18 ธ.ค. 2019 เวลา 05:00
ฉลองคริสตมาสแบบไหนที่พระเจ้าพอพระทัย..
มีการจัดอันดับ 9 เมืองที่น่าไปร่วมฉลองคริสตมาสประจำปี 2019 ดังนี้
อันดับที่ 1 แลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์ เมืองซันตาคลอส ร่วมกิจกรรมแจกขนมปัง และร่วมขบวนกับซานตาคลอส
อันดับที่ 2 กรานาดา ประเทศสเปญ ชมต้นคริสตมาสยักษ์ที่พระราชวังอัลฮัมบราบนเนินเขาเซียรา เนวาดา เล่นสกีหิมะ และร่วมขบวนพาเหรดแฟนตาซี
อันดับที่ 3 ออสโล ประเทศนอรเวย์ เมืองที่มีแต่กลิ่นอายของคริสตมาส บนถนนหนทางเต็มไปด้วยการประดับประดาคริสตมาสและซานต้า
อันดับที่ 4 นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตลอดเส้นทางตั้งแต่สะพานบรูคลิน เพลงประสานเสียงที่ไทม์แสควร์ เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยแสงสีและสัญลักษณ์ของคริสตมาส
อับดับที่ 5 อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นบรรยากาศแบบ City of angels ไฟคริสตมาสสว่างไสวทั่วเมือง และซันตาคลอสต้นแบบ
อันดับที่ 6 เอดดรินเบิร์ก ประเทศสก๊อตแลนด์ คริสตมาสแบบย้อนไปสู่ยุคกลาง การเป่าปีสก๊อต เพลงคริสตมาสแบบดั้งเดิม การร้องเพลงประสานเสียง ขบวนไวกิ้ง และพลุสุดอลังการ
อันดับที่ 7 นูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมันนี เมืองคริสตมาสหมายเลข 1 ของเยอรมัน ตลาดคริสตมาสที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมชมและจับจ่ายใช้สอย
อันดับที่ 8 ปราก สาธารณรัชเชค เมืองที่เต็มไปด้วยหิมะ เมืองที่ถูกตกแต่งให้เป็นเบธเลเฮม ดินแดนแห่งประสูติกาลของพระเยซู
อันดับที่ 9 โรม ประเทศอิตาลี ต้นคริสตมาสยักษ์ใจกลางเมือง และยังตบแต่งต้นไม้ทุกคนในเมืองให้เป็นต้นคริสตมาส
 
เมื่อเราดูการเฉลิมแลองของเมืองดัง 9 อันดับของโลก เราเห็นได้ว่าคริสตมาสไม่ต่างอะไรกับเทศกาลรื่นเริงอื่น ๆ นั่นคือจุดประสงค์ในการเฉลิมฉลองคริสตมาสหรือ ตลอดเดือนเราได้เรียนรู้ว่าคริสตมาสคืออะไรและเราที่เป็นคริสเตียนจะต้องทำอย่างไรกับวันสำคัญนี้
ประการแรก
หากเราดูการต้อนรับการเสด็จมาขององค์พระเยซูคริสต์ตามแบบของมารีย์และโยเซฟ (มธ. 1:18-24; ลก. 1:26-38) เราจะพบความจริงอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองคริสตมาส นั่นคือ การเชื่อฟัง มารีย์เชื่อฟังพระเจ้าโดยยอมรับการ “ตั้งครรภ์” ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ซึ่งผลลัพธ์นั้นถึงขั้นเสียชีวิต (ตามกฎหมายของยิว) ส่วนโยเซฟก็เชื่อฟังพระเจ้าโดยการยอมรับมารีย์มาเป็นภรรยาของตน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามารีย์ตั้งครรภ์ และตนเองก็ไม่ได้เป็นผู้ทำให้นางตั้งครรภ์
เรามาลองพิจารณาคำถามนี้ร่วมกัน
1. การเชื่อฟังพระเจ้าเป็นเรื่องที่ทั้งสองคนทำได้ง่าย ๆ หรือไม่ เปล่าเลย สำหรับโยเซฟเขาคิดจะถอนหมั้น ลับ ๆ (มธ. 1:19) สำหรับมารีย์เธอตั้งคำถามว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะเธอยังไม่ได้แต่งงาน (ลก. 1:34)
2. ทั้งสองคนออาจจะมีคำถามอีกมากมายในใจ สำหรับมารีย์อาจจะคิดว่าจะบอกโยเซฟ พ่อแม่ และคนใกล้ชิดอย่างไร พวกเขาจะเชื่อไหม ถ้าพวกเขาไม่เชื่อจะทำอย่างไร สำหรับโยเซฟ เขาอาจจะไม่มีคำถามแบบมารีย์ แต่การจะเชื่อคำพูดของมารีย์ว่าท้องโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเชื่อได้ง่าย ๆ
3. ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้ และนำไปบอกกับผู้นำทางศาสนา และมีการสอบสวนขึ้นมา โทษนั้นถึงตาย ในข้อหาล่วงประเวณี
แต่ทั้งสองคนก็เชื่อฟังพระเจ้า และทำตามคำของทูตของพระเจ้า คือ มารีย์ยอมรับการตั้งครรภ์ โยเซฟยอมรับมารีย์มาเป็นภรรยา และเมื่อบุตรคลอดออกมาก็ตั้งชื่อตามที่พระเจ้าได้ตรัสสั่งไว้
นี่คือการฉลองคริสตมาสที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ถ้า...
• มีต้นคริสตมาสที่สูงใหญ่ แต่ขาดการเชื่อฟัง ก็ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าประสงค์
• มีของขวัญมากมาย แต่ขาดการเชื่อฟัง ก็ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าประสงค์
• มีการร้องเพลงอย่างไพเราะ แต่ขาดการเชื่อฟัง ก็ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าประสงค์
• มีการประประดาอย่างสวยงาม แต่ขาดการเชื่อฟัง ก็ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าประสงค์
เรากำลังฉลองคริสตมาสแบบนี้หรือไม่ มีอะไรที่ตลอดปีที่ผ่านมา (หรือก่อนหน้านั้น) เรายังไม่เชื่อฟังพระเจ้าเลย ขอให้มันเริ่มขึ้นวันนี้ ขอให้การเฉลิมฉลองคริสตมาสของเราเริ่มต้นด้วยการเชื่อฟัง และตั้งใจว่าจะเชื่อฟังพระเจ้าเหมือนอย่างมารีย์และโยเซฟ
ประการที่สอง
สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราดูเรื่องราวเกี่ยวกับโหราจารย์ สิ่งหนึ่งที่พวกเขาได้ทำและเป็นคำตอบของคำถามที่ว่าฉลองคริสตมาสอย่างไรให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าก็คือ การนมัสการ (มธ. 2:1-12)
ดังที่เคยพูดไปแล้วว่าคนเหล่านี้เดินทางรอนแรมมาเป็นพันกิโลเพื่อค้นหา “กษัตริย์ของชาวยิว” (มธ. 2:2) อิสราเอลไม่ใช่มหาอำนาจ ยิ่งเทียบกับเปอร์เซียแล้วยิวยิ่งด้อยกว่ามาก แต่คนที่เดินทางมาจากประเทศใหญ่อย่างพวกโหราจารย์กำลังมาค้นหาผู้ที่จะเกิดมาเป็นกษัตริย์ของยิว นั่นก็แสดงว่าคนที่จะเกิดมานั้นต้องสำคัญมาก ซึ่งพวกเขารู้ว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าประทานมาให้ ดังนั้นพวกเขาจึงมาเพื่อนมัสการพระองค์ ซึ่งสิ่งที่พวกเขาได้ทำคือกราบลง ถวายเครื่องบรรณาการ ซึ่งมีความหมายว่าการถวายพระเกียรติ การเฉลิมฉลองคริสตมาสแบบนี้แหละเป็นแบบที่พระเจ้าทรงพอพระทัย คือ การถวายเกียรติพระเจ้า
• เรากำลังฉลองคริสตมาสแบบถวายเกียรติพระเจ้าอยู่หรือไม่ หรือเป็นแค่สนุกสนาน รื่นเริง โดยไม่คำนึงถึงว่ามันเป็นสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่
• ทุกอย่างที่เรากำลังทำบ่งบอกว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ บริสุทธิ์ และน่ายกย่อง หรือไม่
• เรากำลังทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด เพื่อเป็นการนมัสการพระเจ้าหรือไม่
ประการที่สาม
ต่อเนื่องจากการนมัสการ คือ การสรรเสริญ และการขอบพระคุณ เราเห็นสิ่งนี้จากคน 3 คน คือ คนเลี้ยงแกะ (ลก. 2:1-10) สิเมโอน (ลก. 2:25-35) และอันนา (ลก. 2:36-38) ทั้งสามคนนี้อยู่ในเวลาที่พระเยซูทรงถือกำเนิด แต่ละคนได้แสดงออกถึงการสรรเสริญและขอบพระคุณ
• คนเลี้ยงแกะสรรเสริญพระเจ้า เพราะพวกเขาได้รับสิทธิที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้า เขาถือว่าตัวเองเป็นผู้ต่ำต้อย ผู้คนไม่ยอมรับพวกเขา แต่พระเจ้าไม่รังเกียจพวกเขา พวกเขาจึงสรรเสริญพระเจ้าเนื่องด้วยเหตุนี้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทำให้คิดถึงข้อพระคัมภีร์ในสดุดีบทที่ 8 ที่ว่า “มนุษย์เป็นใครเล่าที่พระองค์ทรงระลึกถึงเขา...” คนเลี้ยงแกะก็คงคิดอย่างนี้เช่นกัน
• สิเมโอนสรรเสริญพระเจ้า เพราะพระเจ้าสัญญากับเขาว่าจะไม่ตายจนกว่าจะได้เห็นพระคริสต์ และวันนี้เขาก็ได้เห็นแล้ว
• นางอันนาโมทนาพระคุณพระเจ้า เพราะนางได้รับความโปรดปราน ในฐานะหญิงม่าย ซึ่งปกติถูกทอดทิ้ง แต่วันนี้พระเจ้าได้ทรงโปรดเขา
แต่ละคนมี “สาเหตุ” ที่จะสรรเสริญพระเจ้า การฉลองคริสตมาสจึงเป็นเรื่องของการสรรเสริญและโมทนาพระคุณพระเจ้า อะไรที่ทำให้เราอยากสรรเสริญและโมทนาพระคุณพระเจ้า นี่คือการเฉลิมฉลองคริสตมาสที่พระเจ้าทรงพอพระทัย คริสตมาสไม่ใช่เวลาแห่งความสุขโดยไม่มีพระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นความสุขเพราะเราได้รับพระคุณของพระเจ้า เราจึงอยากสรรเสริญพระองค์
ประการสุดท้าย
การบอกเล่าเรื่องราวการบังเกิดมาของพระเยซู เราเห็นตัวเรื่องนี้จากคนเลี้ยงแกะ (ลก. 2:10) คนเลี้ยงแกะเหล่านี้บอกเล่าให้ชาวเมืองฟังว่าพวกเขาได้พบอะไร คนที่ได้ยินจะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เขาอยากบอกให้คนอื่นรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น
นี่ก็เป็นการฉลองคริสตมาสในแบบที่พระเจ้าทรงพอพระทัยด้วยเช่นกัน การบอกเล่าในที่นี้อาจหมายถึง
• การบอกให้คนอื่น ๆ รู้ว่าคริสตมาสคืออะไร อาจเป็นการแก้ความเข้าใจผิด การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การบอกเล่าความหมายที่แท้จริงของคริสตมาส
• การบอกให้คนอื่น ๆ รู้อาจหมายถึงการเชิญชวนเขามาร่วมฉลองคริสตมาสที่โบสถ์ หรือการจัดเลี้ยงฉลองคริสตมาสที่บ้านและเล่าเรื่องคริสตมาสให้คนที่ไม่เคยรับรู้ฟังว่าคริสตมาสคืออะไร
อยากให้สังเกตในลูกา 2:18 การตอบสนองของคนที่ได้ยินคือ “ประหลาดใจ” เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้มาก่อน บางทีคนที่ไม่เคยได้รับรู้เรื่องจริงของคริสตมาสก็อาจจะประหลาดใจแบบนี้เช่นกัน..
cr: ศจ. ดร. สมใจ รักษาศรี
ศิษยาภิบาลคริสตจักรแห่งความเชื่อแบ๊บติสต์
โฆษณา