8 ธ.ค. 2019 เวลา 05:25 • กีฬา
ไม่มีความกังวล ไม่หวาดเสียว ชัยชนะที่เรียบง่าย
คุยหลังเกม+สถิติน่าสนใจลิเวอร์พูลบุกชนะบอร์นมัธ 0-3
เริ่มมาด้วยการจัดตัวของลิเวอร์พูลในนัดนี้ เปลี่ยนจากนัดที่แล้วพอสมควร
หน้าสามตัว ใช้ซาลาห์-ฟิร์มิโน่-อ็อกซ์เลด
กลาง เฮนโด้-เกอิต้า-มิลเนอร์
หลัง เปลี่ยนแค่ เทรน เป็น โกเมซ
ซึ่งทำให้แฟนๆหงส์แดงค่อนข้างกังวลโดยเฉพาะ
ดิออกซ์ ที่ทำผลงานไม่ค่อยดีในตำแหน่งปีก
และม้านั่งสำรอง มีทั้งฮาวี่ เอเลียด, เคอติส โจนส์ ที่โผล่ติดมาด้วย คือ กะจะพักพวก ไวจ์นาลดุม และ ลาลาน่า ที่เล่นกลางและหน้าด้วยกัน ให้เต็มที่
ต้องขอบอกก่อนว่ามุมกลองในสนาม Dean Court
ของบอร์นมัธ เป็นกล้องมุมต่ำ มุมกล้องจึงทำให้
หลายๆคนรู้สึกแปลกๆ
(เห็นหลายคนที่คอมเม้นท์ ในทรูไอดีบ่นกัน)
รูปเกมในช่วง 30 นาทีแรก บอร์นมัธ พอสู้ลิเวอร์พูลได้ ทั้งสองฝั่งเป็นเกมตันๆ ไม่สามารถหาโอกาสทำอะไรกันได้เลย ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองบอลก็จริงแต่ ก็ไม่สามารถหาจังหวะจบได้
ฝั่งบอร์นมัธ มีแค่จังหวะที่โซลังกี้ ที่หลุดไปแล้ว
ฟานไดจ์สกัดจังหวะสุดท้ายได้
แต่จุดเปลี่ยนเกมอยู่ที่ตอน ซาลาห์หลุดเดี่ยวและ อาเก้ วิ่งมาสกัดไว้ แล้วทำให้เจ้าตัวได้รับอาการบาดเจ็บ
ขอพูดถึงจังหวะก่อนเปลี่ยนตัวออกซักนิด ที่ทำให้หลายคนรู้สึกตะหงิดๆ ที่ลิเวอร์พูลไม่ยอมเตะบอลออกให้ ผมว่าจังหวะนี้ ลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
ครองบอลคอยแต่ไม่บุกใส่ เพื่อดูว่าอาเก้เจ็บจริงรึเปล่า
เพราะมีหลายๆครั้งที่มีทีมแกล้งเจ็บแล้วทำลายจังหวะบุกใส่ แต่พอฝั่งลิเวอร์พูลดูแล้วว่าเจ็บจริง จึงค่อยเตะบอลออก
ซึ่งเปลี่ยนซิมสัน ลงมาแทน ซึ่งคู่นี้ไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน ซึ่งจังหวะหลังจากเปลี่ยนตัว ลิเวอร์พูลก็สามารถทำประตูได้เลย จากการจ่ายยาวของกัปตัน ที่แม่นยำสุดๆ อ็อกซ์เลดแค่จิ้มบองเปลี่ยนทางก็เป็นประตู
ลูกนี้แค่มองก็รู้ใจ เฮนโด้เห็นอ็อกซ์เลด และ ฟิร์มิโน่เตรียมวิ่งก็เปิดยาวเลย ซึ่งปีนี้ทำหลายครั้งมากๆ มีทั้งคู่เซ็นเตอร์ ฟาบินโญ่ หรือครั้งนี้เฮนโด้ ซึ่งเป็นอาวุธทีเด็ดสุดๆ อีกฝั่งต้องมีสมาธิตลอดทั้งเกม ดูจากหลายๆลูกของเกมนี้
ลูกที่สอง ซาลาห์ทำเหมือนจะยิงแต่ก็ตรอกส้นให้
เกอิต้าที่วิ่งสอดขึ้นมายิง
ลูกสาม เกอิต้าจ่ายทะลุช่อง ให้ซาลาห์หลุดยิงเสาไกล
เห็นได้ว่าลิเวอร์พูลมีเกมรุกหลายมิติสุดๆ
-ฟูลแบ็คเปิดEarly Cross
-ฟูลแบ็คครอสตอนวิ่งถึงเส้นหลัง
-ฟิร์มิโน่จ่าย+ทำชิ่ง กับปีก 2 ข้าง
-ลูกเซ็ทพีซ
-กองกลางจ่ายทะลุช่อง
-กองหลังจ่ายบอลยาว
-โกลขว้างบอลยาว
และอีกมากมาย
พอนำเยอะแล้วในครึ่งแรก ลิเวอร์พูลแสดงความเคี่ยว ครองบอลไปเรื่อยๆ ไม่เร่งเกม แต่ก็ไม่ผ่อน ไม่ยอมให้อีกฝั่งบุกทำประตูง่ายๆ ซึ่งก็ได้ผลเก็บคลีนชีทได้จริงๆ
ผมอยากให้ดู Heat map ของกองกลางลิเวอร์พูลหน่อย
แสดงให้เห็นว่าการวิ่งที่ไปอยู่ทั่วสนาม ตอนไหนที่อีกฝั่งมีบอล กองกลางลิเวอร์พูลจะอยู่ตรงนั้นช่วยกันเบรกเกม วันนี้ทั้ง 3 คน เล่นดีมากๆ
เฮนโด้ ปิดทองหลังพระ
เกอิต้า ยิง1จ่าย1 ตัดเกม+แย่งบอลได้หลายครั้ง
มิลเนอร์ มาตราฐานสูงอยู่แล้ว (รีบๆยื่นสัญญาเหอะ
คนนี้อะ)
ท้ายเกมนาทีที่ 76 ดาวรุ่งอย่าง เคอร์ติส โจนส์ ได้ลงมาเป็นสำรอง ซึ่งเจ้าตัวเป็นเด็ก Scouser ของแท้ เล่นให้กัยกับลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ 9 ขวบ สายเลือดอันเข้มข้นไหลอยู่ในตัว
ก็มีโมเม้นท์น่ารักๆ ที่นักเตะรุ่นพี่คอยส่งบอลให้เด็กคนนี้เหมือนพยายามปั้น แต่ก็เพื่อความคุ้นชินแหละ น่าจะเป็นเกมที่เจ้าตัวจดจำไม่ลืม
แต่ที่กังวลก็คงมีแต่ อาการบาดเจ็บของลอฟเลนที่ต้องตรวจกันอีกที ซึ่งดูจากการที่สามารถยังเดินเข้าห้องแต่งตัวได้ คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เปลี่ยนตัวกันไว้ก่อนมากกว่า
มาดูสถิติน่าสนใจกัน
1.ลิเวอร์พูลเก็บคลีนชีทได้หลังจากที่เก็บไม่ได้มา 14 นัดในทุกรายการ
2.ลิเวอร์พูลชนะเกมพรีเมียร์ 24 จาก 25 นัด
(หลุดเสมอแมนยู) และไม่แพ้ติดต่อกัน 33 นัด
3.ถ้ารวมสกอร์คู่ลิเวอร์พูล-บอร์นมัธ 5 นัดหลังสุด จะเป็น ลิเวอร์ 17-0 บอร์นมัธ เป็นของชอบของลิเวอร์
4.ซาลาห์ยิงบอร์นมัธยิงบอร์นมัธ 5 นัดติดต่อกันแล้ว เป็น 7 ประตู
5.ซาลาห์ยิงเกมเยือนได้ลูกแรกในฤดูกาลนี้
6. ปี 2019 ลิเวอร์พูลชนะ 28 เกมพรีเมียร์ลีค
ซึ่งเท่าปี 1987 ถ้าชนะอีกนัดจะเป็นอีกสถิติ
7.มีนักเตะที่ลงเล่นตัวจริงให้ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 19 คน (ไม่นับโกล)
8.นาบีเกอิต้า เป็นผู้เล่นคนที่ 16 ที่ยิงให้ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ (เหลือลอฟเลน โกเมซ กับ โจนส์) เป็นรองแค่ 2015-16 ที่ยิงกันได้ 17 คน
9.อ็อกซเลด ยิงประตูในพรีเมียร์ได้อีกครั้งตั้งแต่ 1ปี 327 วันที่แล้ว
10.นัดนี้เป็นนัดที่100 ของซาลาห์ ในพรีเมียร์กับลิเวอร์พูล ผลงาน 63 ประตู เท่ากับ ตอร์เรส มีแค่
อลัน เชียร์เร่อ(79), รุด ฟาน นิสเตอร์รอย(68), และ อเกวโร่ (64) ที่มากกว่า
11.ในพรีเมียร์ลีคลิเวอร์พูลแพ้เพียงแค่ 7 นัดจาก
100 นัด (ชนะ 71) ซึ่งเป็นผลงานดีที่สุดในอังกฤษ รวมทั้ง 4 ดิวิชั่น
12.ลิเวอร์พูลยิงอย่างต่ำ 2 ลูก 23เกม จาก 25 เกมหลังสุด
13.เกมนี้เป็นคลีนชีทแรกของอลิสซง ในพรีเมียร์ลีคปีนี้
และเป็นเกมที่ 3 ของทีม
14. เป็นแต้มที่ลิเวอร์พูลทิ้งห่างแมนซิตี้ตอนนี้
สรุปแล้วไม่ว่าจะจัดตัวยังไง ขอให้เชื่อใจคล็อปป
เพราะเขาเปลี่ยนพวกเราจากความสงสัยเป็นความเชื่อ
เปลี่ยนทีมระดับลุ้นท็อป 4 เป็นทีมลุ้นแชมป์
เปลี่ยนเกมรับที่อ่อน เป็นแข็งระดับยุโรป
Liverpool , This means more
มาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีคกันต่อ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา