7 ธ.ค. 2019 เวลา 15:33 • ปรัชญา
บทที่56.เรียนรู้จากพ่อค้ารถมือสอง
เมื่อสองสัปดาห์ก่อนผมมีโอกาสได้พบกับผู้ชายคนนึง แกเป็นเพื่อนกับพี่ที่บริษัทและมีอาชีพขายรถมือสอง พูดง่ายๆคือ"เจ้าของเต๊นท์รถมือสอง"ต่อไปผมจะเรียกว่า"พ่อค้ารถ"นะครับ
เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกัน ผมเลยถือโอกาสขอความรู้พี่เขาสักหน่อย ตามประสาคนช่างซักช่างถาม.
ผม : พี่ครับ พี่ขายรถมือสองมานานหรือยังครับ?
พ่อค้ารถ : จะยี่สิบปีแล้วล่ะมั๊ง.
ผม : แล้วรายได้ดีมั๊ยครับ?
พ่อค้ารถ : ก็เหมือนพ่อค้าอย่างอื่นๆนั่นแหละ ซื้อมาขายไป เอากำไรส่วนต่างราคา ช่วงที่เศรษฐกิจดีคนก็ซื้อเยอะ ขายดีเงินก็ดี ช่วงเศรษฐกิจไม่ดีก็ขายอืด เคยขาดทุนเหมือนกัน
ผม : พี่รับซื้อรถจากที่ไหน ?
พ่อค้ารถ : ก็ทั่วๆไป มีคนมาเสนอขายบ้าง มีพวกๆกันหามาให้บ้าง บางทีก็หาทางwebประกาศขายรถ แต่ในวงการก็มีรถประมูล รถเทิร์นจากศูนย์ก็มี
ผม : พี่ตั้งราคาซื้อยังไงครับ ?
พ่อค้ารถ : ปกติก็ซื้อในราคาต่ำกว่าราคาขายในท้องตลาดราวๆ 15-35%ขึ้นกับยี่ห้อ และรุ่น
ผม : แล้วแต่ละยี่ห้อมันต่างกันยังไงครับ?
พ่อค้ารถ : ขึ้นกับความนิยมในตลาด หากรถยี่ห้อที่คนนิยมเช่น ฮอนด้า โตโยต้า พวกนี้ขายง่ายก็ซื้อแพงขึ้นได้ แต่ถ้ารถขายยากคนไม่นิยม ก็ซื้อถูกลงไปหน่อย
รถแต่ละคันที่ซื้อเป็นการลงทุน หากซื้อมาแล้วขายช้า เงินที่ใช้มันมีต้นทุนดอกเบี้ย ถ้าซื้อมาหลายๆเดือนเดือนยังขายไม่ได้ ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าซื้อมาแพงๆก็จะขาดทุน
ผม : แล้วสภาพรถละครับ ?
พ่อค้ารถ : ก็ต้องดูครับ ถ้าสภาพดีก็ซื้อได้เลย แต่ถ้ามีร่องรอย พี่ก็ต้องประเมินค่าซ่อม เวลาที่ใช้ซ่อม แล้วนำไปหักกับราคาซื้อ ถ้าเคยชนหนักมา เลี่ยงได้ก็ไม่ซื้อ เพราะเสี่ยงที่จะขายไม่ได้.
ผม : แสดงว่าพี่ต้องดูรถเก่งมากๆ
พ่อค้ารถ : ก็ไม่เรียกว่าเก่งนะ พอมันเจอมาเยอะๆ ประสบการณ์มันช่วย แรกๆก็เคยพลาดเหมือนกัน
ผม : แล้วพี่ดูยังไง บอกได้มั๊ยครับ ?
พ่อค้ารถ : มันไม่มีอะไรมาก อย่างแรก ก็ต้องรู้จักรถ ก่อนจะมาเป็นรถยนต์ มันก็เป็นแผ่นโลหะ เอามาตัด เอามาปั๊มขึ้นรูป แล้วก็เอามาเชื่อม มาประกอบด้วยหุ่นยนต์หรือคนงาน ดังนั้นหากจะดูก็ต้องดูพวกนี้แหละ ว่าต้องเหมือนเดิม หากรอยเชื่อมไม่เหมือนเดิม รอยปั๊มต่างๆไม่เหมือนเดิม หรือมีรอยตัดโลหะที่ไม่เรียบ ก็แสดงว่าถูกเฉี่ยวชนมาแล้ว
ผม : อย่างผมคงดูไม่เป็นแน่ๆ
พ่อค้ารถ : ไม่ยากเลย ฝึกดูเองก็ได้
ผม : ยังไงครับ?
พ่อค้ารถ : ถ้าเล็งจะซื้อรุ่นไหนก็ให้ไปดูรถใหม่ หรือดูรถคนรู้จักที่ไม่เคยเฉี่ยวชนรุ่นที่จะซื้อ จดจำหรือถ่ายรูปจุดสำคัญๆไว้เลย แล้วก็เอาไปเปรียบเทียบกับคันที่จะซื้อ ถ้าเหมือนกัน ก็แสดงว่าไม่เคยชนมาก่อน
1
ผม : แล้วเครื่องยนต์ละครับ จะดูยังไง ?
พ่อค้ารถ : ก่อนอื่นก็ต้องดูร่องรอยขันน็อตของเครื่องยนต์ว่ามีมั๊ย แล้วก็สตาร์ทรถดู ถ้าควันไม่ดำมากหรือขาวมาก รอบเครื่องไม่แกว่งไม่สั่นก็โอเค ถ้ามีเวลาก็สตาร์ทไว้นานหน่อย ดูว่าความร้อนขึ้นมั๊ย จากนั้นก็ลองขับดูช่วงล่างไปเลย ว่าดีมั๊ย เข้าโค้ง ตกหลุม ขึ้นคอสะพาน รถโยนๆมั๊ย พวงมาลัยสั่นมั๊ย ศูนย์เพี้ยนมั๊ย ก็จะดูประมาณนี้
1
ผม : แล้วรถน้ำท่วมดูยังไงครับ?
พ่อค้ารถ : ก็ดูใต้ท้องรถ แบบง่ายๆก็แชสซีหรือโครงสร้างข้างล่าง เป็นสนิมมั๊ย ถ้าเป็นสนิมมากกว่าปกติก็ให้สงสัยไว้ก่อน.
2
ผม : คำถามนี้ ขอโทษนะครับพี่ รถที่ขายๆกันกรอไมล์จริงมั๊ยครับ?
พ่อค้ารถ : อันนี้บางคันบางเต๊นท์ก็อาจจะมีจริง เพราะรถกรอไมล์ได้จริงค่าจ้างกรอก็ไม่กี่บาท แต่พี่ไม่เคยกรอ ไม่อยากเสียลูกค้า เสียอาชีพ
1
ผม : แล้วตอนพี่ซื้อรถ พี่ดูยังไงว่ารถไม่ได้กรอไมล์ ?
พ่อค้ารถ : อันนี้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ก็ดูจากสภาพรถเทียบกับเลขไมล์ เช่น ถ้าไมล์น้อยตรงพวงมาลัยจุดที่มือจับไม่ควรสึก ไมล์น้อยสภาพยางต้องไม่สึกหรอเกินไปเมื่อเทียบกับอายุยาง ถ้าใช้เยอะยางก็สึกเร็วไมล์ก็ต้องเยอะตาม หรือดูจากสภาพเบาะก็พอดูออก
2
ผม : ส่วนใหญ่เห็นคนหารถบ้านกัน
พ่อค้ารถ : คนที่พร้อม ไม่อยากเสี่ยง เขาก็ไปซื้อรถใหม่ แต่ถ้าใครพอมีเงินสดแต่อยากประหยัดก็หาซื้อรถบ้าน ใช้เวลาหน่อย ใครหาซื้อรถบ้านได้ รู้ประวัติก็สบายใจ แต่คนจะซื้อกับคนจะขายส่วนใหญ่มันมักไม่ค่อยลงตัว ทั้งเรื่องเวลา เรื่องเงิน มันถึงมีคนกลาง ก็เต้นท์รถอย่างพวกพี่นี่ไง
ผม : แล้วพี่ทำไงให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อรถจากเต็นท์พี่?
พ่อค้ารถ : ก็สร้างความเชื่อมั่น จริงใจกับลูกค้า บอกลูกค้าตามจริง แต่พี่ว่ารถทุกคัน ถ้าไม่ชนหนักหรือคว่ำหนักมาจนเสียโคงสร้าง หรือเครื่องยนต์มันแก้ไขให้กลับไปเหมือนเดิมได้ทุกคัน คนซื้อเขากังวลกันไปเอง พี่ก็ต้องทำให้ลูกค้ามั่นใจ ให้เขาสบายใจที่จะซื้อ ช่วยจัดหาไฟแนนท์ และมีรับประกันหลังการขายให้ด้วย.
1
พ่อค้ารถ : ถามซะเยอะ จะซื้อรถหรือจะไปทำเต๊นท์ขายรถเนี่ย.?
ผม : หาความรู้ติดตัวไว้ครับ เผื่อจะซื้อมือสองใช้อีกสักคัน แต่ถ้าผมจะซื้อเมื่อไหร่ จะให้พี่หาให้นะครับ พี่อย่าบวกผมเยอะนะ ผมมันคนงบน้อย.
จากการพูดคุยซักถาม..ผมก็ไม่รู้หรอกว่าพี่คนขายรถพูดความจริงทั้งหมดหรือเปล่า หรือพูดเพราะเป็นคนขายรถ แต่พี่เขาก็ดูจริงใจ และสิ่งที่พี่เขาพูดก็มีเหตุมีผลพอที่จะเก็บมาเป็นความรู้ และเอาไปใช้ได้จริงๆ
แต่มีความจริงของการซื้อรถ 3 อย่าง ที่ผมสรุปไว้ได้จากการได้สนทนาในครั้งนี้..คือ..
- ถ้าอยากได้ความสบายใจ ให้หาซื้อรถใหม่
- ถ้าอยากได้ความจริง ให้หาซื้อรถบ้าน(รู้ประวัติ)
- แต่ถ้าอยากได้รถดีๆ แต่ไม่อยากจ่ายเงินเยอะๆ ให้หาความรู้ก่อนซื้อนะครับ.
ขอบคุณครับ.
1
โฆษณา