11 ธ.ค. 2019 เวลา 07:17
" หุ้น 6 ประเภทของปีเตอร์ ลินซ์ "
หนึ่งในเทคนิคที่ ผู้จัดการกองทุนแนวเน้นคุณค่าที่เก่งที่สุดในโลกคนนึงอย่างปีเตอร์ ลินช์<Peter Lynch> สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นถึง 29.2%ต่อปี ในช่วงระยะเวลา13ปี คือ
การแบ่งหุ้นออกมาเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้รู้ว่าเรากำลังคาดหวังอะไรในหุ้นกลุ่มนั้นๆ ซึ่งถูกแบ่งออกมาเป็น 6ประเภท ได้แก่
.
1) หุ้นโตช้า
ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่โตปีละ2-4% ปีเตอร์ ลินซ์จะไม่สนใจหุ้นกลุ่มนี้มากนัก การจะได้กำไรในหุ้นกลุ่มนี้จะไม่ได้ให้ผลตอบแทนมากๆ จึงจำเป็นจะต้องซื้อหุ้นให้ได้ในราคาที่ถูกมากๆ หรือ ตอนตลาดpanic ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะเหมาะกับคนที่สนใจปันผลเรื่อยๆ
.
2) หุ้นแข็งแกร่ง
ปีเตอร์ ลินซ์ มักจะเก็บหุ้นแข็งแกร่งไว้ในพอร์ตเสมอเพื่อป้องกันในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย และเป็นหุ้นจะอยู่รอดได้ในวิกฤต ซึ่งอาจจะขายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน หุ้นกลุ่มนี้โตได้ปีละ10-12% การจะลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน30-50% จึงจำเป็นต้องซื้อตอนตลาดลดราคาให้
.
3) หุ้นโตเร็ว
เป็นกลุ่มที่ปีเตอร์ ลินซ์ โฟกัสลงทุนเป็นหลัก มักจะเป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่แต่สามารถเติบโตได้ปีละ20-25% ต่อเนื่องหลายปี เราสามารถทำกำไรกับหุ้นกลุ่มนี้ได้ถึง10-40เท่า<ถือหลายปี> อดีต เช่น Hmpro Cpall สุดท้ายหุ้นโตเร็วไปถึงจุดนึงก็จะกลายร่างเป็นหุ้นแข็งแกร่งนั่นเอง
.
4) หุ้นวัฏจักร
เป็นกลุ่มที่มีรายได้และกำไรขึ้นลงเป็นรอบๆ กำไรทีก็จะมาก ขาดทุนทีก็บักโกรก เช่น บริษัทรถยนต์ เหล็ก เคมี เดินเรือ ยาง การจะลงในหุ้นกลุ่มนี้จะต้องเข้าใจในธุรกิจเพียงพอที่จะรู้ได้ว่าธุรกิจอยู่ในช่วงใดของวัฏจักร แล้วต้องซื้อในช่วงต่ำสุดของธุรกิจ เพื่อรอการกลับตัวของรายได้และกำไร
ปีเตอร์ ลินซ์ แนะว่า P/Eกลุ่มนี้ ยิ่งสูง มันบ่งบอกว่าถึงจุดต่ำสุดของวงรอบธุรกิจ ในทางกลับกัน P/Eยิ่งต่ำ จะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของช่วงขาขึ้น
.
5) หุ้นฟื้นตัว
เป็นหุ้นที่กำลังย่ำแย่ แต่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ ซึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาชั่วคราว หรือการปรับโมเดลธุรกิจ ถ้าเราค้นเจอตั้งแต่ช่วงแรกๆ ก็สามารถทำไรได้มากๆได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่ฟื้นจริงเราก็มีโอกาสเจ็บหนักได้เช่นกัน ตัวอย่างที่ฟื้นกลับมาได้ เช่น Jas Amanah Kamart
.
6) หุ้นสินทรัพย์มาก
เป็นกลุ่มหุ้นที่มีสินทรัพย์ซ่อนอยู่ เช่น บริษัทที่มีที่ดินและบันทึกบัญชีในราคาทุน แต่ราคาที่ในปัจจุบันราคานั้นสูงกว่าที่บันทึกไว้มาก หรือจะเป็นหุ้นที่มีเงินสดมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวนมาก หุ้นกลุ่มนี้เราไม่สามารถคาดหวังผลตอบแทนได้แน่นอนว่าจะมาเมื่อไหร่ เพราะต้องรอคนมาปลดล็อคมูลค่า เช่น เข้ามาขายที่ดินและนำกำไรปันผลออกมา
.
การแบ่งกลุ่มแบบนี้จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจ และป้องกันความเสียหายในการเข้าผิดจังหวะ โดยตัวอย่างที่ชัดที่สุดน่าจะเป็นBanpu ที่ราคาถ่านหินเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยาวนาน จนคนส่วนใหญ่ของตลาดเข้าใจผิดว่าBanpuจะเติบโตต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องกลับมาสู่ความจริงเมื่อราคาถ่านหินลดลง
จริงๆแล้วแนวการลงทุนของปีเตอร์ ลินช์
มีอะไรอีกมากที่น่าสนใจ ไว้ผมจะเอามาเขียนในครั้งต่อๆไปนะครับ
โฆษณา