"นับตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นวานรที่ไม่สลักสำคัญ
จนกลายมาเป็นเจ้าผู้ครอบครองโลก"
"บัดนี้ เรากำลังออกแบบชีวิตใหม่อีกครั้ง"
"ความอดอยากกำลังจะหมดไปและความตายเป็นแค่เพียงปัญหาทางเทคนิค"
นี่คือคำโปรยบนปกหนังสือสามเล่มในซีรีย์ชุดนี้
หนังสือสามเล่ม กับปริมาณหน้ากว่า พันห้าร้อยหน้า พาเราไปสำรวจอดีตที่มาของมนุษย์ ปัญหาในปัจจุบัน และ เส้นทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ยูวัล โนอาห์ แฮรารี เริ่มต้นคำถามจากหนังสือเล่มแรก
"ซาเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ"
โดยชวนเราคิดว่า เหตุใด เผ่าพันธ์ุโฮโมซาเปียส์ของเราจึงกำราบสัตว์เผ่าพันธ์ุอื่นได้อย่างราบคาบ ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนร่วมสกุลเดียวกันอย่าง นีแอนเดอร์ธัลส์
เรามักจะเชื่อว่า เพราะเรามีสมองที่ใหญ่กว่าสัตว์อื่น
แต่ผลจากการสำรวจของนักมนุษยวิทยาพิสูจน์ว่านีแอนเดอธัลส์นั้นมีสมองใหญ่กว่าซาเปียนส์ แต่กลับสูญพันธ์ุเมื่อต้องต่อสู้แย่งชิงอาหารกับเผ่าพันธ์ุของพวกเรา
ถ้าเราคิดว่าความฉลาดเป็นประเด็นหลัก ลองให้ดอกเตอร์จากออกซ์ฟอร์ดไปแข่งดำรงชีวิตในป่ากับพรานเถื่อนที่ไม่รู้หนังสือดูสิ
หรือ เปรียบเทียบให้ง่ายขึ้น มนุษย์ทั่วไปในปัจจุบันอย่างพวกเรา ถ้าต้องย้อนกลับไปใช้ชีวิตในอดีตสัก 1,000 ปีก่อน เราจะเห็นว่า ความสามารถที่เราร่ำเรียนจบมาจะช่วยให้เรามีชีวิตอยู่รอดได้จริงหรือ ?
ข้อสันนิฐานของแฮรารีคือ ..
ซาเปียนส์ครองโลกได้ เพราะ "ความเชื่อ"
ความเชื่อเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่กลับสร้างภาพที่ช่วยให้ซาเปียส์มองไปในทิศทางเดียวกัน ทำงานร่วมกันได้
ตั้งแต่ วางแผนล่าสัตว์ใหญ่ เก็บสะสมเสบียง แบ่งพื้นที่เพาะปลูก ไปจนถึงแบ่งชั้นวรรณะ แบ่งเขตการปกครอง มีวัฒนธรรมประเพณีร่วมกัน
ทุกวันนี้ พวกเราต่างมีชีวิตที่ยึดมั่นอยู่บนสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น กฎหมาย ระบบเงินตรา ระบอบการปกครอง ศาสนา ธุรกรรมของนิติบุคคล และจำนวนยอดไลค์ในโซเชี่ยลมีเดีย
และเมื่อความเชื่อขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ตามปริมาณการท้าทายของความ 'ไม่เชื่อ'
เมื่อมนุษย์สงสัยในพระเจ้าและก้าวข้ามคำสอนของพระองค์ เราจึงพบว่าโลกนั้นกลม เมื่อนั้น เราก็รู้ว่า เราก็สามารถเล่นในบทของพระเจ้าได้เช่นกัน
ทุกวันนี้ อัตราการตายในแต่ละปีจากสงครามต่ำกว่าปริมาณการฆ่าตัวตาย
คนเสียชีวิตจากโรคอ้วนมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากความอดอยาก
ความตายกำลังจะเป็นเพียงปัญหาทางเทคนิคที่เรากำลังหาทางแก้ไข
และอีกไม่นานหลังจากนี้ ปัญหาเรื่องชราภาพจะกลายเป็นเพียงปัญหาทางเศรษฐกิจ
ทุกวันนี้ ถ้าเรานำคนรวยมาชกต่อยกับคนจน มีแนวโน้มว่า คนจนผู้ผ่านความทุกข์ยากมาทุกรูปแบบจะเป็นฝ่ายชนะ
แต่ในอนาคต เมื่อมีบริษัททางการแพทย์ที่ให้บริการส่งหุ่นยนต์ตัวจิ๋วนับพันตัวเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อซ่อมแซมส่วนต่างๆที่สึกหรอ รีเฟรชอวัยวะที่เสื่อมทรุด เชื่อมต่อปลายประสาทเข้าด้วยกัน
คนรวยจะไม่เพียงมีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่จะแข็งแรงกว่า อ่อนเยาว์กว่า และเฉลียวฉลาดกว่าผู้ใช้แรงงานที่เป็นฐานล่างของสังคม
และเมื่อนักชีววิทยาค้นพบว่า จิตวิญญาณที่เราคิดว่าเป็นดินแดนที่ไม่อาจหยั่งถึงนั้นกลับกลายเป็นเพียง อัลกอริทึมทางชีวเคมี
อิสรภาพทางความคิดของเราจะถูกยึดครองโดยที่เราไม่รู้ตัว
กูเกิ้ลจะรู้จักเราดีกว่าตัวเราเองเสียอีก
สาวน้อยคนหนึ่งกำลังลังเลใจว่า เธอควรจะเลือกคบใคร ?
ระหว่างชายหนุ่มสองคนที่มาติดพันเธอ เธออาจจะพูดคุยปรึกษากับเพื่อนสนิท แต่คำตอบที่ได้รับอาจยิ่งชวนให้สับสนเพราะอาจจะเป็นคำแนะนำที่ดูดีแต่เข้าใจได้ยากยิ่ง เช่น
'เลือกคนที่หัวใจของเธอบอกว่าใช่สิ'
แต่ถ้าหญิงสาวหันมาปรึกษากับระบบเอไอส่วนตัวของเธอ อาจจะได้คำแนะนำว่า
ชายคนที่ใจเธอคิดว่าใช่นั้น ในระยะยาวแล้วจะไม่ช่วยให้ชีวิตคู่ของเธอยืนยาวนัก เนื่องจากเมื่อได้สำรวจกิจกรรมในโลกออนไลน์ของเขาแล้ว พฤติกรรมที่เขามักทำอยู่เป็นประจำมีสัดส่วนที่ขัดแย้งกับความชอบของเธอถึง 65% ในขณะที่อีกคนที่น่าสนใจน้อยกว่า กลับมีสิ่งที่ขัดแย้งกันเพียง 40%
การนอนหลับของเขาไม่ดีนัก ซึ่งจะทำให้เธอที่เป็นคนตื่นง่าย จะมีปัญหาตามไปด้วย และยามเมื่อเธออยู่ใกล้เขา อัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นก็มีสัดส่วนที่มากกว่าคนที่เธอมองข้ามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนอัตราปริมาณพาโดมีนที่เกิดขึ้นนั้นไม่แตกต่างกัน
เมื่อการเชื่อมต่อข้อมูลทุกอย่างประสานเข้าด้วยกันทั้งหมด การตัดสินใจที่เราคิดว่าใช่ อาจจะไม่ใช่อีกต่อไป
และถ้าคุณกำลังคิดว่า เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้ ลองถามคนที่ใช้แอฟนำทางของกูเกิ้ลเป็นประจำดูสิ ว่าใครเป็นใหญ่ในการตัดสินใจเลือกเส้นทาง
เมื่อถึงวันนั้นทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วินจะกลับมาให้พูดถึงกันอีกครั้งว่า
"สิ่งใดไม่สามารถปรับตัวได้ ก็จะต้องสูญพันธ์ุ"
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
