28 พ.ย. 2019 เวลา 23:29
ยางจัดฟัน ..สำคัญไฉน
orthodonticsinlondon
บ่อยครั้งที่เวลาไปจัดฟันในคลีนิคมักจะเกิดคำถามเสมอ เช่น
“ยางจัดฟันสีไหนดี”
“ใส่ยางจัดฟันสีไหนสวย”
“สียางจัดฟันที่ทำให้หน้าขาว”
“เลือกสียางจัดฟันให้เข้ากับหน้า”
“สียางจัดฟันสำหรับคนผิวคล้ำ”
แต่รู้ไหม ทำไมเราต้องไปเปลี่ยนยางจัดฟันตามเวลาที่หมอนัด
คิดสิ คิดสิ
ทำไมต้องเปลี่ยนยาง จากเหตุผลที่ทราบ
1. เมื่อใช้ยางไประยะเวลาหนึ่ง ยางจะเสียความยืดหยุ่น สูญเสียแรง และเสื่อมสภาพภายในเวลาไม่นานนัก ส่งผลให้การเคลื่อนฟันไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงต้องมีการเปลี่ยนยางทุกๆ ครั้งที่เรามาปรับเครื่องมือ
2. ยางเกิดการเปลี่ยนสีตามอาหารและเครื่องดื่ม บางคนเลือกยางสีขาว สีใส แต่พอผ่านไปสักพัก ยางก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน ตามชา กาแฟ แกงเหลือง เป็นต้น
3. ยางที่ทำความสะอาดไม่ดี จะกลายเป็นที่สะสมของคราบจุลินทรีย์ได้ง่าย ทำให้มีกลิ่นเหม็น ซึ่งไม่ดีแน่นอน
ตรวจสภาพฟัน
ยาง คือ หนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของเครื่องมือจัดฟัน โดยเครื่องมือโลหะ (Metal Braces) ที่มัดด้วยยางสี คือเครื่องมือจัดฟันที่นิยมใช้กันมากที่สุด เนื่องจากเครื่องมือชนิดนี้มีประสิทธิภาพดี มีข้อจำกัดน้อย และราคาไม่แพง มีความคุ้มค่าคุ้มราคา ประสิทธิภาพของเครื่องมือชนิดนี้ ขึ้นอยู่กับระดับความรู้และประสบการณ์ของทันตแพทย์ผู้ใช้งาน เมื่อพูดถึงการจัดฟัน คนทั่วไปก็จะนึกถึงเครื่องมือชนิดนี้
เครื่องมือโลหะ (Metal Braces)
ชนิดของยางจัดฟันแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ
1. ยางจัดฟันที่ติดเป็นซี่ๆ เรียกว่า โมดูล หรือ โอริง (O-Ring) หรือ Elastic Tie มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ลวดหลุดออกจาก bracket
2. ยางจัดฟันเชน (C-Chain) หรือ Elastic Power Chain เป็นยางจัดฟันที่มีลักษณะต่อยาวเป็นเส้นเดียว มีทำหน้าที่รวบฟันให้ชิดกันหรือเพื่อปิดช่องว่างเล็กๆ ของฟัน
3. ยางดึงฟัน หรือ Elastic Rubber Band จะช่วยให้ฟันเลื่อนเข้าที่ได้รวดเร็วขึ้น มีลักษณะคล้ายกับ O-Ring แต่จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า O-Ring ยางดึงฟันมีข้อดีคือ ผู้จัดฟันสามารถถอดและใส่ได้ด้วยตนเอง ในขณะที่ O-Ring และ C-Chain ผู้จัดฟันไม่สามารถถอดออกในระหว่างเดือนด้วยตนเองได้ผู้จัดฟันควรเปลี่ยนยางดึงฟันทุกๆ 12 -24 ชั่วโมงหลังการใส่ เพราะยางจะล้าหมดแรงดึง ควรใส่ยางคืนทันทีหลังทานอาหารและหลังทำความสะอาดฟัน
4. ยางแยกฟัน (Separator) ใช้ในการเตรียมฟันเพื่อใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น โดยยางจะค่อยๆ ดันฟันหลังซึ่งปกติจะอยู่ชิดกันแน่นให้หลวมขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของแหวนจัดฟันหรือแบนด์ (band) เมื่อเริ่มใส่ยางแยกฟัน ผู้จัดฟันจะรู้สึกแน่นเหมือนมีเศษอาหารติด เวลากัดฟันอาจจะรู้สึกว่ากัดโดนยางเพราะส่วนหนึ่งของยางแยกฟันอยู่บนด้านสันฟัน
ยางแยกฟัน (Separator)
คุณสมบัติของยางที่ใช้ทำยางจัดฟัน
1. ยางต้องเป็นยางเกรดอาหาร (food grade) ตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA)
2. ในสูตรการผลิตยางจัดฟัน ห้ามมีสาร Bisphenol A (BPA) เนื่องจากสาร BPA อาจหลุดร่อนและละลายปนอยู่ในอาหารและส่งผลกระทบต่อระบบประสาท
3. ยางต้องมีความทนต่อกรดเบสในระดับหนึ่ง เพราะอาหารที่เรารับประทานที่มีทั้งรสจัด รสเค็ม หรือการดื่มน้ำโค้ก โซดา มีความเป็นกรดสูง ย่อมมีผลต่อการกัดกร่อนฟันและยางในช่องปาก
4. ยางต้องทนต่ออุณหภูมิได้ดี เนื่องจากอาหารมีทั้งร้อนและเย็น ย่อมส่งผลต่อการดึงยืดของยาง
ghorthodontics
ดังนั้นการเลือกใช้ยางจัดฟันจึงมีความสำคัญมาก แต่ผู้ที่รับการจัดฟันอย่างเราไม่สามารถเลือกซื้อยางจัดฟันได้เองนอกจากทันตแพทย์ผู้ทำหน้าที่จัดฟัน หากเราต้องการจัดอย่างปลอดภัยจึงควรไปปรึกษาทันตแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปะในโรงพยาบาลหรือคลินิกทันตกรรมที่มีมาตรฐานเท่านั้น
มาตรฐานของยางจัดฟัน
1. ISO 21606:2007 Dentistry - Elastomeric auxiliaries for use in orthodontics
2. DIN 13901 (2001-12) Dentistry - Elastomeric Elements For Orthodontic Purposes
โฆษณา