17 ธ.ค. 2019 เวลา 02:13 • ธุรกิจ
"ภาวะเศรษฐกิจของฮ่องกงจะอ่อนแออย่างต่อเนื่องไปจนถึงกลางปีหน้า"
ภาวะเศรษฐกิจของฮ่องกงในปี 2019 ทรุดตัวลงอย่างหนักจากการประท้วงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สภาวะเศรษฐกิจของฮ่องกงในปีหน้า (2020)
"มีโอกาส" ที่จะสามารถประคองตัวหรือมีเสถียรภาพ(Stabilization)
ต่อไปได้
https://s1.reutersmedia.net/resources/r/?m=02&d=20190718&t=2&i=1409250280&r=LYNXNPEF6H0I0&w=1280
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การประท้วงว่า จะอยู่ในลักษณะที่เป็นการประท้วงเชิง สันติ หรือ ใช้ความรุนแรง อย่างในช่วงก่อนหน้า
*ในบทความผมจะเขียนโดยไม่มีอคติทางการเมืองเช่นเคยนะครับขอให้ทุกท่านวางใจ
ในช่วงที่ผ่านมาเราได้ติดตามข่าวเรื่องการประท้วงของชาวฮ่องกงมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยในระยะเริ่มแรกการประท้วงก็เป็นไปในลักษณะสันติ มีการเดินรณรงค์ในรูปแบบต่างๆ
จนเมื่อมาถึงระยะหลังที่เหล่าผู้ประท้วงและทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น และ กระจายตัวไปในพื้นที่ต่างๆทั่วเกาะฮ่องกง
เริ่มมีการทำลายและขัดขวางระบบขนส่งสาธารณะของฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งความรุนแรงได้มาถึงจุดที่มีการใช้อาวุธโจมตีใส่บุคคลจริงๆ
https://d2rdhxfof4qmbb.cloudfront.net/wp-content/uploads/20180620145411/View-hong-kong.jpg
เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาหมูน้อยก็มีโอกาสไปเที่ยวฮ่องกงตามปรกติอย่างที่ชาวบ้านชาวช่องเขาทำกัน ส่วนใหญ่ก็จะเน้น กิน ไหว้พระ เดินย่อยสักครู่แล้วก็กินต่อ
"ความรู้สึกของผม" ในขณะที่ได้ไปเที่ยวฮ่องกงก็พบว่า
"สำหรับนักท่องเที่ยว"
ฮ่องกงเป็นเมืองที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ระบบขนส่งสาธารณะครอบคลุมแทบจะทุกพื้นที่ของตัวเกาะ(บัตรปลาหมึก:Octopus ใบเดียวใช้ได้ทั่วทั้งเกาะ) ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว ทุกอย่างล้วนมีคุณภาพในระดับสูง
ร้านอาหารข้างทาง ต่อให้เดินเข้าไปร้านธรรมดาๆที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อร้านแนะนำก็ยังอร่อย ราคาสินค้าหลายรายการก็ค่อนข้างที่จะ มีราคาถูกเมื่อเทียบกับหลายๆประเทศ(ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะข้อกำหนดทางภาษี)
https://lajollamom.com/wp-content/uploads/2018/07/hong-kong-dim-sum.jpg
https://lajollamom.com/wp-content/uploads/2018/07/hong-kong-dim-sum.jpg
รวมถึงมีความสะดวก สามารถใช้ ภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีนกลาง ในการติดต่อสื่อสาร ได้โดยง่าย
เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ในขณะที่ได้ใช้เวลาช่วงสั้นๆที่ "ฮ่องกง" คือ
ทำไม "เมืองฮ่องกงเล็ก" คำว่า "เล็ก" ในที่นี้ คือ สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกง
เนื่องด้วยตัวเกาะที่มีขนาดเล็ก มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางกิโลเมตร และ มีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ประมาณ 7,200,000 คน (อ้างอิงตัวเลขจาก CIA ของอเมริกา)
ทำให้ลักษณะที่อยู่อาศัย อยู่ในลักษณะของแนวดิ่ง คือเป็นตึกสูงและภายในตึกแบ่งออกมาเป็นห้องย่อยๆ จำนวนมาก
ถ้าคิดว่าห้องขนาดเล็กของ คอนโดในไทย เล็กมากเเล้ว ที่อยู่อาศัยของฮ่องกงเล็กกว่านั้นมาก
ด้วยความที่ประชากรมีจำนวนมาก และพื้นที่มีเท่าเดิม ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง แพงติดอันดับโลก
ด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้เอง ทำให้วัยรุ่นและคนยุคใหม่ ที่ทำงานในลักษณะปรกติ แทบจะไม่สามารถที่จะเป็นเจ้าของ "บ้าน" หรือ "คอนโด" ด้วยตัวคนเดียวได้เลย
ภาพข้างล่างนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ๆ ผู้คนนิยมถ่ายรูปมากที่สุด เมื่อไปเที่ยวในฮ่องกง
ในมุมมองของ "คนนอก" เราคงมีความรู้สึกว่า เออ มันสวยนะ ถ่ายรูปได้เก๋ๆดี
https://thumbs.dreamstime.com/z/hong-kong-density-residential-famous-travel-place-yick-fat-building-night-136275193.jpg
แต่เมื่อเรามองในมุมของ "คนใน" กับการที่ต้องอาศัยอยู่ในตึกสูงรายล้อม มีพื้นที่ขนาดเล็ก และมีคนอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก
คงจะรู้สึก "อึดอัด" ไม่ใช่น้อย ซึ่ง "ความอึดอัด" ในที่นี้ไม่ใช่ในเชิงกายภาพเพียงอย่างเดียว นั่นรวมถึง "ความอึดอัดทางความคิด" ร่วมด้วย
สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนสะสมมาอย่างยาวนาน จนมันระเบิดออกมาในปี 2019 ปีนี้นั่นเองครับ
สิ่งหนึ่งที่เกิดในการประท้วง ที่ฮ่องกงคือ การทำลายระบบขนส่งสาธารณะ และร้านค้าทั้งหลาย
https://ca-times.brightspotcdn.com/dims4/default/91ee050/2147483647/strip/true/crop/5040x3360+0+0/resize/840x560!/quality/90/?url=https%3A%2F%2Fcalifornia-times-brightspot.s3.amazonaws.com%2Fa4%2F1b%2Fa588b6c84523a098b07fd1301b59%2Fla-photos-1staff-464624-fg-0908-hkprotest-mwy-1589.JPG
.
ซึ่งจุดนี้ได้ย้อนกลับมาทำร้ายชาวฮ่องกงเองอย่างแสนสาหัส ด้วยความที่ชาวฮ่องกง พึ่งพาระบบการขนส่งสาธารณะแทบจะ 90% ของการใช้ชีวิต เมื่อระบบพื้นฐานเหล่านี้ได้รับความเสียหายแล้ว จึงส่งผลกระทบโดยตรงกับพวกเขาเหล่านั้น
นอกเหนือไปจากระบบขนส่งสาธารณะแล้ว ธุรกิจหลายๆส่วนฮ่องกงยังพึ่งพิง การท่องเที่ยว "เป็นลมหายใจ"
ในเมื่อเป็นลมหายใจ ดังนั้นจึงขาดไปไม่ได้ แต่... การท่องเที่ยวฮ่องกงได้หยุดชะงักลงเสียแล้ว
นักท่องเที่ยวที่มาฮ่องกง กลุ่มใหญ่ที่สุด คือ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ (Mainland China) ซึ่งในเดือน ตุลาคมที่ผ่านมาปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงถึง 44%
https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-12-16/hong-kong-s-economy-limps-into-2020-with-fate-tied-to-protests?srnd=premium-asia
.
-44% นี่มันมากขนาดไหน?
มันเป็นปริมาณ มากถึง 2.5 ล้านคน ลดลงมาครึ่งนึงจากเดือนมกราคม เชียวล่ะครับ
นอกเหนือไปจากสถานะที่เป็นเมืองท่องเที่ยว เหล่าเสือการเงินทั้งหลายคงทราบกันดีว่า สำหรับภูมิภาคเอเชียแล้ว ศูนย์กลางทางการเงินที่มีความสำคัญ คือ ฮ่องกง และ สิงคโปร์
เมื่อการประท้วงดำเนินมาถึงจุดหนึ่งเหล่าผู้ประท้วงได้เริ่มที่จะโจมตี
ศุนย์กลางทางการเงินซึ่งเป็น "หัวใจ" หลักของประเทศ
ในการประท้วงช่วงที่ผ่านมา หากผมจำไม่ผิดเหตุการณ์เรียงลำดับจากการโจมตี ตู้ ATM , Bank of China และมาประท้วงและขัดขวางการจราจรที่บริเวณศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกง
https://cdn.i-scmp.com/sites/default/files/styles/768x768/public/d8/images/methode/2019/11/19/2176ae10-0a77-11ea-afcd-7b308be3ba45_image_hires_131721.JPG?itok=iBA_liHI&v=1574140648
.
เมื่อ "การท่องเที่ยวคือ ลมหายใจ" และ "การเงิน ที่เป็น หัวใจ"
มีความเสียหายทั้งคู่ ดังนั้น "สภาวะเศรษฐกิจ" และ "ความเป็นอยู่" ของชาวฮ่องกงจึงได้รับผลกระทบโดยตรง
- ด้านเศรษฐกิจ
การเติบโตของฮ่องกง ลดลงอย่างต่อเนื่องมา 2 ไตรมาสติด ในกราฟที่ท่านเห็นด้านล่าง แท่งสีดำก่อนแท่งสีฟ้าคือ GDP ไตรมาส 3(ระหว่างเดือน 7-9 ที่การประท้วงเริ่มมีความรุ่นแรงมากขึ้น) ของฮ่องกง ลดลงถึง -3.2%
และ แท่งสีฟ้าแท่งแรกคือ การคาดการณ์ GDP ไตรมาส 4 ยังคงประเมินว่าติดลบอย่างต่อเนื่องที่ -1.5%
*โดยปรกติแล้วหาก GDP ติดลบติดๆกัน 3 ไตรมาสก็สามารถนับว่าอยู่ในภาวะถดถอยได้แล้วครับ
แต่ ... จุดนี้มีประเด็นที่น่าสนใจว่า เจ้าเเท่งสีฟ้า ที่เป็นการคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจของฮ่องกง ในช่วง Q4/2019 และ Q1-2/2020 มีการปรับตัวที่ดีขึ้น
นั่นคือเหล่านักวิเคราะห์จากหน่วยงาน Hong Kong Census and Statistics Department ประเมินแนวโน้มของเศณษฐกิจในช่วงถัดไปว่า "มีโอกาสที่จะฟื้นตัว" ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การประท้วงในระยะถัดไปด้วย
https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-12-16/hong-kong-s-economy-limps-into-2020-with-fate-tied-to-protests?srnd=premium-asia&sref=hO6JqbDz
.
- ด้านค้าปลีก
ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง สมาคมค้าผู้ค้าปลีกของฮ่องกง มีการประเมินว่า หากสถานการณ์การประท้วงยังไม่ดีขึ้น ใน 6 เดือนข้างหน้าจะมีร้านค้าหลายพันร้านจะต้องปิดตัวลง
- สภาวะการเติบโตของธุรกิจในฮ่องกง
"ตกต่ำที่สุด" นับตั้งแต่เมษายน ปี 2003
https://assets.bwbx.io/images/users/iqjWHBFdfxIU/iI7x.ZBNvBM8/v2/-1x-1.png
- ฝั่ง อสังหาริมทรัพย์ "ราคา" ในการขายต่อหน่วยได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-12-16/hong-kong-s-economy-limps-into-2020-with-fate-tied-to-protests?srnd=premium-asia&sref=hO6JqbDz
นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ลี เชียน ลุง (Lee Hsien Loong) ได้ให้มุมมองเรื่องฮ่องกงโดยยกเอาปรัชญาการปกครองของจีน คือ
หนึ่งประเทศสองระบบ(One Country two systems)
มาใช้กับสถานการณ์นี้ได้อย่างเฉียบคมว่า
“From China’s point of view they must not only think of one country but remember that this is two systems and from Hong Kong’s point of view, you must not only think of two systems, but remember that this is one country,”
ในมุมมองของจีน
ประเทศจีนไม่เพียงต้องคิดแค่ "จีนและฮ่องกงเป็นหนึ่งเดียวกัน" เท่านั้น แต่ยังต้องระลึกไว้ในใจเสมอว่า "ปกครองสองระบบ"
ในมุมมองของชาวฮ่องกง
ฮ่องกงไม่เพียงต้องคิดแค่ "การปกครองสองระบบเท่านั้น" แต่ยังต้องระลึกไว้เสมอว่า "ฮ่องกงและจีนเป็นหนึ่งเดียวกัน"
คำกล่าวนี้ทำให้ Lee Hsien Loong กลายเป็นฮีโร่ของฝั่งจีนและขณะเดียวกันก็กลายเป็นศัตรูของผู้ประท้วงที่ฮ่องกงไปในทันที
โดยส่วนตัวแล้ว หมูน้อยคงไม่อาจไปวิจารณ์สถานการณ์การประท้วงในฮ่องกงได้มากนัก เพราะระหว่างที่เราเป็นคนนอกมองเข้าไป กับคนในมองออกมา ความรู้สึกและมุมมองย่อมต้องต่างกัน
1
หวังว่าทุกท่านจะถูกใจบทความชิ้นนี้ สมกับที่หมูน้อยอู้งานมา 1 วัน
ขอบพระคุณทุกท่านที่คอยติดตามและสนับสนุนกระผมมาโดยตลอด
ฝากกด like และ กด share กันด้วยนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
reference

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา