16 ธ.ค. 2019 เวลา 15:46 • ประวัติศาสตร์
"หายนะที่มีผู้เสียชีวิตเยอะที่สุดในไทย"
223 ชีวิตที่สูญเสีย ณ อุทยานแห่งชาติพุเตย
ภาพเครื่องบินลำที่เกิดเหตุ B767-300ER (OE-LAV)
ในปี 1979, อดีตแชมป์แข่งรถ Formula One 3 สมัยซ้อน, Niki Lauda ได้ประกาศลาวงการรถแข่งเข้ามาสู่วงการการบินเต็มตัว พร้อมก่อตั้งสายการบินของตัวเองนามว่า Lauda Air (เลาด้าแอร์) อีกทั้งได้เข้ามาบริหารเองในปี 1985 ด้วยความชื่นชอบบวกกับให้กิจการไปได้ดีกว่าเดิม สายการบินเลาด้ามีประวัติเครื่องบินเข้าประจำการทั้งหมด 12 Types ประกอบด้วย Boeing 7 รุ่น, และ Airbus, BAC, Fokker, Bombadier อย่างละรุ่น
Niki Lauda, เจ้าของเลาด้าแอร์
เครื่องบินทะเบียน OE-LAV ที่มีชื่อสุดเท่ว่าเจ้า Mozart เป็นหนึ่งในเครื่องบินของเลาด้าแอร์ในฝูงบิน Boeing รุ่น B767-300ER ที่ถูกนำเข้ามาประจำการในปี 1990 แต่ไม่นานนักก็เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดในเที่ยวบินที่ NG004
ข้อมูลเที่ยวบิน NG004
• สายการบิน Lauda Air
• เครื่องบินรุ่น B767-300ER (B767-3Z9ER)
• ทะเบียน OE-LAV, ชื่อ Mozart
• เส้นทางการบิน: จาก Kai Tak Airport, Hong Kong ไปยัง Vienna Airport, Austria (Stopover at Donmueng Airport, Thailand)
• ผู้โดยสาร 223 คน, ลูกเรือ 10 คน
• Captain Thomas J. Whelch, อายุ 48 ปี, ชั่วโมงบินสะสม 11,750 ชั่วโมง
• First Officer Josef Thurner, อายุ 41 ปี, ชั่วโมงบินสะสม 6,500 ชั่วโมง
ในวันที่ 26 พฤษภาคม 1991, เจ้า Mozart มีหน้าที่พาผู้โดยสารจากฮ่องกงไปยังกรุงเวียนนา, ประเทศออสเตรีย แต่ต้องหยุดเติมน้ำมัน ตรวจเช็คสภาพ และรับผู้โดยสารเพิ่มอีกกว่า 80 คนจากกรุงเทพ, ประเทศไทย
การเดินทางจากสนามบิน Kai Tak, ประเทศฮ่องกงมายังสนามบินดอนเมือง, ประเทศไทยเป็นไปได้อย่างราบรื่นและไม่พบความผิดปกติใดๆ
23.02 น. เวลาท้องถิ่น เครื่องบินลำเดียวกันถูกนำขึ้นจากสนามบินดอนเมืองเพื่อเดินทางไกลมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางสนามบินเวียนนา พร้อมกับอากาศที่มีความแปรปรวนเล็กน้อย
23.08 น. เวลาท้องถิ่น เครื่องบินกำลังทำการไต่ระดับความสูงขึ้นเพื่อให้อยู่ในชั้นที่มีความแปรปรวนของอากาศน้อยลงแต่นักบินทั้งสองสังเกตเห็นสัญญาณเตือน Thrust Reverser ของเครื่องยนต์ที่ 1 (ด้านซ้าย) ทำงาน ทั้งที่ปกติแล้วระบบนี้จะไม่ทำงานขณะทำการบินอยู่ เพราะมันมีหน้าที่ชะลอความเร็วโดยปรับโหมดในเครื่องยนต์จากปกติที่ส่งแรงไปด้านหลังให้ไปด้านหน้าแทน
ภาพเครื่องยนต์ PW4000 เสมือนที่ใช้ในเที่ยวบิน 004
ผู้ช่วยนักบินหยิบ Quick Reference Handbook มาหาแนวทางแก้ไขทันทีแต่ก็ไม่มีการระบุว่าเมื่อ Thrust Reverser ทำงานขึ้นมาจะต้องแก้ยังไง พบเพียงประโยค "Additional systems failures may cause in- flight
deployment" และ "Expect normal reverser operation after landing" ซึ่งทำให้กัปตันประเมินสาเหตุว่าอาจจะมาจากความชื้นขณะนั้นทำให้สัญญาณมันเตือนขึ้นมา จึงไม่ได้มีการแก้ไขอะไรในขณะนั้น
23.12 น. เวลาท้องถิ่น ผู้ช่วยนักบินสังเกตได้ว่าเครื่องกำลังเอียงจึงแนะนำกัปตันให้ขยับ Rudder Trim ไปทางซ้ายเล็กน้อย กัปตันก็สังเกตเห็นจึงทำตามคำแนะนำ
23.17 น. เวลาท้องถิ่น ขณะเครื่องบินทำการบินอยู่เหนือแนวจังหวัดสุพรรณบุรีคาบเกี่ยวอุทัยธานี สัญญาณเตือน Thrust Reverser ของเครื่องยนต์ด้านซ้ายก็เตือนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ได้มาปกติครับรอบนี้ ไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่ผู้ช่วยสังเกตเห็นสัญญาณและทำการแจ้งกัปตัน เสียงแตกหักของโลหะก็ตามมา เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ตามมาติดๆกัน ไม่ถึง 30 วินาทีสัญญาณก็หายไปพร้อมกับเรดาห์ของ Mozart ก็หายไปพร้อมกัน
เที่ยวบินที่ 004 ได้ตกลงที่บริเวณเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้โดยสาร 213 คน ลูกเรือ 10 คน เสียชีวิตทั้งหมด 223 คน ไม่มีผู้รอดชีวิตจากหายนะครั้งนี้ นับเป็นอุบัติเหตุทางการเดินทางทางอากาศที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจวบจนถึงปัจจุบัน
ภาพสัญญาณ Thrust Reverser ของเครื่องยนต์ที่ 1 (ซ้าย) ทำงาน
หลังจากเหตุการณ์ ผู้เกี่ยวข้องรีบประสานงานพร้อมขอเข้าทำการเก็บกู้ซากพร้อมทีมสืบสวนและตรวจสอบ ทว่าในเหตุการณ์นี้นั้นปัญหามีอยู่ว่าจุดตกมีการเข้าถึงได้ยากมาก ต้องใช้เวลาเดินเท้าเข้าไปในอุทยานเกินครึ่งวันเพราะไม่มีทางรถ
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดครั้งนี้ทำให้มีผู้สนใจอยากเข้าจุดเกิดเหตุด้วยหลายวัตถุประสงค์ ทั้งตรวจสอบ ทั้งถ่ายภาพ ทั้งทีมงานนักข่าว ทีมงานช่วยเหลือ ทีมงานเก็บกู้ ญาติผู้ป่วย และรวมไปถึงผู้ไม่หวังดี
ใครจะเชื่อครับว่าเหตุการณ์สลดครั้งนี้ยังมีผู้ไม่ประสงค์ดีรีบเข้าจุดเกิดเหตุเพื่อไปขโมยทรพย์สินของผู้เสียชีวิต เมื่อมีคนเจอก็รีบวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าทึบ ทำให้มีกฎหมายตามมาเลยว่าหากใครครอบครองของผู้เสียชีวิตถือเป็นโทษรุนแรง บ้างก็รีบเอาของกลับมาคืนเพราะสาเหตุนี้ แต่บ้างก็เอาของมาคืนเพราะเจอเรื่องประหลาดหลังจากขโมยของศพมา เลยเกิดความกลัวและรีบขอขมานำของกลับมาคืนทันที
ซากของเครื่องบินเองก็พบกระจัดกระจายเป็นวงกว้างกว่า 1 ตารางกิโลเมตรเลยครับ
ภาพส่วนประกอบของเครื่องบินที่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
ในการสืบสวนหาสาเหตุ ได้ข้อสรุปแรกว่าเครื่องบินมีการลุกไหม้กลางอากาศ ซึ่งจากคำให้การของผู้พบเห็นเหตุการณ์จำนวนมากพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ยินเสียง "ตู้มม !" ดังสนั่นจึงออกมาดูและเห็นเป็นลูกไฟหล่นลงมาจากท้องฟ้า ประกอบกับข้อมูลจากกล่องดำในห้องนักบิน (Cockpit Voice Recorder - CVR) ทีมงานสืบสวนตีประเด็นไปที่การฉีกขาดของโลหะ ทำให้ส่วนปีกแยกออกจากลำตัว เกิดประกายไฟและลุกไหม้น้ำมันที่จุไว้บริเวณปีกที่รั่วมาในเวลาเดียวกัน
จากบันทึกการสนทนา ผมก็ได้แทรกไว้บ้างในตอนต้นของบทความแล้วว่าสาเหตุหลักๆของหายนะครั้งนี้ก็คือ Thrust Reverser ที่มีหน้าที่ชะลอความเร็วของเครื่องขณะทำการ Landing (นำเครื่องลงจอด) ที่โดยปกติจะไม่ทำงานขณะบินอยู่ ทว่าในเหตุการณ์นี้พบความผิดปกติของการลัดวงจรในเครื่องบินเอง บวกกับการเปิดปิดระบบ Thrust Reverser เองสามารถ Active ผ่านระบบอิเล็คโทรนิคส์ได้ ทำให้ระบบทำงานได้เมื่อระบบไฟฟ้าขัดข้องหรือรวน - ภายหลังจึงมีการติดตั้งระบบ Mechanical เข้าไปอีกชั้นในการ Active ตัวระบบเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
ในส่วนของ QRH หรือ Quick References Handbook ที่นักบินใช้เป็นคู่มือช่วยตัดสินใจในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเหล่านี้ไม่ได้ระบุวิธีการรับมือสถานการณ์เช่นนี้ไว้ - ภายหลังก็มีการใส่วิธีการแก้ไขเพิ่มเติมเข้าไปในคู่มือเช่นกัน
• Boeing 767 ทุกรุ่นถูกสั่งห้ามบินจนกระทั่งวันที่ 13 มิถุนายน ปีเดียวกัน
• ชาวฮ่องกงกว่า 20% เลิกใช้บริการสายการบินเลาด้าไปเลย
• แต่กลับกันปริมาณชาวออสเตรียที่ใช้บริการสายการบินเลาด้ากลับมากขึ้น (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน)
ข้อมูลจากบล็อคอื่นๆ:
โฆษณา