Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สาระไม่เลว
•
ติดตาม
18 ธ.ค. 2019 เวลา 05:23 • ประวัติศาสตร์
สงครามเย็น(Cold War)
เหมือนกับสงครามโลกไหม?
แบ่งเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายแรกคือเสรีนิยมประชาธิปไตย เช่น อเมริกา
ฝ่ายที่ 2 คือ โลกสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์
ที่มีสหภาพโซเวียดเป็นแกนหลัก
1
เรื่องราวของสงครามเย็นเริ่มต้นในช่วงก่อนที่จะจบสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฝ่ายที่กำลังจะชนะสงครามได้มาประชุมรวมกันโดยการประชุมนี้มีชื่อว่าYalta Conference ซึ่งผลจากการประชุมครั้งนี้เป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดสงครามเย็น
เนื้อหาการประชุมมีดังนี้
1.แบ่งเยอรมันออกเป็น 4 ส่วนแบ่งแต่ละส่วนให้ 4 ประเทศผู้ที่ชนะสงคราม
สิ่งสำคัญของประเทศก็คือเมืองหลวง เมืองหลวงของเยอรมันในขณะนั้นคือเบอร์ลิน ได้ตกไปอยู่ในการปกครองของสหภาพโซเวียต แต่ว่าเมืองหลวงเป็นเมืองที่สำคัญจึงถูกแบ่งให้อีก 3 ประเทศ
โดยการแบ่งเมืองหลวงที่อยู่ในเขตปกครองของสหภาพโซเวียตส่งผลกระทบต่อสงครามเย็นเป็นอย่างมาก
2.ประเทศที่ถูกนาซียึด จะต้องถูกปล่อยให้เป็นอิสระและดำเนินไปตามแนวทางหลักประชาธิปไตย
3.จะจัดตั้งองค์กร united nation ขึ้นมาเพื่อดูแลความสงบสุขของโลกใบนี้
โดยหลังจากที่ ทั้ง 4 ประเทศ ที่ชนะสงครามได้ขับไล่นาซีออกไปจนหมดแล้ว จึงจัดตั้งการประชุมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
มีชื่อว่า Potsdam conference
การประชุมครั้งนี้จัดตั้งเพื่อเป็นการย้ำคำสัญญาจากการประชุมครั้งก่อนหน้า แต่ทว่าอะไรๆก็ได้เปลี่ยนไป โดยเฉพาะ ปธนบดี.ของอเมริกา คนก่อนได้เสียชีวิตลง Franklin D. Roosevelt การประชุมครั้งนี้ได้ถัดมาจากครั้งก่อน 6 เดือน อเมริกาจึงได้มีปธนบดีคนใหม่
ชื่อ Harry S. Truman ซึ่งไม่เอาสหภาพโซเวียตเลย เนื่องจากในยุคนี้ อเมริกาไม่จำเป็นต้องพึ่งสหภาพโซเวียต เพราะอเมริกาได้คิดค้นระเบิด
ปรมาณู ได้สำเร็จ
ในการประชุมครั้งนี้อเมริกาก็ได้เหมือนบอกผ่านๆสหภาพโซเวียตว่า ประเทศของเราได้คิดค้นระเบิด สำเร็จแล้วมันรุนแรงมากแต่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดว่ามันคืออะไร โดยการที่เป็นพันธมิตรกันต้องบอกกันทุกเรื่องจึงทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันระหว่างพันธมิตรกันเอง แต่จริงๆแล้วสหภาพโซเวียตก็รู้อยู่แล้วแหละว่าอเมริกามีระเบิดปรมาณูเพราะสหภาพโซเวียตก็มีสายลับ สหภาพโซเวียตจึงไม่ไว้วางใจอเมริกา
ส่วนทางสหรัฐอเมริกาเองก็ไม่ได้ชอบสหภาพโซเวียตอยู่แล้ว เนื่องจากการประชุมครั้งที่แล้วประชุมกันไว้ว่าทุกสิ่งอย่างจะต้องเป็นไปตามประชาธิปไตยแต่สหภาพโซเวียตใช้ระบบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายอำนาจออกไปทางยุโรปตะวันออก และหลังจากนั้นไม่นานในปี 1945เดือนสิงหาคม สหรัฐอเมริกา ก็ได้ทิ้งระเบิดปรมาณ
ที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ
มีทฤษฎีที่ที่บอกว่าอเมริกาทิ้งระเบิดเพื่อที่จะชนะสงครามแต่ก็มีอีกทฤษฎีหนึ่ง ที่ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ขนาดนั้นมันเกินความจำเป็นอารมณ์ทำนองว่าขู่สหภาพโซเวียตอะไรทำนองนั้น
หลังจากที่สหภาพโซเวียตได้เห็นแสนยานุภาพของสหรัฐอเมริกา จึงเกิดความกลัวว่าอเมริกาจะลุกเข้ามาในดินแดนของตนจึงแผ่ขยายอำนาจการปกครองเข้าไปทางที่ยุโรปตะวันตก
มากขึ้น เพื่อหวังว่าจะใช้เป็นกันชน
เป็นหน้าด่านของประเทศตน
หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเหตุการณ์หนึ่งซึ่งหลายๆคนเชื่อว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็น ชื่อว่า Long telegraph
มันคือโทรเลขที่ถูกส่งกลับไปยังประเทศแม่ของตนเพื่อรายงานสถานการณ์ต่างๆ
สถานทูตอเมริกาที่อยู่ในสภาพโซเวียตก็ได้ส่งเหตุการณ์สถานการณ์ต่างๆกลับไปยังอเมริกา
ส่วนสถานทูตโซเวียตที่อยู่ในอเมริกา ก็ได้รายงานกลับไปยังประเทศของตนเช่นกัน
จึงเกิดการปะทุขึ้นมา
ตัดกลับมาที่ประเทศอังกฤษ Winston Churchill ได้ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเขาได้พูด
สุนทรพจน์อันหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงมากๆ เขาได้พูดเกี่ยวกับคำว่า iron curtain ก็คือม่านเหล็กนั่นเองในสถานการณ์ตอนนี้ยุโรปแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง
คือฝั่งคอมมิวนิสต์และฝั่งเสรีนิยมประชาธิปไตย
โดยสถานการณ์ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่สงครามโลกครั้งที่ 2 พึ่งจบ ประเทศที่เข้าร่วมสงครามตอนนั้นก็ยังไม่มีเงินทุนมากนักที่จะทำอะไร ยกเว้นอเมริกา สหรัฐจึงเริ่มนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศต่างๆเป็นคอมมิวนิสต์
โดยการให้การช่วยเหลือเพื่อแสดงว่าการเป็น
โลกทุนนิยมเสรีนิยมประชาธิปไตยทำให้ชีวิตดีขึ้น
และแน่นอนที่อเมริกาทำแบบนี้สหภาพโซเวียตก็ย่อมเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างแน่นอน จึงทำการตอบโต้โดยการปล่อยข่าวว่า อเมริกา กำลังจะครอบงำยุโรป ทุกๆประเทศระวังตัวเอาไว้ให้ดี
โดยในสถานการณ์ครั้งนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆก็คือกรุงเบอร์ลินที่ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
พอคราวนี้อเมริกากับสหภาพโซเวียต ไม่ถูกกัน กรุงเบอร์ลินที่อยู่ในส่วนของสหภาพโซเวียต
ที่ปกครอง อเมริกาอังกฤษและฝรั่งเศสได้รวมอเมริกาเป็นฝั่งเดียวและปล่อยให้สหภาพโซเวียตปกครองในฝันของตนเอง ในเมื่อเป็นแบบนี้สภาพโซเวียตจึงตัดการช่วยเหลือให้กรุงเบอร์ลิน แบ่งเป็นเยอรมันตะวันตกและเยอรมันตะวันออก
โดยกรุงเบอร์ลินตั้งอยู่ในฝั่งเยอรมันตะวันออก
ด้านฝั่งตะวันตกที่ 3 ประเทศให้การช่วยเหลือ ก็แอบช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในกรุงเบอร์ลินเล็กๆน้อยๆด้วยการส่งเสบียงและอาหารผ่านทางอากาศ สถานการณ์ก็เลยตึงเครียดแบบนี้เรื่อยไป จนกระทั่ง ต่อ Ep.2
2 บันทึก
5
2
2
2
5
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย