเข้าใจเหตุการณ์นั้นมากกว่าการตำหนิและวิจารณ์ เห็นอกเห็นใจ ว่าทำไมคนนั้นจึงทำในสิ่งที่เขาทำ นั่นจะสร้างสรรค์มากกว่า
คุณจะทำงานกับอื่นไปได้ เขาจะรักษางานให้เรามากกว่าเดิม เขาจะให้ใจและทุ่มเทให้คุณมากกว่าเดิม หน้าที่ของเรามีเพียงแต่ “เข้าใจและให้โอกาสเขา”
/เหมือนกับน้ำผึ้งถ้าคุณจะเอาโดยไปแต่รังของมัน คุณจะโดนผึ้งต่อยแบบไม่ไว้ชีวิตเลย.../
อภิชาติ บัวจรูญ :เขียน
โฆษณา