#บัญชีโรงแรมแบบง่ายๆ | วิธีคิดอัตราค่าเช่าห้องพัก ที่เจ้าของโรงแรม-รีสอร์ทต้องรู้! by A-lisa 🤓✏️
เพื่อให้การบริหารกิจการโรงแรมเป็นไปแบบมืออาชีพ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าตามหลักสากลนั้น เขามีวิธีการคิดอัตราค่าเช่าห้องพักโรงแรม-รีสอร์ทกันอย่างไรบ้าง
เพื่อความเข้าใจในการนำรายได้ไปบันทึกบัญชีของกิจการของโรงแรม-รีสอร์ท ในบทความนี้จึงนำเนื้อหาที่เกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าเช่าห้องพักแบบที่เป็นสากลมาแบ่งปันให้อ่านกันค่ะ
ประเภทอัตราค่าเช่าห้องพักของโรงแรม-รีสอร์ท
1️⃣อัตราค่าเช่าห้องพักแบบชั่วคราว (Transient Hotel)
เป็นการกำหนดอัตราค่าเช่าห้องพักแบบชั่วคราว สำหรับระยะเวลาตั้งแต่ 6.00 น. – 18.00 น. ของวันรุ่งขึ้น รวม 36 ชั่วโมง ไม่ว่าแขกจะพักอยู่ครบช่วงเวลานี้หรือไม่ก็ต้องเสียอัตรานี้เท่ากัน แขกบางคนอาจเข้าพักเวลา 20.00 น. และแจ้งออกจากที่พักตอน 10.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ก็ต้องเสียงค่าห้องพักอัตรานี้เช่นกัน สำหรับโรงแรม-รีสอร์ทในประเทศไทยนั้น มักจะคิดเวลา 12.00 น. -12.00 น. ของวันถัดไป นับเป็นหนึ่งคืน พนักงานต้อนรับของโรงแรม-รีสอร์ทควรแจ้งเวลาสิ้นสุดของการแจ้งออก (Check Out)ให้แขกทราบล่วงหน้า ถ้าถ้าแขกไม่แจ้งออกในเวลาที่กำหนดแล้ว โรงแรม-รีสอร์ทจะคิดค่าห้องพักเป็นอีกหนึ่งคืน และการแจ้งออกภายในเวลาที่กำหนดจะทำให้โรงแรม-รีสอร์ทสามารถบริหารห้องพักเพื่อรับรองแขกรายใหม่ได้ในช่วงถัดไป
ราคาห้องพักแบบชั่วคราวแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
อัตราค่าเช่าห้องแบบยุโรป (European Plan) เป็นอัตราค่าเช่าห้องพักแบบไม่รวมอาหาร ซึ่งก็คือโรงแรมที่เน้นบริการเฉพาะห้องพักเท่านั้น โรงแรมที่ใช้วิธีการคิดอัตราค่าเช่าห้องแบบยุโรป เช่น โรงแรมประเภทบัดเจ็ทโฮเต็ล และโรงแรมขนาดเล็กที่ไม่มีห้องครัวและห้องอาหารไว้บริการ
อัตราค่าเช่าห้องแบบอเมริกัน (American Plan)
เป็นอัตราค่าเช่าห้องพักแบบรวมอาหารไว้กับราคาห้อง โรงแรม-รีสอร์ทแบบนี้มักมีห้องอาหารและห้องครัวขนาดใหญ่ไว้บริการแขกและแขกจะต้องรับประทานอาหารตามที่โรงแรมจัดให้ ค่าอาหารจะคิดรวมอยู่ในอัตราค่าเช่าห้องแล้ว โรงแรม-รีสอร์ทที่เลือกใช้อัตราห้องพักแบบอเมริกันนี้ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในสถานที่พักตากอากาศ มีการกำหนดอัตราค่าห้องและค่าอาหาร ดังนี้
Continental Plan อัตราค่าห้องรวมอาหารเช้าเท่านั้น
Modified American Plan อัตราค่าห้องรวมอาหารเช้าและเย็น
Full American Plan อัตราค่าห้องรวมอาหารเช้า กลางวัน และเย็น
แขกที่เข้าพักจะเลือกอัตราใดก็ได้ โรงแรม-รีสอร์ทบางแห่งอาจมีอัตราห้องพักแบบ European Plan ไว้ให้แขกสามารถเลือกได้ตามความต้องการ
2️⃣อัตราค่าเช่าห้องแบบประจำ (Residential Hotel)
โรงแรม-รีสอร์ทแบบนี้ส่วนมากแขกจะเช่าห้องพักในระยะเวลาหนึ่งโดยทำสัญญากันไว้ การทำสัญญาจะตกลงกันตั้งแต่เริ่มเข้าพักและลงทะเบียน ในสัญญาจะระบุกำหนดระยะเวลาที่เข้าพัก วันที่ทำสัญญา ชื่อแขก จำนวนเงินที่จะจ่ายค่าเช่าเป็นรายงวดหรือรายเดือนและอื่น ๆ โดยปกติแล้วการทำสัญญามักให้จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าเป็นเดือน ส่วนค่าบริการอื่น ๆ จะนำบิลมาเก็บแขกอาทิตย์ละครั้ง หรือแล้วแต่นโยบายของโรงแรม-รีสอร์ทนั้น ๆ เพราะแขกบางคนอาจพักเป็นระยะเวลาหลายเดือนหรืออาจเป็นปี การนำค่าเช่าแต่ละเดือนไปรวมในบิลค่าบริการอื่น ๆ อาจทำให้ยุ่งยากในการบันทึกบัญชี
3️⃣อัตราค่าห้องพักไม่เต็มวัน (Part-Day Rates)
ในบางกรณี แขกที่เข้าพักอาจไม่ต้องการพักค้างคืน คือมาตอนเช้าและตอนบ่ายหรือเย็นก็กลับหรืออาจไม่ได้เข้าพักเลยเพียงแค่ต้องการเก็บสัมภาระและอาบน้ำแต่งตัวเท่านั้น โรงแรม-รีสอร์ทประเภทนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้สนามบินพาณิชย์ จึงมักมีอัตราค่าห้องพักแบบครึ่งวันไว้รับรองแขก เพราะมีแขกประเภทนี้มาใช้บริการมากและสม่ำเสมอ อัตราค่าเช่าห้องพักแบบไม่เต็มวันจะถูกกว่าการเช่าห้องพักแบบทั้งคืน
4️⃣ค่าเช่าห้องอัตราพิเศษ (Special Rates)
เป็นนโยบายของโรงแรม-รีสอร์ทเพื่อเพิ่มปริมาณแขกให้เข้ามาใช้บริการห้องพัก เรียกว่า Sizing Up โรงแรม-รีสอร์ทบางแห่งอาจปรับราคาห้องพักตามปริมาณการเข้าพักของแขกมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฤดูกาลเช่น อัตราค่าห้องพักโรงแรมชายทะเลในหน้าร้อนและหน้าฝนจะแตกต่างกัน หรือในกรณีที่แขกมากันแบบกลุ่ม หรือแบบ FIT (Foriegn Idependent Tour) หรือพวกมาประชุม (Conventions) ราคาค่าห้องพักอาจจะลดลงจากราคาที่ตั้งไว้ เพื่อเรียกร้องให้แขกเข้ามาใช้บริการ
ในบางกรณี หากเป็นแขกที่มาพักประจำ ถ้าแขกท่านนี้เคยพักและจ่ายค่าห้องในราคา 1,000 บาท และต้องการเข้าพักในวันหลังโดยมีการแจ้งล่วงหน้า แต่โรงแรม-รีสอร์ทไม่มีห้องพักในราคาที่เคยพักไว้บริการในวันดังกล่าวเพราะห้องพักได้ถูกจองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โรงแรม-รีสอร์ทอาจยินยอมให้แขกเข้าพักในห้องที่เหลืออยู่ในราคาคืนละ 1,500 บาท โดยคิดราคาคืนละ 1,000 บาท เพื่อเป็นการรักษาลูกค้า และเมื่อมีห้องแบบที่เคยพักว่างลงก็ให้ย้ายไปทันทีในวันต่อไป ส่วนต่างของราคาห้องพักที่สูงกว่าราคาที่เคยพักนั้น ก็คิดเป็นส่วนลดที่ลดให้แขกขาประจำที่มาพักเป็นกรณีพิเศษ
5️⃣ห้องอภินันทนาการ (Complimentary)
คือ บุคคลภายนอกที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม-รีสอร์ท เข้ามาใช้ห้องพักฟรี ส่วน House Use คือ เจ้าของหรือพนักงานของโรงแรม-รีสอร์ทเป็นผู้เข้าพักฟรี ห้องพักอภินันทนาการนี้ จะไม่แสดงอัตราค่าห้อง แต่อาจมีบันทึกว่ามีการขายแล้วแต่หักเป็นส่วนลดทั้งหมดเพื่อแสดงว่าห้องได้มีการเข้าพักและสะดวกในการควบคุมดูแล
*** ข้อมูลเพิ่มเติม
การย้ายที่พักของแขก (Changings Rooms) การเปลี่ยนห้องพักเกิดขึ้นตามความต้องการของแขก เช่น ต้องการห้องพักชนิดหนึ่งแต่ขณะนั้นไม่มีห้องว่างจึงต้องเปลี่ยนเป็นห้องอื่นแทนไปก่อนเมื่อห้องนั้นว่างลงจึงให้แขกเปลี่ยนห้องได้ตามต้องการ หรืออุปกรณ์ในห้องพักเกิดปัญหาขัดข้องจึงต้องเปลี่ยนห้องพักให้แขก หรือเป็นแขกระดับ VIP ที่มาพักและผู้บริหารหรือเจ้าของต้องการสมนาคุณเป็นพิเศษโดยการเปลี่ยนห้องพักที่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่ของโรงแรม-รีสอร์ทจะต้องเปลี่ยนข้อมูลที่จะอำนวยความสะดวกทุกอย่างแก่แขก และบันทึกทุกอย่างเหมือนแขกผู้นั้นได้มาพักที่ห้องนั้นใหม่
การบันทึกการบอกเลิกการพัก (Records of Departure) ปกติแล้วแขกจะต้อง Check Out ออกจากห้องพัก แต่แขกบางคนอาขอยืดเวลาบ้างเป็นพิเศษ ซึ่งทางโรงแรม-รีสอร์ทอาจยอมพิจารณาให้เป็นราย ๆ ไป ความสำคัญของบันทึกการเลิกพักนี้ คือต้องการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับทราบว่าห้องนั้นว่าง จะได้ให้ฝ่ายแม่บ้านดูแลทำความสะอาดให้เรียบร้อยพร้อมที่จะรับแขกรายใหม่
วิธีการคิดอัตราค่าเช่าห้องพักโรงแรม-รีสอร์ท ที่นำมาแบ่งปันให้อ่านกันนี้ หวังว่าจะช่วยให้คุณผู้อ่านทุกท่านได้แนวทางนำไปวางแผนจัดการอัตราค่าห้องสำหรับบริการแขกที่เข้าพักและเป็นแนวทางในการนำไปบักทึกรายได้ของบัญชีโรงแรมแบบง่าย ๆ ได้บ้างนะคะ ดังนั้นในบทความต่อไปฉันจะนำความรู้เรื่องบัญชีโรงแรมมาเขียนแบ่งปันให้อ่านกันอีกเรื่อย ๆ ค่ะ อย่าลืมเข้ามาติดตามอ่าน และฝากกดไลค์กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ฉันต่อไปด้วยนะคะ
“เราเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้ คือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ติดตามอ่านบทความของเราทั้งหมดได้ที่ www.a-lisa.net📚
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
